แสงตะวันสีทองส่องฟ้าใกล้ลาลับ ท้องฟ้ากลับมืดมัวหมองไม่ฝ่องใส ในหมู่เมฆถูกลมพัดดุจทะเลใจ โอ้หัวใจเหตุไฉนให้อาวรณ์ ตอนคลื่นสาดพัดพาเข้าหาฝั่ง จิตที่ยังไม่มีคลื่นพลิ้วละลิ้วล่อง มองดูใจเหตุไฉนเฝ้าคิดถึงน้อง เราต้องวอนคำนึงโปรดนึกถึงเรา เจ้าชมภูหวานแหววแพรวพราวยิ่ง เพราะเป็นสิ่งแทนใจให้หรรษา กัลยาชื่นชอบเบิกบานสุดพรรณา หอมนาสาชวนแช่มชื่นระรื่นใจ ในดอกกุหลาบแรกแย้มแพลมสีกลิ่น ช่างรวยรินกลิ่นซาบซ่านส์ให้ผ่องใส ข้างในนอกหอมหวลซึ้งตรึงจิตหัวใจ ดั่งภายในนั้นดุจมีเจ้าเฝ้าจุนเจือ เอื้อความรักคิดมากเหมือนขลาดเขลา ไม่ตรองเอาเราก็ชอกช้ำระกำเหลือ หากเชื่อง่ายใจเราสุดช้ำยากจุนเจือ แม้นเหลือเฟือมากนักรักหลุดกระเด็น เห็นความรักนั้นหนอล้อกันว่า เหมือนดาราท่าทางช่างยากเข็น เห็นแสดงได้แต่ละบทช่างยากเย็น เหมือนคนเล่นความรักหนักอกทรวง. แก้วประเสริฐ.
22 มกราคม 2547 04:05 น. - comment id 205919
:)
22 มกราคม 2547 16:19 น. - comment id 206050
อารมณ์เพ้อของคนมีความรักรึเปล่าค่ะเนี่ย
22 มกราคม 2547 22:37 น. - comment id 206266
เอื้อความรักคิดมากเหมือนขลาดเขลา ยิ่งตัวเรายิ่งช้ำระกำเหลือ เพราะไม่มีแม้ใครให้จุนเจือ จึงไม่เหลือเผื่อรักพักในใจ *-*กลอนไพเราะเสมอนะค่ะ ชื่นชมเสมอด้วยค่ะ*-*
23 มกราคม 2547 14:22 น. - comment id 206488
.สวัสดีค่ะ... ..มีกุหลาบแรกแย้มแพลมสีกลิ่น หอมรวยรินซาบซ่าพาใจฝัน ซอมพลอน้อยด้อยค่า.เกินฝ่าฟัน กลิ่นหรือนั่น..มิหอม ชวนดอมดม........แหะๆ .....ู^-^....