มนุษย์ วุ่นวาย สับสน จิตใจ วกวน เหลือหลาย คำหลอก คำลวง มากมาย ฝังใน ความคิด ผู้คน ปลิ้นปล้อน กะล่อน ลวงหลอก ความคิด กลิ้งกลอก ฉ้อฉล กิเลส บังตา มืดมน ไม่สน ใครเป็น เช่นไร ตีรัน ฟันแทง ไม่เว้น บาปบุญ เป็นสิ่ง เหลวไหล เงินตรา คือสิ่ง ยิ่งใหญ่ อยากได้ สิ่งใด สั่งมา ทะเลาะ ตบตี หึงหวง หลงใหล ติดบ่วง เสน่หา ยามเมื่อ ความรัก เข้าตา คนดี เป็นบ้า วุ่นวาย อิจฉา ริษยา ตาร้อน ไม่เคย ลดหย่อน สูญหาย ละโมภ โลภมาก มิคลาย อยากได้ กลายเป็น ของตน โกรธแค้น สิ่งใด ไม่คิด สติไม่ ยั้งคิด ไม่สน คิดเพียง ทำร้าย ผู้คน อ้างเหตุ อ้างผล เลื่อนลอย วุ่นวาย วายวุ่น เวียนวน สับสน ไร้คน ปลดปล่อย เบื่อหน่าย กับการ เฝ้าคอย รอความ วุ่นวาย มลายลง
15 กรกฎาคม 2547 22:56 น. - comment id 299200
แต่งกลอนสอนใจบทนี้ได้ดีมากจังเลย ใช้คำกระชับและสื่อความหมายได้ตรง แสดงความเป็นปัจเจกของกลอน๚ะ๛ size>
15 กรกฎาคม 2547 23:07 น. - comment id 299207
เถ้าธุลี... เป็นเพียงปถุชนคนหนึ่ง มากล้นซึ่งกิเลสและตัณหา เพื่อสนองความต้องการแห่งชีวา แม้ไขว่คว้าดาวไว้ก็จะทำ... เรื่องชั่ว เรื่องดี แยกยาก คนลำบาก มากทุกข์ เพราะกรรม กิเลส คือเหตุจาก การกระทำ ชั่วช้า..ต้อยต่ำ..เพราะตน เพราะฉะนั้นจึงจำยืดอกรับ.. คิดนับเรื่องราวทุกหน.. ก่อนทำจงคิด..แยบยล เพราะผลจะตกแก่ตัว.. *-*แวะมาชื่นชมกลอนของคุณแต่งได้ดีเลยค่ะ*-* @^___^@ วีนัสก่ะเจ้า
15 กรกฎาคม 2547 23:24 น. - comment id 299209
เนื่องจากศีล ๕ เพื่อความร่มเย็นของแผ่นดิน ::Part I ตอบ คุณเถ้าธุลี สวัสดีครับ ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเมก คุณเถ้าธุลี..ชื่อนี้ดูดีจังนะครับ อ่านแล้วก็ให้แง่คิดดีเหมือนกัน เข้าใจตั้งดี นะครับ วันนี้บ้านหลังนี้ ได้มีโอกาสได้ต้อนรับคุณ ไหน ๆ ก็มาแล้ว เมกมีเรื่องเล่าจะพูดให้ฟังนะครับ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องมาจากเรื่องของน้องตูน ทำไมถึงพูดเรื่องมุมมองมาก เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิด กรณีการฟ้องร้องทางวุฒิสภา ซึ่งเป็นข่าวพาดหัวหน้า ๑ หนังสืออยู่หลายวัน เมกคิดว่าคุณคงได้อ่านนะครับ เรื่องนี้ให้แง่คิดเมกหลายอย่าง อย่างหนึ่งก็คือ...มุมที่มอง พอมองเห็นมุมที่ตนมองก็นึกว่ามุมนั้นถูก พอคิดว่าตัวเองถูกก็คิดว่าคนที่ไม่เห็นอย่างตนผิด ปัญหามันก็เกิดสิครับ เมกได้ศึกษากรณีนี้ดูแล้ว มัน ก็เหมือนกับนิทานเรื่องหนึ่ง มีชายตาบอด ๖ คน อยากรู้ว่าช้างมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร พวกเขาจึงไปเที่ยวสวนสัตว์ เพื่อหาความจริง โดยการสัมผัส ชายคนแรก ตรงเข้าไปหาช้างและชนเข้ากับด้านข้างตัวอันใหญ่โตมหีมาของมัน เขาอุทานเสียงหลงว่า โอ พระเจ้า มันเหมือนกำแพงจังเลย! ชายคนที่ ๒ บังเอิญไปจับถูกงาจึงร้องบอกว่า อะไรกันนี่ กลมๆ แหลมๆ ช้างเหมือนหอกต่างหาก ชายคนที่ ๓ บังเอิญไปจับถูกงวง เขาลูบๆ คลำๆ มัน แล้วบอกอย่างมั่นใจมากว่า รู้แล้ว ช้างมันเหมือนงูนี่เอง ชายคนที่ ๔ เอื้อมมือออกไปไขว่คว้าอย่างกระตือรือร้น แล้วเขาก็ต้องตกตะลึง เป็นสัตว์ที่แปลกประหลาด อะไรอย่างนี้ มันเหมือนต้นไม้จริงๆ ชายคนที่ ๕ ตัวสูงหน่อยจับไปถูกหู เขาพูดเสียงหนักแน่นว่า แม้แต่คนตาบอดที่สุดก็บอกได้ว่า ช้างเหมือน พัดที่สุด ชายคนที่ ๖ ไม่รอช้าเริ่มพิสูจน์บ้างทันที ว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้เหมือนอะไร แล้วคว้าหมับเข้าที่หางช้าง รู้แล้ว ช้าง เหมือนเชือก! แล้วชายทั้ง ๖ ก็ถกเถียงกันใหญ่ว่าช้างเหมือนอะไร เพราะต่างคนต่างก็เชื่อว่าก็เชื่อว่าความคิดของตัวเองถูก ต้องที่สุด ฉันใดก็ฉันนั้น คนใดก็ตามที่ปิดกั้นไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ยึดถือความคิดเห็นของตนเอง เป็นหลัก ถึงแม้จะตาดีก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอดพวกนี้เลย!จริงมั้ยครับคุณเถ้าธุลี จาก : เมกกะผู้ชายสีขาว รหัส - วัน เวลา : 303447 - 14 ก.ค. 47 - 20:30 ขอบคุณครับที่แวะไปเยี่ยมเมก ว่าง ๆ ก็แวะมาเยี่ยมเมกอีกนะครับ ขอบคุณครับ
16 กรกฎาคม 2547 06:58 น. - comment id 299282
มาอ่านเป็นกำลังใจให้นะครับ เราคงต้องเจอกันอีกนาน
16 กรกฎาคม 2547 15:08 น. - comment id 299513
ขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมน้องใหม่อย่างเถ้าธุลีนะคะ
17 กรกฎาคม 2547 15:16 น. - comment id 299857
เถ้าธุลีล่องลอยปล่อยเป็นสาย มีความหมายมายมากหากค้นหา มิอาจให้นิยามตามอักษรา กาลเวลาหมุนไปให้ค้นตน ขอบคุณจากใจจริงๆที่ชื่นชมกัน แล้วจะรอติดตามนะครับ ชาวmc
31 สิงหาคม 2547 11:59 น. - comment id 320036
แต่งดี เรียบง่ายไม่เพ้อเจ้อ อ่านแล้วเข้าใจสภาวะความคิดของคนแต่งดี เห็นความเป็นธรรมดาแห่งสภาพโลก เยี่ยมจริงๆ
29 กันยายน 2547 12:17 น. - comment id 340402
คุ้น ๆ นะ ลีน่าร์