ฟ้าสีหม่นเมฆหมองลอยฟ่องฟ้า แว่วเสียงครืนครื้นมาเสียงฟ้าแว่ว แนวพุ่มพฤกษ์พัดไหวลมไล่แนว ตาเห็นฟ้าเลือนแล้วเพราะน้ำตา แปลกหนอใจเมื่อได้โศกโลกผิดแปลก ฟ้าพลันแยกสีไปไร้สีฟ้า พาใจไร้หลักเกาะเพราะลมพา รินน้ำตาแทนฝนล้นหลั่งริน น้ำตานองร้องไห้กลายสายน้ำ สิ้นชีพซ้ำร้องใหม่ไม่จบสิ้น ชินกับทุกข์หลากมาจนชาชิน กลายเป็นสินธุ์มหาสมุทรสุดกลับกลาย วัฏฏะกรรมร้อยวงเป็นกงวัฏ สายสัมผัสหลอกลวงเป็นบ่วงสาย วายวุ่นกับกิเลสจนวางวาย ภพมากมายเวียนไปไม่ไร้ภพ
9 กุมภาพันธ์ 2547 13:22 น. - comment id 213808
ก้วนเวียนกันอย่างนี้จนปลงๆกันไปเป้นแถวแล้วค่ะ พี่แก้ว
9 กุมภาพันธ์ 2547 15:29 น. - comment id 213851
เพราะมากค่ะชอบจัง
9 กุมภาพันธ์ 2547 15:38 น. - comment id 213857
ใช่ครับเพราะมาก
9 กุมภาพันธ์ 2547 16:28 น. - comment id 213905
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน วันนี้มาเพราะจังเลยค่ะ โอ้ทะเลเหตุใดจึงเศร้าหมอง น้ำตานองร้องไห้เพราะใครหนอ ช่างใจร้ายทำได้ขอตัดพ้อ ขออยู่เป็นเพื่อนเพื่อซับน้ำ(ตา)ทะเล
9 กุมภาพันธ์ 2547 19:34 น. - comment id 214041
น้ำใจพี่ ที่สะสม นมนานมา คงเป็นสาย ธารา ที่เย็นใส รดแก้วตา หายร้อน เย็นหย่อนใจ ชื่นหทัย สายน้ำ ชื่นฉ่ำทรวง (ก็มีบทขัดบ้างพอหอมปากหอมคอนะครับ)
9 กุมภาพันธ์ 2547 21:12 น. - comment id 214105
@...tiki... คนที่ปลงได้สนิทแล้ว ...คงต้องเว้นพวกเราไว้ก่อนนะคะ ...ขอบคุณมากค่ะ
9 กุมภาพันธ์ 2547 21:17 น. - comment id 214109
@...แตงกวา... กลอนบทนี้ ...หรือทุกบทของพี่ดอกแก้วนั้น มีพื้นฐานมาจากความจริงของธรรมชาติ คือ ชีวิต หรือที่เรียกว่า หลักธรรมนั่นเองค่ะ สำหรับบทนี้แล้ว ... พระพุทธองค์ทรงเปรียบว่า ชีวิตของเรานั้นเวียนว่ายตายเกิดมาจนนับภพชาติไม่ถ้วน ...หากจะนำน้ำตาที่เกิดจากความเสียใจในแต่ละชาติมารวมกันแล้ว ปริมาณน้ำตาเหล่านั้นจะมีปริมาณมากกว่ามหาสมุทรเสียอีก... ขอบคุณที่แวะมานะคะ
9 กุมภาพันธ์ 2547 21:19 น. - comment id 214111
@...วิศย์... ในความไพเราะเหล่านี้ คือความน่ากลัวของชีวิตค่ะ ขอบคุณนะคะที่ชอบ
9 กุมภาพันธ์ 2547 21:24 น. - comment id 214112
@...kanoongkaning ... เพราะตนเองบรรเลงเพลงไม่เพราะ หาได้เจาะใจใครให้ห่วงหา มาพบพิษผลสะท้อนย้อนกลับมา ใจจึงล้าเพราะอ่อนแอพ่ายแพ้ใจ ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาซับน้ำตา ว่าแต่ เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาพอหรือคะ
9 กุมภาพันธ์ 2547 21:31 น. - comment id 214118
@...ชัยชนะ... น้ำใจน้องปองหมายให้คลายเศร้า และรับเอาแต่สันต์ชื่นหรรษา น้ำใจหลากฝากไว้ในวาจา คือเมตตาอารีมีแก่กัน ขอบคุณมากค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2547 01:20 น. - comment id 214308
ไพเราะมากเลยขอรับ กลอนบทนี้ เป็นกลบทอะไรหรอครับ อิอิ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ แต่งเป้นอย่างเดียว เหะๆ ......
10 กุมภาพันธ์ 2547 07:37 น. - comment id 214343
ใยต้องมองทางชีวิตคิดว่าเศร้า ใยต้องเฝ้าแต่ยอมพ่ายได้แต่หนี ใยไม่มองว่าโลกนี้ยังมีดี ใยต้องหนีไม่ปักหลัก...รักอีกครา
10 กุมภาพันธ์ 2547 16:29 น. - comment id 214492
เพราะเราเศร้าน้ำตาเราจึงเป็นสาย และมากมายไม่เคยหายมีแต่หา ทุกสิ่งสรรทุกวารวันทุกเวลา รินน้ำตาต่างข้าวเราร้าวใจ *-*กลอนไพเราะมากเลยค่ะ*-*
10 กุมภาพันธ์ 2547 19:08 น. - comment id 214580
@...เมจิคเชี่ยน... กลบทอะไรหรือคะ ...ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นหลายท่านเขียนไว้ จะว่าจำรูปแบบเขามาก็ได้นะคะ บอกตามตรงว่าไม่ค่อยทราบชื่อกลบทนักหรอกค่ะ เพียงแต่เวลานั้น และบรรยากาศในขณะนั้น ...ต้องการเขียนเช่นนี้ค่ะ...
10 กุมภาพันธ์ 2547 19:11 น. - comment id 214583
@...มังกรนิทรา... ในโลกนี้ไม่มีดีอย่างจริงแท้ ล้วนมีแต่เสื่อมไปไร้แก่นสาร แม้นรักที่คลอเคล้ามาเนาว์นาน ยังถึงกาลจบลงตรงสิ้นใจ ขอบคุณที่แวะมานะคะ
10 กุมภาพันธ์ 2547 19:16 น. - comment id 214589
@...ผู้หญิงไร้เงา... ความโศกเศร้าเกิดจากเราไร้กำแพง จึงอ่อนแรงไปตามความอ่อนไหว พ่ายแพ้สิ่งที่กระทบกับจิตใจ จึงรินไหลน้ำนองจากสองตา ขอบคุณมากค่ะน้องตูน ไม่ได้แวะไปเยี่ยมเยียนน้องตูนเลย แต่ก็คิดถึงมากนะคะ ฝากความคิดถึงให้น้องดาหลาด้วยนะคะ ...
10 กุมภาพันธ์ 2547 22:10 น. - comment id 214763
..พี่สาว..คนดีของเรน... ..คิดถึง..นะคะ..
10 กุมภาพันธ์ 2547 22:52 น. - comment id 214792
มารับของฝาก ที่มีค่ามากจนอยากชิดใกล้ และขอบคุณพี่ดอกแก้วที่ห่วงใย และมอบให้ความรักกับเราสองคน *-*รักและคิดถึงคุณพี่เช่นกันนะค่ะ และขอบคุณแทนคุณพี่ดาหลาด้วยค่ะ เพราะจริง ๆ คุณพี่ดาหลาก็คิดถึงคุณพี่ดอกแก้วมากเหมือนกันค่ะ*-*