สีถนนหม่นมัว กระจายทั่วด้วยหมอกควัน เซ็งแซ่แข่งเสียงกัน ณ ฉากนั้นในนคร บนบาทวิถีเศร้า กลางแดดเผามาแผดร้อน ร่องรอยฝันสัญจร เปื้อนฝุ่นฟอน ฝันของใคร ชีวิตหนึ่งผันผ่าน วันของวารคืนของใจ ท่ามกลางฝันของร้าย เพียงเศษไม้ที่ผุพัง เลื่อนลอยตามรอยทาง วิถีร้างคว้างความหวัง วิถีเมืองชิงชัง ว่าจีรังช่างห่างไกล กระป๋องเปื้อนน้ำตา แลกเงินตราปนน้ำใจ หยิบยื่นและคืนให้ ด้วยหนึ่งใน บทเพลงเหงา คือ เพลงรัก เพลงโศก อีกเพลงโลกที่คร่ำเก่า ร่ำร้องซ้องความเศร้า ในค่ำเช้าที่ดายเดียว สีถนนหม่นมัว เคลือบคลุมทั่วทุกโค้งเคี้ยว ไยใจกลับเปล่าเปลี่ยว ในส่วนเสี้ยวของนคร...
10 มิถุนายน 2547 16:36 น. - comment id 283768
.. คงมีอีกหลายชีวิต ดำเนินไป คล้ายอย่างนี้..
10 มิถุนายน 2547 19:08 น. - comment id 283807
กำลังรู้สึกอย่างนี้เลยค่ะ
11 มิถุนายน 2547 17:34 น. - comment id 284061
ขอบคุณมากๆ ค่ะ คุณรดาและคุณนางฟ้าซาตาน ที่แวะมาชม
11 มิถุนายน 2547 19:26 น. - comment id 284092
เส้นทางต่างลดเลี้ยวและเคี้ยวคด หยาดน้ำตารินรดหยดทางฝัน เมื่อหนทางที่ลิขิตชีวิตนั้น ช่างแปลกเปลี่ยวในเสี้ยววันกาลเวลา ดุ่มเดินตามเส้นทางที่วางไว้ ต้องก้าวถึงหลักชัยแม้เหนื่อล้า จะน้ำคำที่หยามย่ำทั้งสายตา อาจไม่เป็นที่ปรารถนาเช่นใคร เก็บกักมาเป็นแรงสู้เรียนรู้โลก บนวิถีที่คร่ำโศกทุกยุคสมัย แม้เดินเดี่ยวบนทางร้างแสนไกล จะสรรค์สร้างทางของใจด้วยฝัน ถนนลิขิต...ของกวีบ้านไร่ เป็นแรงบันดาลที่ดีมากเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานจากใจจริง ก้าวเดินต่อไป... จาก : รหัสสมาชิก : 3179 - vaproud รหัส - วัน เวลา : 287870 - 11 มิ.ย. 47 - 18:03 -------------------------------- ความคิดเห็น : ตอบ Vaproud แม้นจะไกลแค่ไหนต้องไปถึง ณ ที่ซึ้งมืดมัวสลัวแสง มีขอบฟ้าเป็นเพื่อนคอยผ่อนแรง ดาวเดือนแกล้งเยินยอให้เข้าใจ อย่าอ่อนไหวกับสายลมที่พัดผ่าน อย่าร้าวรานกับแสงแดดเผาดวงไข จงต่อสู้กับดวงดาวที่อยู่ไกล เธอจะได้กับกับเส้นชัยที่ใกล้มา ไม่มีใครไหนได้สูตรสำเร็จ แม้นกินเผ็ดก็หายร้อนอย่าอ่อนล้า หากใจมั่นจงเข็มแข็งกับเวลา เพื่อบอกว่าเส้นชัยถึงแน่นอน ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมครับ
12 มิถุนายน 2547 11:04 น. - comment id 284275
ขอบคุณค่ะ...กวีบ้านไร่ ที่ยกคำตอบมาให้ถึงหน้านี้เลย