๏ เผชิญโลกด้านหนึ่งซึ่งโหดร้าย คนมากมายล้วนเบียดเกียรติ์ศักด์ข้าฯ มิคำนึงอดีตย้อนเมื่อก่อนมา เคยศรัทธาเยี่ยงสหายกลายชิงชัง .. ข้าฯเพียงผู้พเนจรสัญจรผ่าน ไยระรานข่มเหงเบ่งกระทั่ง - แค่ความคิดผิดแผกแยกประทัง ท่านก็หวังฟาดฟันให้บรรลัย การที่ต่างความเห็นเป็นผิดหรือ แล้วท่านถือตัวบทกฏจากไหน จึงตัดสินหมิ่นหยามช่างย่ามใจ รังแกได้พวกมากลากพากัน อันนักเลงมิเกรงกลัวภัยดอก ยืดอกบอกด้วยใจมิไหวหวั่น หนึ่งต่อหนึ่งซึ่งหน้ามาท้าฟัน ดีกว่าหันหลังเห่า..มิเข้าที หากมนุษย์ล้วนจิตคิดเช่นท่าน จะรังสรรค์โลกงามตามควรที่ คงต้องใช้ระยะนานผลาญหมื่นปี เผื่อจะดีเท่าหนวดอวดเต่านา ฤๅอาจโกฏิปีแสงแย้งส่องผ่าน จบจักรวาลที่สนองมองเห็นค่า อาจจะยังมิซาบซึ้งตรึงวิญญาณ์ เพราะบอดบ้ามิรู้ความชอบธรรมจริง ๚ะ๛
17 กุมภาพันธ์ 2547 11:40 น. - comment id 217372
ลมหายใจของท่านและของข้า มิได้ต่างหรอกหนาซึ่งความหมาย เราทุกคนย่อมเกิดแก่และเจ็บตาย ย่อยสลายเป็นปุ๋ยดินในสักครา ฤ โลกมนุษย์ไม่เท่าเทียม ความเหี้ยมเกรียมไหม้แผ่คลุมหมอกหนา และหัวใจเป็นตัวหนำหนดเวลา ความเดียงสาของตัวเรากระไรกัน - - ทุกคนมีลมหายใจ เฉกเช่นเดียวกัน แต่ทำไมนะ โลกใบนี้ถึงยังต้องแก่งแย่ง . . .
17 กุมภาพันธ์ 2547 12:23 น. - comment id 217379
อิอิ แตะไม่ได้ ก็อย่าไปแตะ ก็หมดเรื่อง อิอิ
17 กุมภาพันธ์ 2547 13:59 น. - comment id 217409
สะท้อนภาพได้ดีค่ะอิลมิตรา อ่านอยู่แต่บางทีไม่ได้ตอบไม่ว่ากันนะคะ
17 กุมภาพันธ์ 2547 14:20 น. - comment id 217415
น้องดินสอ ..ขอบคุณมากค่ะ กรอบจำกัดกักขังยั้งความคิด ผู้อื่นผิดเพราะไม่คล้ายสนอง พวกของกู..เพื่อนของกู..รู้ทำนอง อย่าเกี่ยวข้องหากเห็นเป็นทำลาย นี่น่ะหรือคือมนุษย์สุดพิเศษ เกิดอาเภทความชังท่านทั้งหลาย หากลดความเป็น กู ผู้เป็นนาย คนอื่นคล้าย..ขี้ข้า..ไม่น่าชม คุณฤกษ์ .. :) ไม่ทันเสียแล้ว คุณทิกิ .. ขอบคุณมากค่ะ /////// คำแถลงต่อเพื่อน.. สองสามชุดหลังนี้ ค่อนข้างเขียนหนัก เพราะสาเหตุจากถิ่นอื่นที่อัลมิตราประสบมา ..พร้อมกับคำคมของเพื่อนที่ชื่อปุถุชน (..โลกด้านหนึ่งเหวี่ยงฉันลงกับพื้น...อีกด้านฉุดให้ลุกยืนและบอกว่า ..ศรัทธาดีดียังมีจริง.. ) .. ข้อความดังกล่าวทำให้รู้สึกสะท้อนใจ เมื่อพบว่า ตนเองก็เคยประสบชะตากรรมเช่นนั้น วิญญาณขบถจึงเป็นบทแรกที่ถ่ายทอดออกมาแนวที่แตกต่างจากที่เคยเขียนไว้ ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ ถึงตัวกฏที่ถูกกดครอบอยู่ พยายามอย่างยิ่งที่จะขยับขยายให้หายอึดอัด .. และ ความรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เมื่อถูกลอบทำร้าย ชนิดที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดในสังคมที่ค่อนข้างเคร่งในหลักศรัทธา อัลมิตราเฝ้าถามตนเองเสมอมา ว่าสมควรแก่เวลาหรือยัง ที่จะถอยออกมาตั้งหลักใหม่ หรือกลับมายังถิ่นที่อุดมไปด้วยความเป็นมิตร.. ดีกว่าดันทุรังที่จะปลูกดอกไม้แห่งมิตรภาพในดินแดนที่ไม่เคยมองผู้อื่นเป็นมิตรนอกจากพี่น้องเลือดสีเดียวกัน .. รู้สึกสะเทือนใจ และรู้สึกว่า .. ยากเหลือเกิน ที่พยายาม .. ความแตกต่าง ที่เหมือน เส้นขนาน นับวันจะห่างกันไปทุกๆที และหนำซ้ำ ัหัวศรยังชี้กันไปคนละทาง ..
17 กุมภาพันธ์ 2547 16:30 น. - comment id 217495
เข้าใจความรู้สึกที่บรรยายมานะค่ะ แต่ก็ยอมรับว่างานสามชิ้นที่อ่านมาหนักเอาการอย่างที่บอกจริง ๆ ค่ะ แต่ในด้านผลงานกลอนแต่งได้ดีมากๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในฝีมือเสมอค่ะ ส่วนความคิดเห็นในความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกตรง ๆ นะค่ะ ถ้าเรามีความผูกพันในด้านมิตรภาพและกำลังใจที่ดีให้กันเสมอ โลกจะมีแต่ความสุข สงบและสันติค่ะ มีกำลังใจ มีความเอื้ออาทรณ์ค่ะ แต่ถ้าในทางตรงกันข้ามกัน คือการไม่ยอมรับ การรักแต่พรรคพวกเดียวกัน มองแต่เลือดสีเดียวกัน รับประกันเลยค่ะ ไม่มีความสงบ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ถอยมาหาที่สงบอยู่มิดีกว่าหรือค่ะ
17 กุมภาพันธ์ 2547 17:35 น. - comment id 217556
โลกเราเกิดแล้วหลายล้านปีแสง โลดแล่นผ่านแสงจักรวาลนานหนา มนุษย์สัตว์ผุดในโลกล้วนที่เกิดมา ถูกอวิชชานำนอบครอบงำซึ่งจิตใจ อาศัยนามแฝงไว้ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ ประเสริฐสุดด้วยปัญญาอันผ่องใส พอนานเข้าสิ่งแวดล้อมพาให้หัวใจ ได้ผันไปกลายเป็นคนสัตว์ทุกที มีรักเกลียดชังกันพันกันมิเลือกที่ ด้วยให้ยินดีสัตว์สี่ขาพากันหมั่นขมี ประกอบกามรมณ์เหมือนสัตวทุกที ชีวีผ่านเข้ามาไซร้ใจจึงเปลี่ยนไป วางเถิดหนายอดหญิงมิ่งมิตรแก้ว อะไรแล้วผ่านเข้าผ่านใจไปให้สดใส ทำให้คุณความดีด้วยกลอนอันศิริวิไล เฉิดไฉไลกลอนโรจน์รุ่งพุ่งชัชวาลย์ อันความดีสร้างไว้ใครเห็นได้ยากยิ่ง ล้วนทุกสิ่งต้องใช้ความอุสาหะอันไพศาล ผ่านลมหนาวสุขทุกข์นินทาของคนพาล ย่อมระรานสิ่งความดีมีไปให้คล้ายตน ผลของชั่วมั่วตนสร้างไว้ย่อมประจักร โลกที่จักมีด้านดีไว้ปราชญ์จึงไม่ใคร่สน ชั่วสนชั่วดีชอบดีควรมีไว้ให้เขาร่ำลือตน เกิดเป็นคนควรหมั่นหันสร้างแต่ความดี. แก้วประเสริฐ. :) (l) (f)
17 กุมภาพันธ์ 2547 17:47 น. - comment id 217564
คุณผู้หญิงไร้เงา .. ค่ะ เป็นเช่นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมาทำให้อัลมิตราเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจได้มากขึ้นค่ะ จะว่าไปแล้ว มองให้เป็นการณ์ดี ก็จะดี เพราะถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ..เราอาจจะไม่รู้ถึงน้ำใจที่แท้จริง ค่ะ คุณแก้วประเสริฐ .. ขอบคุณสำหรับดอกไม้และรอยยิ้มค่ะ ขอขอบคุณในความมีน้ำใจที่ไม่เคยจางหายเลยจากสหายเช่นคุณ ทั้งที่คุณยังไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยซ้ำไปว่า เกิดอะไรขึ้นกับอัลมิตราในช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา แต่ความเอาใจใส่และในความทุกข์ร้อนของเพื่อน คุณเยี่ยมมากค่ะ .. ขอเคารพด้วยใจจริง :)
17 กุมภาพันธ์ 2547 19:25 น. - comment id 217606
อัลมิตรา... ศักดิ์ศรีใดเล่าที่เจ้าครอบครองถือไว้ดูหนักอึ้ง.. ... ในจินตนาการแห่งข้า เจ้าพายเรือบด ฝ่าพายุบ้า คลื่นโหดแห่งศักดิ์ศรี มิใยเลย เจ้าจะมิได้สังเกตเรา ผู้ว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลท่ามกลางพายุร้ายเช่นนี้ รู้ไว้เถิด... แรงคลื่น ถาโถม หาได้เคลื่อนด้วยตัวมันเอง นอกเสียจาก แรงลมพายุบ้า บวกเกลียวจากหินโสโครก หากแม้นเจ้าตักน้ำจากทะเลคลั่งไปใส่ธารน้ำไหลเย็น เจ้าจะพบความจริง.. ความจริงที่มิอาจจะสัมผัสได้ หากเจ้าวางก้อนหินแห่งศักดิ์ศรีอันหนักอึ้งขวางหน้าไว้ กลับมาเถิด.. กลับมาที่ ๆ เจ้าเคยวิ่งเล่น ข้าอาจจะเงียบในบางครั้ง แต่ความเงียบของข้า ทำให้ข้าสดับรับฟัง เหตุการณ์และทิศทางลมได้ดีกว่าข้าตะโกนแข่งกับลมบ้า มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
17 กุมภาพันธ์ 2547 19:31 น. - comment id 217608
การเดินทางยาวนาน ทางมีทางดีและขรุขระ ความอดทนดูจะเป็นสิ่งสุดท้าย ถึงแม้เสบียงหมดไปแล้วก้ตาม
17 กุมภาพันธ์ 2547 21:44 น. - comment id 217671
ตัวเรา..ไม่ใช่ของเรา ลอกเปลือก..ชีวิตวันนี้เพื่อ.วันพรุ่ง..
18 กุมภาพันธ์ 2547 03:08 น. - comment id 217777
...เกียรติยศเกียรติศักดิ์หรือศักดิ์ศรี ถึงเพลาสิ้นชีวีเรานี้หาแบกไปได้ไม่ แต่ชีวิตที่อยู่อย่างแล้งน้ำใจ ดังบัวใบใต้น้ำอาหารของเต่าปลา...
18 กุมภาพันธ์ 2547 08:42 น. - comment id 217791
ศานติจงมีแด่ท่านอุสมาน .. ...จินตการของท่าน ..อัลมิตราพายเรือบดฝ่าคลื่นโหด หนทางข้างหน้าถูกกีดขวางด้วยบรรดาหินโสโครก ดูเถิด ท่านอุสมาน..ภาวะการต่อสู้ทางจิตใจนั้น ที่อัลมิตราต้องเลือกระหว่าง สิ่งที่ต้องกระทำและสิ่งที่ควรกระทำ ภาวะตรงนี้ต่างหากที่เป็นปัญหาอันชวนขบคิด ปัญหาที่มีรากฐานมาจากธรรมชาติแห่งจิตใจมนุษย์ ...เพราะการแสวงหาความจริง ไม่ใช่เรื่องของความอ่อนแอ ไม่ใช่เรื่องราวที่มุ่งมองแต่เฉพาะสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนต่างมีชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน แต่มากกว่านั้น ..พื้นฐานแห่งจิตวิญญาณและจริยธรรมถูกกำหนดบทบาทและให้คำนิยมทางจารีตเป็นบทสรุปเพียงเพื่อพิพากษาความดี-ความเลว ..แต่ทว่า ความเป็นตัวตนแห่งชีวิตอันแท้จริงนั้น บทบาทใด เพื่ออะไร จึงจะเหมาะสมกับถิ่นที่นั้นๆต่างหาก ...เพียงขยับออกจากกรอบและมองผ่านไปยังรอบๆ เราจะเห็นทั้งมวล ...สำหรับอัลมิตราเป็นเพียงบุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ในภาวะที่คับขันทางจิตใจ ที่จะต้องเลือกกระทำ การศรัทธาในความเป็นมนุษย์หรือความเป็นคนที่แท้จริงต่อไป ภายใต้เงื่อนไขแห่งจริยธรรมอันงดงาม มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า .. :)
18 กุมภาพันธ์ 2547 08:46 น. - comment id 217792
ศานติจงมีแด่ท่านปุถุชน .. อัลมิตราเข้าใจในสื่อที่ท่านนำมาฝาก บททดสอบเพียงเริ่มต้นเท่านั้น ก็ทำเอาอัลมิตราสั่นคลอนเสียแล้วหรือไร ? นั่นเป็นเพียงคำถามกลายๆ .. ขอบคุณท่านที่ยังห่วงใยและยังมีไมตรีต่อกันเสมอมา .. หนทางที่ยาวไกล กับหัวใจที่อ่อนล้า หากได้พักบ้างสักครา อาจแกร่งกล้าดุจเดิม ... มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า :)
18 กุมภาพันธ์ 2547 08:51 น. - comment id 217793
ท่านผู้เฒ่า .. ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ คุณดิน..ฟ้า.. สัมภาระของนอกกาย เมื่อวางวายใช่ติดมือ เหลือเพียงดี-ชั่วคือ พิพากษาหน้าพระพักตร์ :)
18 กุมภาพันธ์ 2547 17:43 น. - comment id 217950
ทุกวันนี้โลกก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับทุกสังคม ไม่ว่าจะในเมืองหรือที่อื่นๆ ครั้งนี้ผมอ่านช้าๆและผมชอบคำคมอันนี้นะครับ( โลกด้านหนึ่งเหวี่ยงฉันลงกับพื้น...อีกด้านฉุดให้ลุกยืนและบอกว่า ..ศรัทธาดีดียังมีจริง.. ) รู้สึกว่าจะเจอคนคอเดียวกันแล้ว
18 กุมภาพันธ์ 2547 21:47 น. - comment id 218068
:) ขอบคุณค่ะ คุณคนผ่านมา ที่ไหนๆก็เป็น อื้อ..คนเยอะก็เรื่องแยะ นะ