สุสานต้นไม้

นกตะวัน


4 มกราคม 2547 ผมตื่นขึ้นตั้งแต่เวลา 05.00 น. คอยความมืดแห่งรัตติกาลค่อยๆคืบคลานจากไป พอฟ้าสางสว่างขึ้นจึงออกไปเดินเล่นหน้าบ้านพัก แต่ยังคงมองไม่เห็นอะไรอยู่ดี เพราะทุกหนแห่งถูกปกคลุมด้วยหมอก แลเห็นแต่ต้นไม้กับบ้านพักที่อยู่ใกล้ๆไม่กี่เมตร พอแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า จึงค่อยเห็นต้นไม้ทุกต้นจากหน้าบ้านพัก เรื่อยลงไปตามเนินจนถึงถนนข้างล่าง และเลยไปถึงรอบลานกางเต็นท์ แม้ว่ายังคงลางเลือนอยู่ในความหม่นมัวของสายหมอก
เดินนอกชานบ้านพักแสนจักหนาว		
หมอกต้องร้าวราวใครใส่น้ำแข็ง
เย็นยะเยือกเกลือกกลั้วหม่นมัวแรง		
ทั่วทุกแห่งหนไหนไอหมอกคลุม
มองอะไรไม่เห็นเป็นรูปร่าง			
จนฟ้าสางสว่างจ้าเลิกหนาสุม
หมอกกระจายสลายไปไม่มารุม		
พฤกษาชุ่มชอุ่มน้ำเกาะฉ่ำใบ		
แต่ห่างไกลไปหน่อยกลับค่อยเลือน		
ต้นไม้เหมือนมีคนพันต้นใส
ด้วยด้ายขาวยาวยืดขึงพืดไป			
ตราสังไว้ให้หวั่นนึกพรั่นกลัว
เหมือนมัมมี่ที่ยืนยื่นกิ่งก้าน			
เรือนยอดบานแบใบในสลัว
ทั่วสุสานสะท้านจังมองยังกลัว			
หมอกมิดทั่วทุกหนบังต้นใบ
ทุกคนตื่นกันหมดแล้วและต่างคนต่างเตรียมตัวเพื่อออกไปดูนกที่ริมเขื่อน เนื่องจากมีรายงานว่าพบ นกมุดน้ำ (Brown Dipper) นกกระเต็นเฮอคิวลิส (Blyths Kingfisher) นกกระเต็นดำขาวใหญ่ (Crested Kingfisher) และ นกกางเขนน้ำหลังดำ (Black-backed Forktail) ที่หาได้ยากยิ่งในบริเวณนั้น แต่ผมอยากเดินเล่นรอบๆที่ทำการอุทยานฯมากกว่า เพราะบรรยากาศยามเช้าที่อบอวลไปด้วยสายหมอกผสมผสานกับไออุ่นของน้ำพุร้อนน่าสัมผัสยิ่งนัก				
comments powered by Disqus
  • tiki

    28 มกราคม 2547 09:30 น. - comment id 208581

    ตามไปดู
  • ผู้หญิงไร้เงา

    28 มกราคม 2547 22:22 น. - comment id 208802

    กลอนไพเราะมากเลยค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน