http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420..รางวัลชีวิต http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5820 *********** ตะวันทิ้งดวง..เหนือทิวสน..ยามย่ำสนธยา เรียวเมฆหวานล้ำ งามเหนือคำบรรยายใดใด ในซาบซึ้ง..ตรึงใจตรงหน้า สีฟ้า..โศกสวย.. ม่วงพรายพรมอมชมพูเทาเทา อ่อนอ่อน จางจาง บางบาง..เบาเบา..ราวขนนกนุ่มนุ่ม ดูนวลนวลพร่างพร่างราวร่างระบายด้วยสีน้ำ ให้มองดูนิ่มอิ่มสีกลมกลืน ในผืนฟ้ากว้างแทนผืนผ้าใบ.. ทั่วผืนน้ำ..ทะเล แปรสีเป็นเงินงาม.. ครามเคลือบม่วงอมชมพูตามโค้งฟ้าคลุมครอบ.. ฟ้างามอะคร้าวราวสายรุ้งพร่างพราว ม่านเมฆราวเกร็ดเพชรเป็นช่อชั้น..สวรรค์บันดาล.. ไพลเอนร่างนอนเหนือเนินทราย.. ใต้ร่มไม้ใต้ทิวสนแผ่ใบสล้าง.. พังเสียงลมครางสนครวญ เสียดสีซัดส่ายใบ ไหวซอกแซกๆซู่ซ่าๆ.. ท้าตะวันให้ฝันไกล.แสนไกล..ในคะนึง ฟังเสียง.คลื่นคลอทราย..เว้าวอน.อ้อนออดชายชล.. ปล่อยกมล..ว่าง..วางไว้.. ให้หาดทรายร้างไร้ยาวเหยียดสุดตา.. ให้ทะเลเหว่ว้าโค้งจรดฟ้าไกล.. ปลอบหัวใจดวงละมุนดายเดียวเดียวดาย.. ระบายเศร้าเสน่หา.. พร่างพาพรมห่มดวงใจด้วยธรรมชาติแสนดี.. แสงสีส้ม..อมก่ำฉ่ำดวงแดงราวไข่ดาวดวงโต..โผล่กลางทิวสน ทอทอดลอดแสงพร่างโลมไล้ร่างให้มลังเมลืองราวทองทา.. แสงเรืองรอนรอน สะท้อนสายสร้อยทองโบราณรอบลำคอ ร้อยรัดราวรูปสลักโบราณ...กับร่างหนึ่งนอนนิ่ง..งัน ในเรียวตานั้น.... เพชรน้ำพร่างวิบวับระยับสะท้อนรับแดดละออราวรุ้ง เป็นซึ้ง ซ่าน หวานสุข เศร้า ราวโลกร้างว่างเปล่าเหงาเงียบเฉียบเย็น เป็นดื่มด่ำร่ำรสสุข มิหวังให้ผู้ใดรับรู้..เห็น.. มีเพียงงามหัวใจสุขเร้น เต้นแผ่วๆ..สุขล้ำ..ลำพัง กับงามในทุกสรรพสิ่ง..รายรอบ มองฟ้างาม น้ำจรดฟ้า มองท่าโผผินบินสู๋ท้องนภาเวหาหาวของนกนางนวล มองเรือน้อยค่อยค่อยลอยลำลา วิ่งฝ่ากระแสชล เหนือทิวคลื่น ทั่วผืนน้ำ งามระยับจับดวงใจ จากย่ำสนธยา ตราบดวงตะวันลาลับฟ้าต่อถึงยามราตรี ที่ดาวประจำเมืองเรืองรุ่ง โผล่พ้นโค้งคุ้ง ทิวทุ่งข้าวสีทองลอมฟางหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว เดือนครึ่งดวงลอยคว้างฟ้า ราตรีคลี่ม่านหว่าน ดวงดาราพริบพราวสุกใสนับพันดวง บทเพลงฝันวันปีใหม่กระหึ่มก้องกังวาน ไปกับสายลมในยามค่ำ ไพลไหวร่างเดินทอดน่องห่างจากเนินทราย ดูพรายพระจันทร์ดวงเศร้าแสนหวาน ดูแสงไฟวับแวมวะวิบกระพริบล้อนวลแสงดาว ที่ประดับประดาไว้พร่างพราว ตามราวกิ่งไม้และตามสุมทุมพุ่มพฤกษ์ ไพลมีความสุขที่ได้เร้นกาย.. จากงานปาร์ตี้เรียบง่ายสบายๆแบบครอบครัวใหญ่ ในทุกปี ที่มีงานเลี้ยงแสนดี คืนแสนงาม หลังให้โมงยามแห่งชีวีได้ทำสิ่งมงคล กราบแม่พ่อ ขอพร และญาติมิตรพี่น้องได้ร่วมกัน แย้มยิ้มยินดี มีคืนสามัคคีอบอุ่นเป็นสุขร่วมกัน หลังตรากตรำแยกย้ายกัน ดำรงร่างใจทำตามหน้าที่ตน.. ไพลชอบเดินอาบน้ำค้างพร่างพรูกรูเกรียวลมหนาวกอดตระกอง และปล่อยให้หัวใจทั้งสี่ห้อง..ว่างเปล่า... ไพล..พยายามถอดหัวใจ ไม่รู้สึก ในทุกเรื่องราว ราวชาดิ่งดื่มด่ำกับดายเดียว ให้ทุกคืนวันผันผ่านมาลาเลยลับนับทวีเพียงกาล.. ก็แค่เพียงนิยามคืนผ่าน หวานเลย.. ให้รู้ทำใจเฉยนิ่งชินชา ที่เหลือก็..คือความเหว่ว้าว่างเปล่า กับเหงาเงียบที่ซ่อนซุก ในรู้สึก..ที่ยากยิ่งอธิบาย..กับผู้ใด ด้วยนวลใจไหวละมุนนี้ ที่มองชีวีและทุกสรรพสิ่ง อย่างแผกผิด พิเศษพิสุทธิ์ มาเนานานเนิ่นเกินนับและจักเป็นนิรันดร์ ไสว สว่าง ราวสวรรค์สร้างเสก สล้างกลางใจ ในทุกงามง่าย คล้ายชีวีที่พอใจในวิถีติดดิน ถวิลแต่งามเงียบเรียบง่ายไร้มายา.. ไม่ว่ารักใด ไม่อยากผูกพัน ไม่อยากยึดมั่น ถือมั่น และไพลเพียงแวบหวั่น คิดถึงสายวสันต์ ที่เคยพรมพร่างใจในวูบวับกับหนาวเหน็บนี้ และพลันหัวใจไพล..ราวลอยละล่องท่องไปในโลกฝัน กับบทเพลง..หวานแว่ว แผ่วพลิ้วมา... บทเพลง.. MY HEART WILL GO ON Every night in my dream I see you,I feel you That is how I know you go on Far across the distance and spaces between us You have come to show you go on Near,far, wherever you are I believe that the heart does go on Once more, you open the door And youre here in my heart, And my heart will go on and on Love can touch us one time and last for a lifetime, And never let go till were gone Love was when I loved you, one through time I hold to In my life well always go on Near,far, wherever you are I believe that the heart does go on Once more, you open the door And youre here in my heart, And my heart will go on and on Youre here, theres nothing I fear And I know that my heart will go on well stay forever this way You are safe in my heart, And my heart will go on and on... ****** ไพลใช้เวลาแสนดีแสนงามในยามนี้ ทบทวนกับทุกสิ่งในดวงฤดีไหวอ่อนนี้ที่แสนเข้าใจ.. ทุกชีวี.. ในโลกนี้..ที่ คิดดิ้นรนใฝ่คว้า หาความสุขภายนอก มาลวงหลอนหลอกปลอบประโลมใจตน ตามๆกันไป ตามใจตน ตามเงินในกระเป๋า เป็นสุขชั่วคราวมิยาวมิยั่งยืน..ถาวร.. มีรถหรู.. มีบ้าน หลังที่สองที่สาม มีสตางค์ เดินทางท่องเที่ยวเกี่ยวเก็บประสบการณ์.. มีภรรยางามหรูประทิ่นทับ ประดับโฉมด้วยเครื่องสำอางจากต่างประเทศแสนแพง.. มีหวานหวัง..ที่ยังมีอยาก..และอยาก อยากมีนั่นมีนี่..ที่ก่อเกิดกิเลสให้ฤดีถวิลหาตลอดเวลา.. สนองโหยหา สุขวูบวับ ดับ ดับ แล้วก็เกิด เกิดใหม่.. ไปตามใจอยาก มากมีกิเลส รักในวัตถุมากมี..มิรู้สิ้นรู้จบทบทวี จนกว่าผืนดินจะกลบหน้า พาวกวนหลงทาง มิวางแอกแบกหนักบนบ่า มิพากันปลดเปลื้องตราบวันตาย.. ไพล..เบื่อเหลือที่ กับชีวีวนซ้ำ กับการพบเห็นทุกแห่งแหล่งที่ มากมีมากมาย การจับจ่าย แบบมอมเมา กับเหงาล้ำ เมื่อใจไพลคอยย้ำว่า..เบื้องหลังนั้น ทุกครอบครัว อาจจะเป็นหนี้ หนีระบบเงินผ่อนไม่พ้น จนต้องนอนสะดุ้งผวาไปแทบทุกครัวเรือน ผ่อนบ้าน..ผ่อนรถ..มิทันหมด ก็ผ่อนตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เผลออีกนิดก็คิดผ่อนโทรศัพท์มือถือ.. เครื่องใช้ไฟฟ้า ตามโฆษณามอมเมาดอกเบี้ยต่ำ ที่กระหน่ำลดแลกแจก(และแถม..ความเครียดให้ทั่วหน้าประชาชี) ไพล..เบื่อ การกินเกินพอดี ที่มีทุกหัวระแหง แย่งกันเข้าคิว กิน กิน กิน เกินอิ่ม เกินพอเพียง จนร่างกายเดี้ยงด้วยโรคภัย และลืมสนใจการออกกำลังกาย ทำร้ายตัวเองทางอ้อมวันแล้ววันเล่า.. ไพลกำลัง..ดายเดียว กับโลกนี้ที่หมุนวนตามกระแสโลกโศกรอ.. รอเวลาระเบิด..รายรอบบ้านเรารานรุก..บุกล้ำ ก้ำเกินกัน ด้วยความเร่าร้อน รุนแรงแฝงไปทุกถิ่นที่ทุกประเทศ เพราะเพียรแสวงหากันเพียงสุขเปลือกภายนอกหลอกใจไปวันวัน จนจิตวิญญาณไร้ขวัญ สิ้นฝันอันอ่อนโอบ เอื้ออาทร รักกันฉันท์น้องพี่ ทั่วทั้งโลกนี้ที่อยากให้เกี่ยวก้อยร้อยรัดใจเป็นหนึ่งเดียว ไม่เกี่ยวกับศาสนา การเมือง การปกครอง เพียงปรองดองรู้รักสามัคคีมั่น สานฝัน สรรสร้างโลก ให้สิ้นโศก มีแต่โลกอันพรายแพรวดั่งแก้ววิเศษ ผ่องแผ้วสวยใสงาม..ด้วยนิยามแห่งคำว่ารักกัน.. สำหรับ.. ไพลเพียรฝัน เพียรสร้างพลังพยายาม ให้หัวใจ สะอาด สว่าง คิดดี พูดดี ทำดี มีความพอเพียงเพียงพอ.. และขอเลือกโลก ทางใจใสงาม.. สวดมนต์ทุกยาม *ให้กรรมเก่าที่ตามมาได้หมดสิ้นกันไป ไม่ขอถวิลรักผู้ใด เพราะไพลซาบซึ้ง..คำ*ทุกข์ใดไหนเล่าเท่ารัก.. หนักดังถูกหินทับไว้ใต้หล้าโลกให้โศกครวญมิรู้จบ* ดั่งคำตรัส..ของพระพุทธองค์. *ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์* ตัดรักได้ ตัดทุกข์ได้ทันที ทุกข์ที่เป็นดังบ่วงใจ..บ่วงดวงใจ! เลิกไหววิโยคครวญ โหยหา ห่วงใย ละล้าละลัง หมดสิ้นพลังที่จะก้าวเดิน ไปสู่เส้นทาง แห่งความว่าง..ความสงบ พบเส้นทางสีขาวพราวด้วยดวงดอกพุทธะ. เก็บมาสอนตนห่มใจบ่มดวงใจ ให้รู้ตื่น รู้เบิกบาน ปานประหนึ่งดอกบัวพ้นน้ำเสียที.. ให้สะอาดสวยใสเย็น ปานประหนึ่งสายน้ำนิรันดร์ มีเรือสำเภาทองคำเทียบท่า มารอรับสู่สะพานนิรันดร์ พาไปถึงฝั่งฝันพระนิพพาน.. ที่ยากยิ่งนัก.. มาตรแม้นตัดรัก หักอาลัย ในสรรพสิ่ง มิได้ อย่าได้หมายมาดเลยชั่วกัลป์กัปป์... ให้ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี.. ****** ไพล ไม่อยากหลงวน หลงหวั่น หลงฝัน หลงรอ หลงคอย ราวต้องคำสาปจากชาติปางก่อน ให้ร้าวรอน พรายพลัดพรากจากรัก..แท้.. หลงพ่าย หลงแพ้ คำเว้าคำวอนอ้อนให้ติดในวัฎสงสาร ให้หัวใจดวงหวานดวงละมุน..ครองโศก หนีไม่พ้นวิโยค.. โลกรักวน ซ้ำซ้ำ ตามย้ำรอย ว่ายวนตามเพรงกรรมนำพา..อีกต่อไป ******** ทุกคืนค่ำในราตรีอันงามเงียบเรียบง่าย ไพลเพียรทรุดตัวนั่งเบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธพระผู้พิสุทธิคุณ.. ไพลเพียร ถวายพวงมาลัยจากใจดวงละมุนงาม พร่ำกราบกรานบอกถึงความในใจ ขอพรท่าน ให้กุศลบันดาล ให้ใจไพลพบทางสว่างทางออกแสนงาม นามความว่าง ความสงบ พบสุขที่แท้จริง มิพักวิ่งไปขอรอจากดวงใจใคร... ให้รู้ลบ รู้เลิก ความฝันอันงามตระการ ที่หลงพลัดผ่านเข้ามา หลอมดวงชีวา จิตวิญญาณตัวเอง ที่รอคอยมาแสนนานตราบชั่วกาลชั่วชีวิต.. ราวรอพระพรหมสรรสวรรค์ปันเศษเสี้ยวแหว่งวิ่น ให้หัวใจสิ้นหวังได้ต่อติดเติมเต็ม.. แม้ไกลร่าง..ห่างกาลวัยวัน.. ขอเพียงจิตวิญญาณพิสุทธิ์ใสนั้น ได้หลอมละลายกันเป็นหนึ่งเดียวบริบรูณ์..เสียที เพียงภพนี้ชาตินี้ .. เพียงเท่านี้เพียงแค่นี้ ก็แสนดีแสนงามแล้วนะคนดีนะดวงใจ!
2 มกราคม 2547 22:43 น. - comment id 197142
พุดพัดชาไปเดินดายเดียว เปลี่ยวเหงาริมฝั่งฝัน กับพรายพระจันทร์สีเงินงาม ที่ทะเลชะอำ ในยามย่ำสนธยา และเป็นแรงฝันบันดาลใจให้รจนาเรื่องนี้ค่ะ พุดอยากจะไปอุบล อยากไปฟังเสียงแคนแล๋นแตร และเสียงโปงลาง ดูสาวงามใส่ซิ่น เซิ้งซึ้งแซบทรวง ให้ห่วงหาตราตรึง แต่บุญไม่ถึง..พอค่ะ ต้องกลับมานอนระทมระทวยแทน ด้วยรักล้นใจทุกดวงใจ มากปีมากใจตามปีตามพ.ศค่ะ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420 รางวัลชีวิต ชัชฎาพร ลักษณาเวช : : Key B พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์ ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์ หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์ เวรกรรม ทุกชาติก่อน บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...
3 มกราคม 2547 03:06 น. - comment id 197204
ฉันปลูกต้นไม้ใบเริงร่า กลางแดดจ้า..กลางฟ้า..ระเบียงสูง ย้ายกระถาง..วางชิดกำแพง..แหล่งจัดจูง ลมเยี่ยงยูง..เย้าไม้โยก..โกรกแกว่งใบ(๑ ) อันนี้เพิ่งลงใหม่ค่ะ สวัสดีปีใหม่ 2547 อีกครั้งนะคะ ไปงานปีใหม่ญาติที่บ้านโป่งเพิ่งกลับมาค่ำๆ รอคิวเข้าคอมฟ์อยุ่ก็เลยไม่ได้ตอบพุดตอนพุดอยู่นะคะ พรุ่งนี้ก็มีอีกงานกันเองญาติๆเหมือนกันอีกค่ะ อยากให้พุดไปด้วยจัง
3 มกราคม 2547 03:29 น. - comment id 197210
พุดจ๋า..พุดจ๋า...มาฟังคำพุดบรรยาย.. มึน-และ-งง-หลากอารมณ์เหลือเกิน.. ช่างยาว..เหมือนปี พศ... แต่ก็เฝ้า...รอ-ร๊อ-รอ... ให้พุด...มาฉอเลาะอีกที... รักพุดจ้า...
3 มกราคม 2547 07:40 น. - comment id 197242
พุดพัดชานั่งฟัง.. Poetry of The Sea & Mountain บรรเลง เสียงทิวคลื่นซัดฝั่ง เสียงอันทรงพลังของสายลม ที่ปลุกเร้าให้เจ้านางนวลโผผินบินเหนือน้ำ.. เริงร่าถลาแล่นลม..เสรี.. ปลุกอ่าวทั้งอ่าวให้ตื่นจากหลับใหล เสียงนกไพรในดวงใจพุดร้องรับ..ขยับปีกตาม ชาวประมงเตรียมเรือออกจากฝั่งแล่นลอย ไปกับดวงตะวัน..ดายเดียวท่ามกลางทะเลลิบ มีรอยยิ้มในเงามืด ของหัวใจใครบางคนที่รอส่งริมชายฝั่ง ท่ามกลางดาวพร่างสุกใส ที่เริ่มหรี่แสงอำลาฟ้าไปทีละดวง ไฟ..ในเตาริมกระท่อมทะเล ปะทุ.. สุนัข บิดขี้เกียจนอนรอน้ำข้าว มุ้งสีขาวปลิวพะเยิบตามแรงลม.. เปลเด็กน้อย..ยังแกว่งไกว พรานทะเล..ร่อนเร่ไปในเวิ้งน้ำครามฟ้า ปลากระโดด..ผึง..รับพรายตะวันอันอ่อนอุ่น จุดมวนยา นั่งรอท่าเวลาวางแหอวน... ล่าเหยือเพื่อปากท้อง.. สมาธิจดจ้องอยู่กับเกมล่า.. เกมชีวิตยื้อยุดเย่อ พรานทะเล..รอคืนฝั่ง หวังรอยยิ้มอิ่มเอมรอรับขวัญ.. ไม่ลาลับ.. แม้นดายเดียวเดียวดาย อ้างว้างสักปานไหน หัวใจกล้าแกร่ง พร้อมเผชิญพายุใจพายุจริง โหมกระหน่ำกลางเกลียวชล..
3 มกราคม 2547 10:30 น. - comment id 197255
ซาบซึ้งในบทกวีที่แสนหวาน...มาชื่นชมค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะ..
3 มกราคม 2547 11:58 น. - comment id 197281
นอกจากชื่อกลอนจะยาววววว แล้ว บทกลอนยังยาววววววววววว อีกด้วย ชื่นชมค่ะ
3 มกราคม 2547 14:50 น. - comment id 197335
มาแบบฉบับนี้นำข้อคิดที่ดีมาบอกกล่าวให้ได้รับฟัง มีประโยชน์หลายอย่างครับ สายน้ำนิรันดร์กับเรือสำเภาทอง คงไม่จมก่อนถึงนิพพานนะครับ เหมือนเพลงMY HEART WILL GO ON ทียกมา แต่จมก็ดีจะได้ไปครองกันในวิมานใต้น้ำ(จากหนังนะครับ) ที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์ (มาฉายให้ดูหลายรอบแล้วนะครับ) อย่าขำกันนะครับถ้าผมจะพูดต่อ การประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่พอใจ ก็ทุกข์ การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ ก็ทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้มา ก็ทุกข์ ก็ยังปลงไม่ตกเหมือนพุด ขอทุกข์อีกสักชาตินะครับ
3 มกราคม 2547 15:20 น. - comment id 197340
คิดถึงพี่ทะเลจัง
3 มกราคม 2547 15:49 น. - comment id 197345
......ยุบหนอ! พองหนอ!....... สวัสดีปีใหม่นะครับ
3 มกราคม 2547 21:01 น. - comment id 197394
ผู้หญิงไร้เงาชอบบรรยากาศแบบนี้นะค่ะ ชอบค่ะชอบ เป็นบรรยายที่เงียบสงบดีค่ะ
4 มกราคม 2547 08:58 น. - comment id 197531
มาขอบคุณด้วยความซึ้งใจนะคะ เมื่อวานมีเวลาอ่าน *ธรรมปราสาทของหลวงปู่ใหญ่บรมครูโลกอุดร* การไปนิพพานนั้น อย่าได้คิดได้ฝันว่าจะไปง่ายๆนะคะ เพราะขั้นตอนนั้นต้องใช้พลังจิตบริสุทธิ์สมาธิ และต้องมีชีวีตั้งใจ..อย่างสูงสุด อย่างเราๆแค่มีดวงใจบริสุทธิ และไม่ให้ร้ายใคร รักษาศีลให้ผ่องใสก็น่าจะเป็นบันไดแรกค่ะ ..หากยังมีกรรม... หัวใจก็จะยังว่ายวนไม่หลุดพ้น.. แม้นจะพร่ำบ่นก็มิตรงเท่าการตัดวัฏฏสงสารด้วยตัวเองค่ะ.. **** เอาว่าที่พุดเขียนนี้แค่กระพี้นะคะ อยากมีดวงจิตดี..ก็ต้องเพียรเอง..พบเองค่ะ ด้วยรักล้นใจ
4 มกราคม 2547 22:37 น. - comment id 197881
^J^ ................. + จะมีโอกาสนั่งชมจันทร์...ริมหาดทรายขาว ที่สะท้อนแสง...แวววาวในคืนเดือนเพ็ญ....... บนยอดคลื่นเล็ก ๆ ของทะเลสงบ ช่วงเดือนธันวา...? เงาของเกาะแก่ง..ที่บ่งบอก...หรือพยายามที่จะ บ่งบอก.............. บางสิ่งบางอย่าง...!!! ในส่วนลึกของทะเล...แห่งดวงใจ.. และวิญญาน.... รัก...หรือ..นิพพาน....คงต้องเลือก.... นะ...พุด...พัด...ชา.........!!!