จากบ้าน เมืองนอน...

กวีบ้านนอก..*


                   บิดาท่านเห็นว่าฉันหมั่นศึกษา               
                   ปรารภว่าน่าส่งไปในเมืองหลวง
                   ในจิตใจยังไหวหวั่นพรั่นในทรวง            
                   เมืองคนลวงแต่ใครๆ ชอบใฝ่ปอง ฯ
                   เป็นหนทางที่วางวาดด้วยหยาดหมึก        
                   ต้องตรองตรึกนึกด้วยหมึกคือสมอง
                   หากเลือกผิดชีวิตไซร้ใครรับรอง             
                   อยู่หรือล่องท่องไปในต่างแดน ฯ
                   เลือกศึกษาเผื่อวันหน้าคราลำบาก            
                   จึงจำจากด้วยใจอาลัยแสน
                   เป็นอย่างไรลำบากไหมในต่างแดน         
                   คงไม่แม้นมาดเหมือนบ้านเมืองนอน ฯ
                   ยากพรรณนาสาธยายเมื่อย้ายถิ่น           
                   ใครเล่ายินเสียงสะอื้นชื้นเปียกหมอน
                   ถึงคราวนี้จึงรู้ดีคุณมารดร                     
                   ให้อาวรณ์ยิ่งหนักหนากว่าคราใด ฯ
                   แต่จะหวนกลับไปไม่ใช่ที่                     
                   สิ้นศักดิ์ศรีจะมีหน้าไปไว้ไหน
                   จะเหนื่อยหนักสาหัสสักปานใด              
                   เก็บเอาไว้เตรียมใจสู้ลูกผู้ชาย ฯ
                   ณ เมืองนี้บ้านเมืองสวยเมืองกล้วยไข่     
                   ที่รวมเพชรเจียระไนให้ใสส่อง 
                   เยาวชนมาฝึกฝนจนช่ำชอง                   
                   บ้างเป็นทองทรงค่าราคาดี ฯ
                         อันคนดีเพราะขัดสีด้วยการฝึก              
                   แม้โคคึกฝึกบ่อยๆ ค่อยขัดสี
                   ย่อมผ่องใสใช้งานได้ตามวจี                 
                   ผู้ฝึกดีย่อมถึงสุขทุกทิวา ฯ
                   *-อัตตา  หิ  อัตตะโน  นาโถ                   
                   โก  หิ  นาโถ  ปะโร  สิยา
                   อัตตะนา  หิ  สุทันเตนะ                       
                   นาถัง  ลัพภะติ  ทุลละภัง ฯ-*
                   คือปาพจน์ตถาคตทรงตรัสไว้              
                   มีปัญญาย่อมฝึกใจได้ดังหวัง
                   ฝึกถึงที่บารมีทรงกำลัง                       
                   แม้หากหวังพระนิพพานไม่นานแล ฯ
                   *-----------------------*				
comments powered by Disqus
  • tiki

    5 มกราคม 2547 08:11 น. - comment id 198025

    อ่านะ
    ทำตาปริบปริบ
    แบบสงสาร สงสาร
    แต่พออ่านไปอ่านมา
    ต้องทำตาปริบปริบ
    แบบ เอ ต้องอ่านไปไหว้ไปด้วยเปล่าเนี่ย
  • ต๋องแต๋ง

    5 มกราคม 2547 08:55 น. - comment id 198039

    จากบ้านเกิดเมืองนอน
    มาพเนจรอยู่ในเมืองหลวง
    สู้ชีวิตแบบเสี่ยงดวง
    อยู่เมืองหลวงน่าเปลี่ยวใจ
    ***ตั้งใจเรียนนะครับ ให้ได้เกรด 4.00 เลยนะครับ***
  • 100 เหตุผล

    5 มกราคม 2547 10:58 น. - comment id 198080

    แต่งกลอนได้ประทับใจจริง ๆ
    มีคติสอดแทรกเสมอ
    
    ปล.  คนในเมืองกรุง ไม่ได้ชอบหลอกลวงเสมอไปนะ  ขอ  บอก
    
    ทักทายจ้า
  • กวีบ้านนอก..*

    5 มกราคม 2547 14:03 น. - comment id 198141

    ขอบคุณครับ ได้แค่ 3.44 เองครับ
  • ผีขี้เมา

    5 มกราคม 2547 14:38 น. - comment id 198155

    :)   ไพเราะครับ
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    5 มกราคม 2547 16:14 น. - comment id 198223

    แต่งเก่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ  ชื่นชมฝีมือคุณเสมอ  ผลงานคุณภาพทุกบทที่อ่านมาเลยค่ะ
  • พิกุลทอง

    5 มกราคม 2547 18:45 น. - comment id 198335

    ผมก็กวีบ้านนอกเหมือนกัน
    จากบ้านมานานมาเรียนหนังสือ
    มาหาวิชาความรู้เป็นคู่มือ
    ไว้เป็นเครื่องยึดถือเลี้ยงชีพตน
    
    สู้เขาสิครับ
    แม้จะพบคนใจหยาบก็อย่าทำฉงน
    เกิดเป็นชายชาติแท้ต้องสู้คน
    แม้จะมัวหม่นคิดถึงบ้านบ้างก็ตาม
    
    สู้ไปเพื่อวันข้างหน้า
    ที่พ่อแม่อุตส่าห์ส่งเสียไม่มีห้าม
    ใจเย็นเย็นอย่าได้วู่วาม
    เดี๋ยวความเป็นอยู๋ก็ดีงามขึ้นมาเอง
    
    สุ้ไว้ ลูกผู้ชายตัวจริง กระทิงแดง
  • แม่จิตร

    5 มกราคม 2547 23:31 น. - comment id 198465

    ลูกผู้ชายต้องสู้ กระทิงแดง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน