ในเมืองแห่งแสงสีที่สดใส ข้าหม่นหมอง ข้าร้องไห้ ตั้งหลายหน ในเมืองแห่งความหลายหลากมากผู้คน ข้าอ่อนแรง ดิ้นรน...จนอ่อนใจ คิดถึงข้าวเต็มนา ปลาเต็มน้ำ คิดถึงคลองเคยว่ายดำ น้ำใสใส คิดถึงบ้านที่ลาร้างมาห่างไกล คิดถึงใครบางคนที่เฝ้าคอย ทั้งดินทั้งฟ้า เจ้าจะรู้ไหมว่า ข้าเหงาหงอย ชีวิตที่เป็นอยู่ดูล่องลอย ตัวข้าเล็กกระจ้อยร่อยอยู่กลางกรุง อยากจะคืนภูมิลำเนา แหล่งกำเนิด ผืนแผ่นดินถิ่นเกิด และท้องทุ่ง กลิ่นจำปี มะลิลา หอมจรุง ฝากความมุ่งหวังไป กับสายลม ฝากคิดถึงแม่พ่อและน้องพี่ อยู่ทางนี้ ใจจะขาดด้วยขื่นขม ยังไม่ลืมทุกถ้อยร้อยคำคม สอนสั่งสมสูงค่ากว่าเงินทอง ฝากคิดถึงเถาตำลึงที่ริมรั้ว ทั้งสายบัวสันตะวาในนาหนอง ฝากห่วงแม่โสนน้อยที่ริมคลอง ฝากปกป้อง ผักบุ้งน้ำ ตามคันนา ภาพเจ้าทุยลุยลายยังไม่ลบ เสียงเขียดกบยังเจื้อยแจ้วให้แว่วหา หอมควันไฟจากเตาฟืนยังไม่ซา ยังหวังว่ายังมีหวัง.จึงยังทน ในเมืองแห่งแสงสีที่สดใส ข้าหม่นหมองข้าร้องไห้ตั้งหลายหน ในเมืองแห่งความหลายหลากมากผู้คน ข้าอ่อนแรง ดิ้นรนจนอ่อนใจ มีภาพของพ่อแก่ และแม่เฒ่า คอยปลอบใจให้คลายเศร้าพร้อมก้าวใหม่ ข้าฝากตัวไว้เมืองกรุงที่ศิวิไลซ์ ข้าฝากรักและห่วงใยไว้บ้านนา
4 พฤศจิกายน 2544 04:43 น. - comment id 17447
หายไปนานเลยนะคะ .....อ่านแล้วซึ้งจังจังเห็นภาพเลยค่ะ
4 พฤศจิกายน 2544 06:51 น. - comment id 17469
ไพเราะและอ่อนหวานตามสไตล์ไม่เปลี่ยนแปลง อ่านแล้วทำให้มองเห็นภาพตามไปด้วยเลยค่ะ
4 พฤศจิกายน 2544 07:54 น. - comment id 17490
อ่านแล้วทั้งเหงา ทั้งเศร้าตามเลยค่ะ
4 พฤศจิกายน 2544 09:23 น. - comment id 17510
ฝีมือเขียนกลอนยอดเยี่ยมจริงๆ อยากอ่านงานกลอนงดงามแบบนี้บ่อยๆจัง
4 พฤศจิกายน 2544 11:21 น. - comment id 17533
ไพเราะจับใจเลยค่ะ
4 พฤศจิกายน 2544 13:44 น. - comment id 17546
ชอบท่อนจบจังเลยครับ ข้าฝากตัวไว้เมืองกรุงศิวิไลซ์ ข้าฝากรักและห่วงใยไว้บ้านนา
4 พฤศจิกายน 2544 16:03 น. - comment id 17558
ได้อ่านแล้วเพราะมากครับ... เห็นได้ดังจินตนาการเลย.... หายไปนานเลยนะครับ
4 พฤศจิกายน 2544 23:37 น. - comment id 17667
แต่งได้ดีมากเลยค่ะ นับถือ....นับถือ(จริงๆค่ะ)
6 พฤศจิกายน 2544 12:23 น. - comment id 17958
ไพเราะมากครับ
6 พฤศจิกายน 2544 12:23 น. - comment id 17959
ไพเราะมากครับ
12 พฤศจิกายน 2544 21:37 น. - comment id 19096
ขอบคุณทุกๆ ท่านพันหนเลยค่ะ