กลอนหก ไร้แรงบิน รอนรอนอ่อนล้ารวยริน โดดเดี่ยวผินผกตกหงาย ร่อนร่วงเร่ร้างเดียวดาย ตราบตรายกายกกพกเงา คืบคลานผ่านวันผันเดือน ยลยินเยือนวอดว้างเฉา อนาถหนอท้อแท้ตัวเรา ชีพอับเฉาถ่วงธาตรี เกาะคอนขับเคี่ยวหรรษา ชุบกายาไร้หมองศรี แวดล้อมมวลเหล่ากินรี ท่วงท่าทีชดช้อยเพลิน ทำราวพราวเพริศเลิศฟ้า สูงสง่าเทียมเมฆลอยเหิน ยิ่งใหญ่แกร่งไกรเก่งเกิน โฉบเฉี่ยวเนินแนวพนาวัน พรานล่าพารุดทรุดโทรม ขายเข้าโดมแดนฝากฝัน คนเป็นเริงเล่นเต้นพลัน ลืมทุกข์ทันทวีเทวษปลง สุขกายอยู่ใยไฝ่จิต สุขสนิทโอบอ้อมน้อมหลง สุกใจไหม้หมดร้าวลง สุขสุกคงคลุกเคล้าชีวิน มองมุ่งพุ่งหาหนทาง เวียงวังร้างสายทรัพย์สิน ทนสู้อยู่สร้างแรงบิน จนกว่าสิ้นอินทรีย์มลาย ชีวิตของนกอินทรีย์ผู้ยิ่งใหญ่ในฟากฟ้า ถูกพรานล่ามาสู่แดนที่ให้ผู้ชมเพลินการละเล่น วันแต่ละวันอยู่อย่างลำเค็ญ ขาดการแลเหลียว ผู้คนไม่ได้มาเที่ยว โดดเดี่ยวเกาะคอน ทนทุกข์ไร้แรงบินจร เปรียบชีวิตคนปนละคร ใหญ่ใดราญรอน ทางสุดมุดเดี่ยวเดียวดาย ท้ายตายกายกลบจบกลอน อาภาภัส ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๗ บ้านพระประแดง
27 มิถุนายน 2547 09:48 น. - comment id 290444
สวัสดีทุกท่านนะคะ ลองเขียนกลอนหกดูค่ะ ถ้าอ่านก็ขอบพระคุณล่วงหน้า แล้วแถมอ่านเรื่องสั้นด้วยได้ไหม นานแล้ว ช่วยคลิกเข้าไปอ่านที่โพสต์สุดท้ายนะ อ่านแล้วก็ขอบคุณมาก ส่งอีเมล์บอกด้วยได้ไหมว่ามันพอใช้ได้ไหม ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
27 มิถุนายน 2547 10:13 น. - comment id 290458
เขียนเปรียบได้ดีจริงครับ.... ทุกคราที่เข้ามาอ่านจะมีสองรอบประจำ...รื่นอารมณ์...แต่งานนี้อ่านแล้วยิ่งโหยหายังไงไม่ทราบได้... ชื่นชมเสมอเสมอครับคุณ จากใจ
27 มิถุนายน 2547 10:20 น. - comment id 290461
อินทรีย์นักล่ากล้าหาญ เขตคามสยบหวั่นไหว ถูกเลี้ยงอบรมเอาใจ เพื่อให้บินเกี่ยวเฉี่ยวเงิน
27 มิถุนายน 2547 11:05 น. - comment id 290470
ตอบคุณแทนคุณแทนไท ชีวากล้าแกร่งแรงร้อน บนแดนดอนใจคนไฉน สู้เร่งเก่งกาจสาดไป หยดแรงไถกลบลบทางตัน
27 มิถุนายน 2547 12:54 น. - comment id 290506
ตอบคุณอรรถสิทธิ์ โปรยเงินแปะกลบภพนี้ เป็นผีเร้นลบหลบหาย เงินไหม้ใจบูดทูตวาย เหนือความหมายแฝงดีดัง
27 มิถุนายน 2547 13:21 น. - comment id 290526
งานดีจริงๆคะ เขียนได้ดี ^^ เปรียบเปรยได้ดีเห็นภาพคะ ชอบๆๆ
27 มิถุนายน 2547 13:25 น. - comment id 290529
^-^....
27 มิถุนายน 2547 13:26 น. - comment id 290531
อินทรีย์คนองครองฟ้า ถูกล่าศรฉีกปีกหัก เมื่อเธอสลัดตัดรัก เจ็บหนักสิ้นหวังดั่งอินทรีย์
27 มิถุนายน 2547 13:41 น. - comment id 290541
อั่วฮัมโทๆ กลอนแจแกวะ ๆ
27 มิถุนายน 2547 13:47 น. - comment id 290543
อืมๆ มันเป้นเช่นนี้นะเอง : )
27 มิถุนายน 2547 14:40 น. - comment id 290567
# # # แก้วจะบางสักเพียงใดก้อช่างแก้ว # # # # # # ขอให้ใจสองดวงห่วงใยเพียงพอแล้วใช่หรือไม่ # # # # # # คำตอบที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ # # # # # # ยังไม่พอหรอกนะแค่นี้ไซร้ต้องมีความเข้าใจร่วมปะปน # # # # # # แก้วใบสวย สวยเพียงแก้ว ก้อไร้ค่า # # # # # # สิ่งที่ปรารถนาในหัวใจบางครั้งก้อวุ่นวายสับสน # # # # # # ต้องดิ้น ต้องไขว่ ต้องคว้า แสนวกวน # # # # # # บางครั้งก้อสุดทน กับแก้วบาง เมื่อร้างไกล # # # โชคชะตาฟ้าลิขิต....หรือไร !!!!!! ความรักไฉนยากนักอธิบาย อาภาภัส ช่างงดงามในบทกวีจริง ๆ นะ ความรัก นะความรัก ช่างน่าฉงน ?
27 มิถุนายน 2547 17:23 น. - comment id 290634
ขอนกกระจอกมาบินด้วยคนนะค่ะ .................................................. เพียงความรู้สึกของนกตัวหนึ่ง แม้จะพึ่งโบยบินสู่ถิ่นฟ้า กางปีกกว้างร่อนไปใช้วิญญา เพื่อเสาะหาความฝันในหัวใจ ถึงทุกข์บ้างสุขบ้างก็ยังบิน ทั่วทุกถิ่นแนวไพรไกลแค่ไหน บอกตัวเองทุกอย่างอยู่ที่ใจ เข้มแข็งเอาไว้..ให้ดูแลตัว เช้านี้..ก็คงเริ่มบินอีกครั้ง ออกจากรังอบอุ่น..ที่คุ้มหัว บินบินบิน....บินไปไม่เคยกลัว รักษาตัว..ของตัวด้วยหัวใจ เพียงความรู้สึกของนกตัวน้อย บอกด้วยถ้อยภาษาคราสดใส สู้ด้วยตัว..สู้ด้วยใจ..ให้บินไป ไกลแค่ไหน..จะตามฝัน..นั้นมาชม
27 มิถุนายน 2547 17:29 น. - comment id 290638
เขียนเปรียบเทียบได้ดีมากเลยค่ะ .. น้องสาวคนนี้ .. แอบย่อง .. มาอ่านบทกวี .. ที่สวยงาม .. แก้มมาทักทายค่ะ
27 มิถุนายน 2547 20:29 น. - comment id 290696
สื่อความหมาย..ได้ไพเราะ ..มากเลยคะ.. เรน..แวะมา..ชื่นชม..นะคะ..
27 มิถุนายน 2547 22:39 น. - comment id 290747
ไก่ขันเมื่อวันรุ่ง................หอมจรุงกลิ่นพฤกษา ดอกไม้แห่งบ้านนา............เริ่มผลิรับกับแรกวัน นอนฟังเสียงหงษ์หยก........เหล่ากานกบินผกผัน เจื้อยแจ้วแล้วจำนรรค์.......กล่อมบ้านนาอยู่อาจินต์ โผผกสู่โลกหล้า...................แสงทอมากระทบถิ่น กลิ่นข้าวหอมรวยริน...........กลิ่นควันไฟไล้หลังคา นกผินจากรังนอน...............ทิ้งคบคอนร่อนเวหา เกาะรวงข้าวกลางนา...........เกาะกิ่งส้มตรงเรือนไฟ ถิ่นฐานเมื่อวานวัน.............ไร้ยึดมั่นท้องถิ่นไหน วิถีแห่งนกไพร...................จักเร่ร่อนไปตามกาล บินเหนือเรียวรวงข้าว.........ฤดูหนาวข้ามห้วยหาน เกาะไม้รายริมธาร..............นอนซบกายใต้ร่มไทร ตะวันทอแสงมา...................ปีกอ่อนล้าพาไปไหน ฝั่งฟ้าอันแสนไกล...............กลัวพลัดหลงจมน้ำตา แดดเริงเริ่มกล้าแกร่ง.........ลมเริ่มแรงร่วนเวหา ร่อนลงตรงเถียงนา.............ในหมู่บ้านป่าดงดอน บ่ายน้อยคล้อยแดดจับ.........ตะวันลับเหลี่ยมสิงขร โผกลับจับคบคอน................ใต่ร่มโศกวิโยคพลบ ครรลองของผู้ใด..................ลิขิตไว้ใร้จุดจบ เลี้ยงลูกทุกคราครบ.............เลื่อนเรื่อยไปไม่จีรัง จากถิ่นแล้วทิ้งถิ่น................ลืมหมดสิ้นร้อยความหลัง สิ่งใหม่ไกลรวงรัง................รอให้ค้นบนไม่มี จรไปไร้ทิศทาง...................บ้างอ้างว้างบนวิถี สุขทุกข์คลุกฤดี....................ว่ายเวียนพบจบยลยิน ฤดูเริ่มเปลี่ยนผัน................อีกกี่วันต้องผกผิน อนิจจังดังแว่วยิน.................พริ้วกิ่งโศกเมื่อโลกแปร ----------------- ทุกข์ขังกังวานยิน.................อวลรังนอนตอนสิ้นแรง อนัตตาอยู่อาจินต์.................อยู่เหนือกฎปวงนกไพร เวลาที่เรานั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นห้วงเวลาที่ส่งเสริมให้จิตเราแกร่ง มองเห็นความเป็นไปแห่งวิถีธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ใบไม้ ต้นไม ทุกทุกๆ ธรรมชาติบนโลกนี้ล้วนตกอยู่ภายในกฎแห่ง การเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งไหนเป็นของเราแม้แต่สิ่งเดียว แม้แต่ลมหายใจ ทุกอย่างเกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุและธรรมชาติของสิ่งนั้น เมื่อได้สัมผัสได้คิดได้วิเคราะห์ ชวนให้ประหวัดถึง คำสอนของนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง เธอกล่าวไว้ว่า... เมื่อเรายอมรับว่าสิ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าของเราเปลี่ยนแปลงได้ ความยึดมั่นถือมั่นในโลกของเราจะคลายลง เหมือนกับเวลาที่เราดูหนังเวลาที่เราอยู่ในโรงภาพยนต์ เราจะเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่นั้นเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้นเอง ไม่ใช่ของจริงจังที่เราควรจะยึดถือไว้ ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเราฝึกมองสิ่งที่เราเห็นอยู่ข้างหน้านั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เราจะพบว่าเราจะไม่เอาจริงจังกับสิ่งนั้นจนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ความจางคลายในโลกนี้เราสามารถทำได้ในทุกๆ ขณะที่มี เวลาของแต่ชีวิตนั้นสั้นนัก วันนี้พรุ่งนี้ เราจะมีเวลาในการเข้าใจกฎความจริงมากน้อยแค่ไหนกัน? ลำน้ำน่าน...นกไพรใต้ร่มโศก
28 มิถุนายน 2547 06:13 น. - comment id 290869
หวัดดีนะครับ พี่ ภัส สบายดีไหม ไม่ได้คุยกันนานมาก ๆ เลยนะ รู้บ้างไหม ไม่รู้ว่า พี่สบายดีหรือเปล่านะครับ ขอให้พี่ มีความสุข และสุขตลอดไปนะครับ มีเวลาจะ ไม่มาอ่าน เฮ้ยมาอ่าน อิอิ จากเด้กที่ชื่อว่า yos ครับอิอิ
28 มิถุนายน 2547 11:11 น. - comment id 290916
หวัดดีค่ะพี่ตะวัน มัทโผล่หน้ามาแล้วนะคะ โผล่มาให้พี่ตะวันต๊กใจเล่น ๆ ค่ะ แวะมาอ่านกลอนหกของพี่ตะวันค่ะ เพราะจังค่ะ เด๋วมัทให้รางวัลพี่ตะวันซักหน่อยอะ จะพาไปทานข้าวล่องเรือเจ้าพระยา จะพาไปทานปลาที่คุ้งกะพงรีสอร์ท จะไปอ้อนออดที่นครเชียงใหม่(ปหาเรนจัง) จะพาไปชมไพร กับพี่พงษ์ที่ภูกระดึง เอ...คิดแล้วน่าทึ่งแฮะ เพราะแต่ละที่มันคนละทาง จะไปยังไงหวาเนี่ย แวะมาเซวพี่ตะวันค่ะ คิดถึงนะคะ
28 มิถุนายน 2547 20:19 น. - comment id 291079
ลองดูซักบทไม่รู้ว่าจะหกคะเมนตีลังกาหรือไม่ เรื่อยเรื่อยเรียงเรียงรอนรอน จากคอนจรจิตคิดฉงน เล่ห์ลวงหลอกล่อร้อยกล สับสนหนทางเที่ยวไป
18 กรกฎาคม 2547 18:17 น. - comment id 300530
ตอบขอบคุณทุกท่านนะคะ วันนี้มีแรงออกบิน ฟ้าไม่สิ้นแสงสดใส หัวใจโยนเย็นใจ ฝากกองไว้ในไทยโพม