เราตระเวนไปแทบทั่วนาทุกแปลงทางฝั่งซ้ายของถนนเลียบคลองถ้าหากมีคันดินที่กว้างพอให้รถแล่นเข้าไปได้ จนกระทั่งมาออกถนนใหญ่ เลี้ยวซ้ายแล่นไปตามถนน แล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้งไปตามถนนเลียบลำราง แต่สองข้างทางมีแต่ดงหญ้ารกร้างไม่มีทุ่งนาสักแห่ง เราจึงย้อนกลับไปยังถนนเลียบคลอง เลี้ยวขวาไปตามคันดิน เลี้ยวซ้ายเมื่อถึงทางแยก แล่นมาจนสุดคันนา แลเห็นเหยี่ยวดำเกาะอยู่บ้าง บินอยู่บ้าง เราจึงตัดสินใจปักหลักอยู่กลางทุ่งนาบริเวณนี้ มองทุ่งนาหน้าแล้งทุกแหล่งถิ่น เหือดแห้งสิ้นสุดเศร้าเหงาน้ำขัง ดูเวิ้งว้างว่างเปล่าแดดเผาพัง ยืนเดินนั่งยังไงให้ร้อนรน สุดสายตาพาไปเห็นไอแดด ลมร้อนแผดเผาพัดปลิวปัดฝน สักเมื่อไรได้น้ำฉ่ำเบื้องบน ทั่วทุกหนแห่งใดไม่แห้งนาน แหงนหน้ามองท้องฟ้าเวลานี้ นภาสีสวยงามครามประสาน ปุยเมฆขาววาววับรับแสงพาล สาดส่องผ่านเผากายทุรายแรง ค่อยย่ำเหยียบเลียบคันดินนั้นแข็ง ทุกหนแห่งเห็นแยกแตกระแหง หญ้าไม่เห็นเป็นดินหมดสิ้นแรง กลางนาแล้งลมร้อนตะลอนเดิน รถของนายโต้งจอดไว้ตรงสุดคันนา รอบๆที่จอดรถมีร่มเงาของกอไผ่และต้นไม้ใหญ่บ้างจึงไม่ค่อยร้อนเท่าไรนัก เราแลเห็นนกหลายชนิดในบริเวณนี้ เช่น นกเขาไฟ (Red Collared Dove) นกแซงแซวหางปลา (Black Drongo) นกเอี้ยงด่าง (Asian Pied Starling) นกยางควาย (Cattle Egret) และ นกเอี้ยงสาริกา (Common Myna) ในทุ่งนาแปลงใกล้ๆที่เรากำลังเดินอยู่ ทั่วทั้งผืนนามีแต่ดินแห้งแตกระแหง แลเห็นต้นหญ้าสั้นๆขึ้นประปรายอยู่ทั่วไป
25 มีนาคม 2547 13:46 น. - comment id 236792
ทุ่งนาหน้าแล้งแห้งเหลือหลาย ธรรมชาติที่เคยได้ให้พบเห็น กลับหายไปทำใจให้ลำเค็ญ เพราะมันเป็นผืนดินแล้งแห้งเหลือเกิน *-*กลอนไพเราะมากเลยค่ะ แต่งเก่งจัง มาชื่นชมผลงานนะค่ะ*-*
25 มีนาคม 2547 14:43 น. - comment id 236826
ถึงทุ่งนาทุ่งนี้ แห้งแล้งไร้คนดูแล ใช่ว่าจะไร้ความหมาย ทุ่งนาที่ปลูก ดูแลด้วยความจริงใจ จะอยู่ได้ด้วยความเอาใจใส่ของคุณ ........... คุณเก่งมากน่ะค่ะคุณนกตะวัน ************แวะมาชื่นชมค่ะ*******
25 มีนาคม 2547 20:34 น. - comment id 236939
..เรน..เสียดายจังคะ.. บางบทเรน.. อ่านข้ามด้วยดิ... ..แบบว่า.. เรนทำงาน..ส่งมี้ด้วย.. เล่น..ไปด้วยนะคะ.. ..แบบ..แป๊ปเดี๋ยว... เรน..คงต้อง..กลับไปอ่าน..ที่ผ่านๆมา..นะคะ.. ...