แพม ขอบคุณมาก ที่มีท่านผู้อ่าน ที่แสนดี มากมีน้ำใจ ที่ได้ให้กำลังใจ และยกย่อง เรียกว่า นักเขียน.... สารภาพนะคะ..ว่าจั๊กกระจี้ และแสน ละอายใจ ที่ได้ยินได้ฟัง ใครมาเรียกอย่างนี้ ทั้งๆที่อยากจะเป็น อยากจะรับไว้ใจจะขาด... โอ้.. คำที่แสนดี....นักเขียน...อื้อฮือ... ช่างแสนสวย แสนงาม ในความรู้สึก แต่ขอบอก..นะคะ ว่า..มันคงเป็นไปไม่ได้. เพราะคำคำเดียวนั้นมัน..ยิ่งใหญ่.. ไกลเกินคำว่า... ดาวเอ๋ยดาวน้อย ที่ลอยสูงเด่น..ซะอีกนะ แม้อยากจะคว้าไขว่ คำว่า นักเขียน นั้น สำหรับในใจในความรู้สึก ของแพม มันล้ำลึก ลึกลับเลอเลิศ สูงค่า สูงส่ง ราวกับดาวอังคาร ที่ไกลเกินเอื้อมเลยค่ะ ไม่ใช่ดาวน้อยธรรมดาๆ ยิ่งได้อ่านผ่านตา วิถีคนกล้าของการฟันฝ่า เพื่อมาเป็นนักเขียนใหญ่ อย่างกวีซีไรต์ ของคุณ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ที่รักจะเขียน วรรณกรรมเพื่อชีวิตแล้ว... ยิ่งเหี่ยวห่อ เป็นยิ่งนักนะใจ ไม่ใช่อย่างอื่นเหี่ยว....นะคะ เพราะ..หนังสือ เล่มล่า ชื่อ หุบเขาฝนโปรยไพร ของคุณกนกพงศ์นั้น ยิ่งตอกย้ำทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า... คนเราจะเป็นนักเขียนที่ประสพความสำเร็จได้นั้น ต้องมุ่งมั่น มากมีความเพียรพยายามเพียงใด บางคนถึงกับต้องเสียสละ ความรักแบบครอบครัว เพื่อเอาเวลามาทุ่มเท ให้กับงานฝัน งานจินตนาการ งานเขียน ที่ต้องใช้ความคิด คิด และคิด เพื่อ..ก้าวผ่านพ้น คำว่ารักแบบดึงแข้งดึงขา ที่จะแย่งเวลา แย่งความสงบ ..สมาธิ... นี่คือ นักเขียนที่หวังสูง มีอุดมคติมากล้น เกินคนธรรมดาๆ บางที อ่านไปอ่านมา ถึงการต่อสู้กับความต้องการของตัวเอง แล้วก็เศร้าแทน คุณกนกพงศ์ แพมคิดว่า ไม่มากไปหน่อยหรือ คุณกนกพงศ์ คะ! แต่คนเรา มักคิดอะไรต่างกันในมุมมองของชีวิต แม้วิถีนั้นมันจะสุดโต่ง แต่เขาก็ทำด้วยความรัก ความพอใจนี่นา แล้วเราจะมาเอาศีรษะ ไปหนักแทนทำไมกัน.... แต่ขอบคุณนะคะ ที่เป็นแรงบันดาลใจ บันดาลฝัน ให้แพมสามารถ รจนา เรื่องจากดวงจันทร์ ถึงดวงใจได้เรื่องหนึ่ง หลังอ่านจบ นี่ถ้าไม่อาย จะส่งไปให้คุณกนกพงศ์อ่าน นะท่าจะดี แค่อยากบอกเป็นนัยๆว่า ทำอะไรน่าจะเดิน สายกลาง ให้มีความพอดี ความว่าง ความพอใจ น่าจะเข้าทีดีที่สุด สำหรับแพม คิดว่า ถ้าต้องแลกกับคำว่า.. นักเขียน..ยิ่งใหญ่ไปถึงโลกไหนในอนันตกาลจักรวาลสุดหล้า.. ด้วยชีวิตที่ว่างเปล่า เหลียวไป ไม่มีรัก ไม่มีอบอุ่น แบบปุถุชน คนเดินดินแล้ว แพม...คงไม่...ขอเป็น จะดีที่สุด และเพราะรู้ว่า อยากแค่ไหน ก็ใช่จะเป็นได้ทุกคนซะเมื่อไหร่.... คนมีอุดมคติสุดขั้ว ในโลกนี้ มีมากพอแล้ว ขอให้เขาเดินไปในเส้นทางนั้นเถิด ถ้าเขามองเห็นทางนั้นสวยสด และถึงฝั่งฝันได้อย่างไม่ยากเย็น... แพม..ทนขวากหนาม ความอดทน ความยากลำบาก เพื่อพิสูจน์คุณค่า ในตัวเองไม่ไหวแน่ คงพ่ายแพ้เพลี่ยงพล้ำ เสียก่อน เพราะพลังใจไม่กร้าวแกร่งพอ จึงขอสดุดี..นักเขียน และศิลปินทั้งหลาย ในหล้าโลกนี้ ที่ประสบกับเกียรติยศ กับความชื่นชม ความสำเร็จ สามารถก้าวพ้นผ่าน ด่านอรหันต์ มหันตภัย จนได้ฝากผลงาน ไว้เพื่อเป็นเกียรติ เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิต และของโลก แพม...ขอก้มศีรษะและดวงใจ ลงคารวะ แด่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ที่น่าชื่นชมสุดขั้วหัวใจ แพม..เป็นแค่..นักอยากจะเขียนแค่นี้ ก็แสนดีแล้ว เพราะทุกวันนี้ก็มีคนตัดพ้อ และเหน็บแนม แกมประชดแพม ด้วยสมญานาม มากมี....เช่น โคโค่เพ้อ โคโค่พลอมแพลม ลับๆล่อๆแล้วแต่สถานการณ์อารมณ์ ที่เป็นดั่งนี้..เพราะเหตุว่า..... เวลาในชีวิต ได้ถูกงานเขียนมาแบ่งปัน ไปบางส่วนและมากมีในบางวัน... บางคืนค่ำ นอนอยู่ดีๆ ก็เหมือนผีเข้า เด้งดึ๋งได้ แบบนักยิมนาสติก ไวปานนั้น เพราะคิดคำกลอนได้ แม้จะธรรมดาๆ แต่สำหรับแพม... มันแสนดี มีค่ามากเลย ที่อยากมอบให้ ผู้อ่านผ่านตา นะคนดีที่รักยิ่ง..... และเชื่อไหมว่า ตั้งแต่มาจับงานเขียน แบบมือใหม่สมัครเล่นแล้ว ไม่ว่าไปไหนๆ ใจดวงที่ปลอดโปร่งโล่งงาม ก็ไม่วายจะสรรหา เรื่องมาคิด คิด คิด ทั้งที่มีสาระและไม่มี ที่มัก จะออกมาในแนว พร่ำเพ้อละเมอหารัก เสียเป็นส่วนมาก เพื่อ เสนอสนองอารมณ์ อยากเขียนของตัวเองนะซี จะมีอะไร บางทีคิดเอาว่า น่าจะมีใครสักคน รู้ใจ ราวเพื่อนร่วมฝัน ร่วมเส้นทางแห่งกำลังใจ ที่ทอดยาวไกล ให้เดินดุ่ม ค้นหา ไม่รู้จบ.. เพื่อมอบสิ่งดีๆ ที่อยากรินรด จ่ายแจก ให้เห็นงามตามกันไป ใน ทางสายสวยใส เส้นนั้น ชีวิตนี้...จึงราว..ถูกพันธนา ด้วยความฝัน อันอลังการ ตามประสาใจคนอยากเขียนอยากถ่ายทอด ที่รอเวลาจะระเบิดพวยพุ่ง.. เป็นความฝันที่แสนงามราวสายรุ้ง...เลื่อมสี. แม้นมิเคยคิด คาดหวัง ไฉนเลยใจยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้...หนอ ที่ ทั้งทุ่มเท ทุ่มใจ ไม่เหน็ดเหนื่อยเลย งานการเขียนนั้น ถ้าจะให้ดี ต้องเขียนให้ถูกใจผู้อ่าน และมีสาระ ย่อยเรื่องยาก ให้กลายกลับเป็นเรื่องง่ายๆ น่าสนใจติดตาม และ...ยังมีกลวิธีซับซ้อน ที่เป็นเทคนิคในการเขียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน..... นักเขียนส่วนมาก มักผ่านการเป็นนักอ่านตัวยงมาก่อน แล้วลองพัฒนาตัวเอง พยายามลองเขียนดู ถ้าไม่รักการอ่าน อยู่ๆจะเขียน คงต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ และมีความเป็นอัจฉริยะ ในตัวตน..อย่างล้ำเลิศ... เขียนมายาวย้วย เพียงอยากบอกว่า ชีวิตแพม..ช้าไป แล้วต๋อย ที่จะทุ่มเทมากมายกว่านี้ได้ จนหมดใจ เพราะหมดไฟหาหนทาง.... ที่จะก้าวย่างไปไกลสู่โลกบรรณพิภพ ของคำว่านักเขียน.. อยากฝากใจ ฝากบอก ถึงนักเขียนสมัครเล่นรุ่นใหม่..แค่นั้น ที่ยังเป็นคลื่นลูกใหม่ไฟฝันยังแรงร้อน ว่า.... ทุกสิ่ง ไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าเริ่มวันนี้ เพราะยังมีหนทางไกลให้ลองก้าวเดิน จงทำด้วยใจ ด้วยรักนะคะ และ..แพมคนนี้.... จะขอเคียงข้างให้กำลังใจ....ไปเสมอ เพียง..แค่ขอ..เห็นใครสักคน สานฝัน....ในใจแพมนั้น...ให้สำเร็จ เป็นจริง ด้วยรักนี้..จากใจโคโค่แพมนะคะ. แด่นักเขียนสมัครเล่นทุกท่านในร่มรักเรือนไทยนี้.... ที่ให้โอกาสเราทุกคน ก้าวเดินไป...ตามหาฝัน..วันแสนดี...แสนยิ่งใหญ่..ของเรา ค่ะ
15 ธันวาคม 2546 01:42 น. - comment id 191330
งานพุดสับสนมากค่ะ.. นักอยากจะเขียน นักฝัน..ค้างเติ่งต่องแต่งก็ยังงี้แหละนะคะ เฮ้อ.. อ่านๆไปแก้เซ้งแล้วกันนะคะ ไม่รุซ้ำมั้ย.. ราตรีสวัสดิ์ค่ะเหนื่อยจัง..
15 ธันวาคม 2546 01:59 น. - comment id 191337
:)
15 ธันวาคม 2546 06:17 น. - comment id 191346
ที่บอกว่างานพุดสับสนผมค่อนข้างเห็นด้วย เพราะแต่ละเรื่องน่าจะพยายามมีประเด็นหรือจุดสำคัญเพียงอย่างเดียวให้ได้อ่าน พุดบางทีเขียนมาดี ๆ เขียนถึงกลางเรื่องก็ไปขยายพูดประเด็นอื่นขึ้นมา ถ้าว่าชอบเขียนแบบรวมฮิตเมดเล่ย์น่าจะถูก ๒ เรื่องที่เขียนในวันนี้ผมไม่สับสนครับ เพราะพูดเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนักเขียน เข้าใจดีครับ ผมหมายถึงเรื่องก่อน ๆ ที่เขียนมา(บางเรื่อง) และบางเรื่องชอบเขียนยาวเกินจำเป็น ก็แบบนี้หละครับคนมีวัตถุมาก(เรื่องราว ประสบการณ์) ก็เพียงข้อเสนอแนะว่า แต่ระเรื่องน่าจะเอาแค่ประเด็นเดียวเป็นสำคัญ อย่ายาวย้วยมากจนเกินไป ทำตามหรือไม่ ไม่ว่ากัน เพราะบางทีการถูกจำกัดก็จะไม่สนุกกับการเขียน เสนอแทนผู้อ่านที่ไม่กล้าพูดก็แล้วกันนะครับ แต่ผมว่าพุดเขียนใช้ถ้อวยคำสละสลวยสวยงาม อีกเนื้อเรื่องก็ไม่จำเจ แม้บางครั้งจะเป็นเรื่องทำนองเดิม แต่มีรูปแบบนำเสนอได้ดีมากครับ มีครบทุกบท ให้อ่านทั้งสนุกสนาน และโศก ได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย ผมมักจะอินกับงานเขียนของพุดอยู่บ่อย ก็ต้องเขียนดีครับผู้อ่านถึงได้คล้อยตามไปด้วย บางทีอ่านไปได้อารมณ์ก็รีบตอบทันที ถ้าไม่สมควรก็ลบได้นะครับ เพราะความคุ้นเคยกันจึงกล้าวิจารณ์กันหนักบ้าง ไทยโพเอ็มผมยกให้พุดเป็นนักเขียนคนหนึ่งในใจของผมก็แล้วกันครับ
15 ธันวาคม 2546 07:53 น. - comment id 191356
เป็นกำลังใจให้นะคะ
15 ธันวาคม 2546 09:39 น. - comment id 191363
ชัยชนะ พุดก็ยกให้ชัยชนะเป็นหนึ่งในดวงใจพุด วันใดที่ชัยชนะไม่คอมเมนท์งานพุด พุดแทบอยากหยุดเขียน เหมือนขาดพลังใจ จากคนที่รักพุดสม่ำเสมอในงานนานมา และมีอีกหลายท่านที่รักพุดพัดชา ด้วยเข้าใจ พุดขอขอบคุณด้วยความซึ้งใจนะคะ .. ขอบคุณน้ำตากับท้องทะเลสีครามมากค่ะ ด้วยใจรัก ....
15 ธันวาคม 2546 09:49 น. - comment id 191365
วอนกวีศรีสวรรค์บรรลุทิพย์ อย่าลอยลิบเหลิงลมเพลินชมสรวง เชิญปรายตามายังคนทั้งปวง ผู้หลงห้วงแห่งเขลาดุ่มเดาทาง พรสวรรค์พรแสวงอยู่แหล่งไหน ต้องทุ่มเทเท่าไรให้มีบ้าง แค่เอื้อมมือฤๅเสมือนฝันเลือนลาง หากท่านว่างสักนิดบอกทิศที คนรุ่นหลังยังรอขอความรู้ ยังใช้ผิดเป็นครูคลานอยู่นี่ ความเวิ้งว้างบนสวรรค์ชั้นกวี เปลืองพื้นที่มากมายเสียดายมัน
15 ธันวาคม 2546 12:35 น. - comment id 191382
พี่พุดก็เป็นนักเขียนในไทยโพเอมอยู่แล้วนี่ค่ะ ^-^
15 ธันวาคม 2546 19:54 น. - comment id 191516
เก่งหรือไม่เก่งสำคัญฉไน มันอยู่ที่ใจจะใฝ่ฝันหา ขอเพียงแค่ให้เรามีแรงใจและกายจะไขว่คว้า เราเชื่อว่าสักวัน ฝัน... ที่เคยค้างจะเป็นจริง ขนาดมะม่วง คนยังสอยเอาได้ ดวงจันทร์คนก็เคยไปเหยียบมาแล้ว ไม่ว่าจะเนิ่นานสักเท่าไหร่ แต่การที่เราได้เดินตามความฝัน เพียงแค่นั้น ก็ทำให้เราไม่รู้สึกเสียดายที่เกิดมาไม่ใช่หรือคะ ถ้าหากว่าเราอยู่นิ่งเฉย มีเพียงความฝันที่ลอยลม โดยไม่เอื้อมมือไขว่คว้า ซึ่งหนทางข้างหน้าจะมีหรือไม่มีก็ตาม นั่นต่างหากล่ะคะที่น่าเสียดายแทน เพราะว่าเกิดมาก็เหมือนไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย ก็พูดไปเรื่อยอ่ะนะคะ อาจจะตรงประเด็นบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ตลอดไปค่ะ
15 ธันวาคม 2546 23:04 น. - comment id 191614
ผู้หญิงไร้เงาว่าคุณพุดเขียนได้ดีนะค่ะ สำหรับที่ที่ผ่านมา เอาเป็นว่าขอให้คุณพี่พุดได้เป็นนักเขียนสมใจแล้วกันค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะค่ะ
27 พฤษภาคม 2547 12:51 น. - comment id 275259
พุดกลับไปอ่าน *ยากที่จะเป็นกวีอาชีพ*ของกวีบ้านไร่มา และระยะนี้ ทีคนกล่าวถึงกวีๆๆๆกันเสียมากมาย เลยฝากงานจารใจแจงแถลงรักของพุด ที่แค่พอจะเป็นได้ คือ*กระวีกระวาดและนักอยากจะเขียนนักฝันค้าง*ค่ะ..ลองอ่านดูนะคะคนดี กวีบ้านไร่..ที่พุดชอบคำว่าบ้านไร่มาก ค่ะ.. ด้วยรักนะคะ http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42985.php http://thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42984.php ผมก็ชอบชื่อนี่มากครับมีความหมายสำหรับผม คำว่ากวี คือคำที่เพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดใช้เรียกผม เพราะผมเป็นคนชอบอ่านบทกลอน ชอบแต่งกลอนเล่นๆ ส่วนบ้านไร่ คือชื่อบ้าของผมเองครับ ดังนั้นผมจึงเอาสองคำมาเป็นนามปากกาครับ งานเขียนพุดก็เพราะครับ ผมชอบอ่านแบบนี้แหละครับ