เล่นลม
นกตะวัน
แสงแดดที่แผดกล้าเริ่มอ่อนล้าลงแล้ว ผมกับนายแป้นจึงมีกำลังใจส่องกล้องขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อมองหานกอินทรี เพราะไม่มีแสงแดดที่ร้อนจัดมารบกวนสายตา เราได้พบนกอินทรีจริงๆ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นนกอินทรีชนิดใด เพราะบินอยู่สูงเหลือเกิน แต่นายโต้งยังคงปักหลักอยู่ที่เดิมเพื่อบันทึกภาพเหยี่ยวดำภาพแล้วภาพเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ในไม่ช้าเหยี่ยวดำที่บินกลับมาต่างโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วร่อนวนขึ้นไปในท้องฟ้าจนเนื่องแน่นไปหมด
ครั้นแสงแดดแผดรอนเลิกร้อนจัด
ลมโชยพัดพฤกษาพาวาบหวิว
เหยี่ยวตะลอนร่อนฟ้ามาเป็นทิว
แลเห็นลิ่วลิบไกลในนภา
ต่างบินว่อนร่อนวนด้นฝ่าเมฆ
ใครหนอเสกสรรค์เจ้าเฝ้าเวหา
กางปีกผินบินผ่อนรอนแรมมา
ใต้แสงจ้าแจ่มใสสุขใจจัง
ล่องตามลมสมใจได้ทั้งวัน
สู่ฝั่งฝันฟ้าไกลไม่สิ้นหวัง
แม้นาแล้งแห้งน้ำฉ่ำประทัง
แต่พลังยังมีเร็วรี่ไป
รอเวลาคราค่ำเย็นย่ำเยือน
จึงค่อยเคลื่อนสู่คอนเกาะนอนใหม่
ต้นตาลอยู่คู่ดินทั่วถิ่นไซ้
ฝูงเหยี่ยวได้ยึดครองหอห้องตน
ผมกับนายแป้นยังคงส่องกล้องมองดูเหยี่ยวดำนับร้อยตัว ที่บินวนเวียนอยู่กลางท้องฟ้าแทบทุกระดับความสูง ตั้งแต่เหนือยอดตาลขึ้นไปไม่เท่าไรนัก จนสูงมากจนกระทั่งติดลมบน แลเห็นตัวเล็กเพียงนิดเดียวจนแทบบอกไม่ได้ว่าเป็นเหยี่ยวดำหรือนกอะไรกันแน่ ช่างเป็นภาพที่น่าดูเสียนี่กระไร จนไม่อยากลดกล้องสองตาลง ในไม่ช้านายโต้งได้เดินกลับมาสมทบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส คงจะถ่ายภาพเหยี่ยวดำไปได้มากมายเกินคุ้ม ผมคิดเช่นนั้น