มรสุมพัดพานำห่าฝน ลมเบี้องบนพัดหวนทวนกระแส ทั่วท้องทุ่งเจิ่งนองสองตาแล ก็ถึงคราวควายแก่ต้องไถนา เสียงตะโกนนัดหมายอยู่ปลายทุ่ง ต่างก็ยุ่งแบกหามตามประสา จูงควายทุยเดินย่ำข้ามคันนา หวังกันว่านาปีนี้คงดีครัน ผานไถแถกดินซุยคุ้ยดินกลับ สองมือจับคันไถดึงควายหัน ทั้งไถดะไถแปรนาทุกอัน ทรวงสะท้านนึกถึงน้องผู้ครองใจ เธอไปเรียนเมืองกรุงมุ่งวิชา เราทำนาหน้ากร้านคราวหว่านไถ เธอสุขทุกข์ร้ายดีเป็นอย่างไร อยากจะไปหาน้องถึงห้องเรียน หัวใจฝ่อพอคิดว่าผิดแล้ว หากน้องแก้วเรียนจบครบอ่านเขียน ได้ปริญญามาชมสมพากเพียร คงไม่เวียนมาหาชาวนาจน....
14 มกราคม 2547 15:41 น. - comment id 202567
เค้าไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกน่าคุณฤกษ์....อย่าน้อยใจไปเลยน่า...เชื่อใจกันบ้างซีเนี่ย..อิ อิ
14 มกราคม 2547 15:46 น. - comment id 202568
ชอบคุณมากพิมพ์เสร็จก็มีคนแจมเลย อิอิ
14 มกราคม 2547 16:13 น. - comment id 202576
gเขียนเก่งเห็นภาพ
14 มกราคม 2547 16:21 น. - comment id 202580
ก็มาเวลาเดียวกันทุกทีนี่คะ...ว่าแต่หายทุกข์ยังคะ..ฮั่นแน่..ยังยิ้มอยู่เลย..
14 มกราคม 2547 16:21 น. - comment id 202581
เคยตั้งหวังเอาไว้ตอนไถหว่าน เมื่อเสร็จงานนานั้นฝันคงใส มีเงินทองกองท้นผลกำไร จะเอาไปขอ..แก้ว..แล้วแต่งงาน ขอฟ้าอย่ากลั่นแกล้งมาแล้งก่อน ขอวิงวอนสักหนช่วยดลฝัน ขอให้สมดังใจใฝ่ต้องการ ได้เบิกบานมีคู่ไม่ดูดาย
14 มกราคม 2547 17:03 น. - comment id 202617
เจ้าทิ้งพี่ไป ไม่ลาสักคำ ทิ้งพี่ ชาวนาตัวดำ ไปทำงานเมือง บอกกอก............ (ต่อเอาเองค่ะ) มาทักทาย ชาวนาฤกษ์ค่ะ *____________*
14 มกราคม 2547 17:12 น. - comment id 202623
......เจ้าทิ้งพี่ไป ไม่ลาซักคำ ทิ้งพี่ชาวนาตัวดำ ไปทำงานเมืองบางกอก เบื่อคนทางนี้ ไปคลั่งดนตรีเพลงร็อค เพลงลูกทุ่งมันบ้านนอก เจ้าบอกว่าเชยสิ้นดี แว่วๆข่าวมาว่าเจ้าหลงไฟ แสงสีและศิวิไลซ์ เจ้าไปเที่ยวแทบทุกที่ เข้าผับเข้าบาร์ งานการก็ลาทั้งปี ไปหลงดูวงดนตรี เล่นเพลงร็อคที่ชอบใจ ไปยืนกรีดร้อง ไปเฝ้ามองที่หน้าเวที วงร็อคหน้าตาดีๆ แบบนี้ที่เธอคลั่งไคล้ ฟังคำพี่หนา พี่เตือนแก้วตาจากใจ พวกขาร็อคอันตราย ส่วนใหญ่มีเมียหลายคน กลับบ้านเถิดหนา ท้องนายังคอย พ่อแม่นั่งตาละห้อย รอคอยด้วยความหมองหม่น พี่เป็นชาวนา จะขอตั้งตาฝึกฝน อยากร้องเพลงร็อคด้วยคน เผื่อหน้ามนจะหวน..กลับมา ..^_^.. บรรยากาศเข้ากั๊นเข้ากันค่ะ ..^_^
14 มกราคม 2547 17:48 น. - comment id 202646
โอ้โฮ.. ฮอทแฮะ เราว่ามาเร็วแล้วเชียว.. แต่ช้าไปตั้งเยอะ หวาว.. แต่เรามะได้หลงบางกอกนะ.. เราอยากกลับบ้านนนนนน ... บ้านเราอยู่ริมเล พากลับทีจิ
14 มกราคม 2547 18:04 น. - comment id 202662
เขาคงไม่ผิด ที่คิดมีแฟนเป็นมือกีต้าร์ หรือนักร้องในกรุงที่ดีกว่า..เพราะชีวิตต้องเลือกสิ่งที่ดีให้กับชีวิต..เพียงขอให้เลือกสิ่งที่ดีจริง ไม่ใช่สิ่งที่คาดหวัง..คำสัญญาที่เคยมีกับใครอย่างจริงจัง ให้รักษา ให้ระวังได้ดั่งคำ
14 มกราคม 2547 19:56 น. - comment id 202713
เจ้าทิ้งพี่ หนีไกล ไปบางกอก หนุ่มบ้านนอก ครวญเพ้อ ละเมอฝัน สาวเมืองหลวง ลวงลิ้น ลืมสัมพันธ์ พูดไม่หวาน เหมือนหนุ่มหล่อ กอทอมอ
14 มกราคม 2547 21:05 น. - comment id 202739
พี่ฤกษ์ครับ ผมชอบงานนี้ของพี่มาก ให้ความรู้สึกอบอุ่นดี เป็นจริงดังที่ว่า ที่สาวนาต้องลาร้างไกล ชอบมากครับ
14 มกราคม 2547 21:54 น. - comment id 202771
มรสุมรุมเร้าให้เราแกร่ง รื้อเรี่ยวแรงแข่งกล้าท้าลมฝน อย่าย่นย่อทรหดด้วยอดทน ความอับจนทุกอย่างคงห่างไกล แวะมาทักทายครับ ส.ธนฺวนฺตรี
14 มกราคม 2547 23:01 น. - comment id 202803
อิอิ พี่ฤกษ์ก็ขี่ควายเลื่อมทองไปรับน้องนางถึงเมืองกรุงเลยสิครับ อิอิ ผมว่าน้องนางต้องกลับมาแน่ๆ 555
14 มกราคม 2547 23:56 น. - comment id 202814
..สวัสดีค่ะ. ...น้องนางบ้านนา มาเรียนวิชาเมืองกรุง ใช่หลงความเฟื่องฟุ้ง เรียนจบจะรีบมุ่งกลับบ้านนา..... ..รอหน่อยน๊าาา.........อิอิ..........^-^....
14 มกราคม 2547 23:57 น. - comment id 202815
คุณฤกษ์คะ ..คนไหนกันคะ เผื่ออัลมิตราเจอ จะได้บอกค่ะ ว่าคุณฤกษ์เขียนกลอนรออยู่ใต้ต้นมะเขือ ค่ะ
15 มกราคม 2547 11:22 น. - comment id 202908
จะบนบานศาลเจ้าไปทำไม ไม่หรอกไปหาเขาที่เราสน คงได้พบเห็นหน้าพากมล ได้แจ่มใสในบันดลหละคนดี *-*มัวแต่บนบานอยู่นั่นหละ ถ้าคิดถึงก็ไปหาซิค่ะ จะได้พบเจอเสียที อิอิ (กลอนไพเราะมากเลยค่ะ ชื่นชมเสมอค่ะ)*-*
15 มกราคม 2547 23:59 น. - comment id 203282
ทุกข์แท้ ท่านฤกษ์ มาลงแขกร่วมไถ เอาแรงใจส่งให้หนา กลอนเร้าน้ำตา อย่าโศกาเกินนาที อิอิ กลอนเศร้าเพราะมากครับ
17 มกราคม 2547 22:48 น. - comment id 204344
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมและทักทายครับ