ตะวันเดือนธันวา!

พุด


ตะวันเดือนธันวา...
ยามเย็น..สีส้มสุกก่ำ ฉ่ำดวงแดง
ค่อยค่อยรอนแสง ลอยเรี่ย ระดงไม้งาม
มองผ่านต้นไม้แผ่กระจายก้านกิ่งราวกัลปังหาสีดำ
งามดั่งภาพฝัน ท่ามกลางม่านหมอกเมฆพร่างพราย
ประกายเหลือบสีสันสายรุ้งสวย..

แพน..เดินตามตะวันดูตะวันงามตามใจฝัน
ผ่านถนนสายโลกสายโศกสุข
เหมือนเฉกเช่นทุกวัน ทุกวัน และทุกทุกวัน...

แต่กลับ..
มองตะวันแตกต่าง ต่างแตก แผกผิดไม่เหมือนเดิมสักวัน
ทั้งๆที่ตะวันสำหรับใครหลายๆคน
มองแล้วก็เท่านั้น ตะวันก็ยังคงดวงกลมเท่านี้!ก็เท่านี้!
ไม่มีเวลาให้ดวงตาไม่มีเวลาให้ดวงชีวี..
ว่างพอที่จะแหงนเงยมองเสียด้วยซ้ำไป

ตะวันก็ยังเป็นตะวัน..
มีขึ้นมีลงทุกวัน....
ขึ้นตามอรุณฝันทางทิศตะวันออก 
และบอกได้เลยโดยไม่ต้องดู...
ตกทางทิศตะวันตกไงเล่า..
แล้วจะเฝ้าดูไปทำไมละหนอละนี่ ให้เสียเวลา
ว่าจริงไหมเล่า ?นะคนดี..
สำหรับบางคนที่..คิดดีคิดได้คิดเป็น
เห็นเพียงแค่นี้ก็แค่นี้ก็แค่นั้นก็เท่านั้น..

และบอกได้อีกทีอย่างแม่นยำว่า.. 
อรุโณทัยจะกลับมาในยามฟ้าสาง
ตราบทุกเมื่อเชื่อวันมิว่างเว้น..มิรู้เหน็ดรู้เหนื่อย
มิห่างหันห่างหาย พรายพลัดพราก 
ลาจากโลกไปไหน อย่างแน่นอน..

แต่สำหรับแพน..แม่สาวแขนไม่อ่อนดั่งนางรำคนนี้
นอกจากมีแต่สองมือที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นเน้นย้ำว่า
ทุกคืนวันที่ผันผ่านมากับดวงสุริยา
ตลอดชีวาชีวีมิเคยสบายเลย...

กลับมองเห็น..ตะวันจริงและตะวัน..ในใจ
แสนแปลกใจ บางวันงามกระจ่างสดใส
บางวันแสนสวยซึ้งเศร้ามิเหมือนเดิมเลย..สักวัน ..
ทั้งตะวันและจันทราระย้าระยับ
ที่มีดาวเคียงเดือนประดับ
เหมือนมิยอมให้ราตรีมีวันดายเดียว

แม้นเป็นธรรมชาติกาลเวลา
ที่แปรไป ตามเงื่อนไขโลก
และตามใจเราคิดเพ่งพินิจดู 
ที่ยังคงหมุนวนหมุนเวียนเปลี่ยนหนาวร้อนมาทายทัก 

ทั้งทุกข์โศก สุขคลุกเคล้าให้ชีวีมีรสชาติประหลาดล้ำ
ได้บทเรียนบางบทนำมาสอนใจ มิให้หัวใจหลงเดินผิดทางรัก
จนกว่าวันที่แสงแห่งดวงชีวาจะลาลับหล้าลงเป็นหนึ่งเดียวกับผืนพสุธา
มิต้องคะนึงหาใคร ไหวครวญอีกต่อไป..
****

ตะวันเดือนธันวา.....
ขึ้น..
ในไพรพฤกษ์พง
 คงหยอกมวลแมกไม้ สายลมแห่งขุนเขา
สายหมอกสายเหมยพรายราวสายไหมพร่าง
บนเทือกเขาสลับสล้างทอดตัวเป็นแนวยาว 
เย้ายวนใจในงามพิสุทธิ์ใสของอากาศเย็นฉ่ำ
ราวพรำพรมด้วยเมฆฝนปกคลุม..ครึ้มทะมึนเทาทาบ
ทอทอดค่อยๆลอดแสงรำไรลงโลมไล้ประโลมดวงดอกไม้ไพร
ให้คลี่กลีบหวานใสบอบบาง
ให้มวลหมู่ภมรมาร่อนภิรมย์คลึงเคล้า 
ให้วัฎฎะแห่งไพรยังดำรงไปมิสิ้นสุดสะดุดลง..
*******

ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในดงตาล 
ยามเช้าแสนหวาน 
ที่มีฝูงนกกระยางขาวเดิน
เหยาะย่างเลาะเลียบริมนาริมหนองมองหาเหยื่อพอประทัง
สีเขียวพร่างใสของรวงไหวเอนไปตามแรงลมล่อง
ทั้งทั้งห้วยหนองคลองบึง
จะได้ยินเสียงร้องก้องระงม..ของกบเขียดท้องนาคลาคล่ำ
บรรเลงร่ำลอยลมด้วยท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติ..
ราวให้วาดเวิ้งฟ้างามได้พลอยยลยิน..
******

ตะวันเดือนธันวา..
ขึ้น...
ในทะเล สีมรกตใส  
ที่ตะวันดวงใหญ่ค่อยๆลอยตัวโผล่พ้นจากผืนน้ำ 
พร่างสีเงินงามสาดแสงอ่อนอุ่น

 เรือหาปลาลำน้อยที่ลอยลำมาลิบๆ....
เห็นเพียงเสากระโดงเรือ
ลอยใกล้เข้ามาๆ..กับคลื่นแห่งความฝัน
ถึงฝั่งจริงฝั่งใจที่มีใครบางคนคอยเฝ้ารอเฝ้าหวังจะได้ปลา
มาร้อยเป็นพวง.. 
ร้อยเป็นห่วงสร้อยแสนคาว..หากมีราคาแปรค่าเป็นเงินงาม

แทนความหวังพลังกายใจทุ่มเทของ*พรานทะเล*
ที่ยอมเร่ร่อนรอนแรม...
มีชีวิตคราคร่ำกลางน้ำเวียนวนสู้ทนเหว่ว้า
ทายท้าทั้งพายุใจและพายุจริง..
ที่มองไปทางไหนก็มีเพียง*น้ำจรดฟ้า*
ราวเพลงพรานทะเล ที่แสนงาม

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34
พรานทะเล สุนทราภรณ์ : :
ชีวิตที่คร่ำ กลางน้ำเวียนวน
ลอยล่องกลางชลไม่พ้นทนไป
อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป
อยู่ห่างไกลกลางสายชล
มองน้ำตรงหน้า จรดฟ้าไกลไกล
ว้าเหว่ดวงใจไม่เห็นผู้คน
คลื่นและลม สู้ ทน ทุกข์ใจปานใดไม่บ่น
สู้แดดฝนลำบาก กาย
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่ง สักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดิน เข้า มา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนา แทบจูบดิน
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่งสักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดินเข้ามา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน...

และบางคราแม้นเห็นแต่ปลากลางทะเล
ก็อยากผวาจูบแทนหน้าลูกน้อยและเมียขวัญ...
 เป็นหนทางทำกินทางเดียว
ที่ต้องเที่ยวท่องล่องไปตามสายชล
ไม่เว้นวัน..วารไม่มีกาลเวลาหยุดเช่นกัน
*****

ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น
กลางหุบเขาลำเนาไพร เทือกเขาสูงไสว
ที่แพนนั้นเห็นเพียงในฝันในฉากภาพยนตร์

ตะวันที่ขึ้นกลางใจในหุบเขาประเทศฑิเบต 
ที่แพนหวังจะได้เห็นสักคราครั้ง
มิใช่แค่มานั่งเทียนเขียนเขียนเอาให้งามตามวาดฝัน
อย่างในหนัง 7 YEAR IN TIBET 
ที่พระเอกจอมกวนแบรดด์ พิทท์
เปลี่ยนบทบาทการแสดงเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ
ให้แก่องค์ดาไลลามะน้อยได้อย่างซึ้งอกซึ้งใจพระเดชพระคุณ
ก่อนที่จีนจะมาย่ำยีเรียกสิทธิในดินแดนมาปกครองเสียเอง..
**

ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในท่ามกลางป่าดงดิบอัฟริกา
ที่แพนเพิ่งได้ดูยามตะวันขึ้นและตะวันลา
อย่างรู้ค่าและแสนซาบซึ้งใจ
*จากเกมคนจริงSERVIVER เกม*
ให้เหลือผู้อยู่รอดปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียว
ที่ต้องอาศัยพลังสติปัญญาและไหวพริบ
พร้อมมนุษยสัมพันธ์อันดียิ่ง
เพื่อช่วงชิงสิ่งสุดท้ายคือรางวัลหนึ่งล้านดอลลาร์
ซึ่งกว่าจะได้มานั้นก็ต้องเลือดตาแทบกระเด็นตามค่าเงินงาม

และอย่างที่แพนอยากเห็นนั้น ใครๆก็ฝันๆเอาได้
หากชอบดูหนังเกี่ยวกับสารคดี
NATIONAL GEOGRAPFIC
เกี่ยวกับการท่องไพรพนาป่าเขาลำเนาไพร
 มีฝูงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ธรรมชาติไพรนานา
ที่ยังเหลือพันธุ์สัตว์ป่าพอหาได้ให้เห็น

เช่นเสือสิงห์กระทิงแรดหมูป่าช้างกวางหมียีราฟ
ที่พากันเริงร่าในทุ่งหญ้ารอรับอรุณ..
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ป่านานา ท้าแสงแดดอ่อนอุ่นรำไรๆ
แพน..ชอบดูหนังทุกเรื่องราว
ที่มีฉากสัตว์ป่าและยังมีงามล้ำค่าจากธรรมชาติไพร
ชอบอ่านหนังสือทุกเล่ม ย้อนยุคสู่โลก
ที่ยังไม่เปลี่ยนทิวไม้เป็นทิวตึกแทนที่มากมายมากมีอย่างทุกวันนี้

จะยังมีก็แต่อ้อมกอดไพร......
โอบกอดให้หอมหอมดวงใจให้พักพิงนิ่งเงียบงาม
ให้ไหวหวามดิบเดิมดิ่งด่ำติดดิน 
มิพักดิ้นเดือดเลือดพล่านหาเงินมาเสนอสนองครอบครองวัตถุ
ตามความอยากนี้ที่ถูกป้อนปลอมปรนเปลอมิรู้จบรู้สิ้น
ตามวัฎฎะโลกตามค่านิยมโลก
พาให้โศกวายวุ่นหมุนหาเงินตัวเป็นเกลียวแทบไม่พอกินพอใช้

แพนอยากพาตัวเองไปสร้างกระท่อมทับที่นั่น 
และนอนดูดวงตะวันในทุ่งหญ้า แม้จะมีสัตว์ป่า
ก็คงมีพระเอกสักคนมาพลีอ้อมกอดอันอบอุ่นอ่อนโยนปกป้อง
ถนอมนวลใจและกายให้ปลอดภัย และหลับไปนิทรารมย์อันแสนสุข..
****

ตะวันเบิกฟ้า ..
หรือ ตะวันลา ก็คงงามหยาดหล้าทั่วฟ้าดินทุกถิ่นที่
ที่ฟ้าใจดีมีเมตตาประทานมาให้เรา...
*มนุษย์บนหล้าโลกให้ลืมโศก
*มีพลังสร้างสุขใหม่*ตามตะวันมิมีวันยอมแพ้พ่าย
ให้เรามีอรุณหวังอรุณหวานเริ่มชีวิตใหม่ได้ในทุกทุกวัน
นำมาสอนใจ เป็นธรรมชาติใจธรรมดารัก
ตราบจนกว่าชีวิตจะแตกดับตามดวงตะวัน..
********

ตะวันงาม ที่ปราสาทพนมรุ้ง
ตะวันลา ที่นครวัตนครธม
ตะวันโศกตรมยามดายเดียวริมทะเลงาม
ตะวันหวานในกรุงกรงบางวัน..

แต่...
ทุกดวงตะวัน..
ที่ไหนๆ..ก็ไม่งามเท่าตะวันกลางใจ
ปลุกดวงใจไทยทั้งชาติให้ตื่นให้เบิกบาน
ให้มีพลังสรรสร้าง คุณงามความดี 
ทุกธุลีชีวีที่พร้อมพลีอุทิศใต้เบื้องบาทพระองค์
ด้วยความจงรักภักดี..
ให้ทั่วผืนดินไทยแข็งแรงด้วยพลังแห่งดวงใจรู้รักสามัคคี
ได้หยัดยืนทายท้าอารยะโลกอย่างผู้รู้ตนอย่างคนรู้ค่าชีวิต
แบบพอเพียงแบบเพียงพอ
แบบไม่ลืมตนไม่ลืมตัวไม่ลอยละล่องฟองฟู
ดั่งว่าวเหลิงลมคราได้รับคำชมคำเยิรยอ

หรือต้องแฟบฝ่อห่อเหี่ยวแทบสิ้นเรี่ยวแรง
แม้นถูกคำคนพิพากษาไม่เข้าใจเหยียบย่ำกระหน่ำใจ
เพราะไม่ว่าคำใดใครคนไหนมอบให้

ก็แค่ลมลมมิยั่งมิยืน..เท่างามดวงใจใครจะรู้
ให้เฝ้าทนสู้เก็บกลืนกล้ำ
ให้เลิศล้ำความเป็นยอดคน
ให้ฝึกอดทนอภัย มากมีน้ำใจเมตตา
ที่จะเผื่อแผ่แบ่งปัน
ให้ไปไม่หวงไม่หวัง..
ไม่กลัวใครจะมาลวงมาหลอน..มาย้อนยอกหลอกใจ
ก็ไม่หวั่นไหว ไหวหวั่น

ยึดมั่นงามดวงใจให้สวยใสกระจ่างงาม
ตามดวงตะวันกลางใจ
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท..
พระผู้เปรียบประดุจยอดปราชญ์
พลังรวมชาติรวมงามสิ้นแห่งผืนดินทุกหย่อมหญ้า
ทั่วหน้าพสกนิกรชาวไทยได้ร่มเย็นเป็นสุข
และ..

ดั่งมีดวงตะวันสดใสส่องนำทางใจนำไทยทั้งผืนดินนี้ 
ให้อบอุ่นเป็นสุขตราบชั่วกาล..นานชั่วนิจนิรันดร...
*******

บันดาลใจจากอรุณรุ่งเช้าวันที่5ธันวาคม
ที่แพนพาหัวใจละมุน
ไปใส่บาตรทำบุญน้อมถวายเป็นพระราชกุศล
แพนได้ทำบุญกฐินถวายวัด ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า
ได้แผ่ส่วนกุศลให้แก่ตนเองและทุกดวงใจ
ที่แพนแสนรักค่ะในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ให้มองตะวันเป็นเห็นงาม
รู้เก็บตะวันกลางใจ....
ดวงกระจ่างใสดวงงาม
ไว้ส่องนำเส้นทางใจสนองพระบรมราโชวาทที่ว่า
รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่ รู้เพียงพอพอเพียง..
เพียงแค่นี้...
ก็พอเพียงก็เพียงพอแล้ว..นะแก้วตานะดวงใจ				
comments powered by Disqus
  • พุด

    9 ธันวาคม 2546 00:32 น. - comment id 188963

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6189
    ใกล้รุ่ง   
    เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key E  
    ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกล
    ชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปาน
    ฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสาน
    จากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ
    ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
    ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
    ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
    รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
    เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
    ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
    โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
    แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
    หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
    เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
    ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
    สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ
    
    ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
    ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
    ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
    รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
    เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
    ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
    โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
    แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
    หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
    เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
    ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
    สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ... 
    
  • พุด

    9 ธันวาคม 2546 00:34 น. - comment id 188965

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6191
     ยามเย็น   
    เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key C  
    แดด รอน ๆ
    เมื่อทินกรจะลับเหลี่ยมเม-ฆา
    ทอแสงเรืองอร่าม ช่าง งาม ตา
    ในนภาสลับ จับ อัม พร
    แดด รอน ๆ
    เมื่อทินกรจะลาโลกไป ไกล
    ยามนี้จำต้องพราก จาก ดวง ใจ
    ไกลแสนไกลสุดห่วง ยอด ดวง ตา
    แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน
    ทุกวันคืนรี่นอุรา
    ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญา
    เหมือนดัง นภา ไร้ ทินกร
    แดด รอน ๆ
    หากทินกรจะลาโลกไป ไกล
    ความรักเราคง อยู่ คู่ กัน ไป
    ในหัวใจคงอยู่ คู่ เชย ชม
    แดด รอน ๆ
    หมู่มวลภมรบินลอยล่องตาม ลม
    คลอเคล้าพฤกษาชาติ ชื่น เชย ชม
    ชมสมตามอารมณ์ ล่อง เลย ไป
    ลิ่ว ลม โชย
    กลิ่นพันธุ์ไม้โปรยโรยร่วงห่วงอา ลัย
    ยามสายัณห์พลันพราก จาก ดวง ใจ
    คอยแสงทองวันใหม่ กลับ คืน มา
    แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน
    ทุกวันคืนชื่นอุรา
    ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญา
    เหมือนดังนภาไร้ทินกร
    โอ้ ยาม เย็น
    จวบยามนี้เป็นเวลา สุด อา วรณ์
    ยามไร้ความสว่างห่างทินกร
    ยามรักจำจะ จร จาก กัน ไป...
     
    
  • พุด

    9 ธันวาคม 2546 00:37 น. - comment id 188966

    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_38027.php
    น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร
    เรื่องสั้นแสนงามของพุดพัดชาที่แสนปิติใจค่ะ
  • ชัยชนะ

    9 ธันวาคม 2546 08:07 น. - comment id 188998

    แวะมาดูตะวันเพลารุ่งอรุณครับ
    
    ช่วงนี้ผมหรือสึกจะอินไปกับบทกลอนอย่างว่า
    ก็ภูมิใจเถอะนะครับที่ผมไปว่าให้แรง
    เพราะว่าแต่งได้ดีมากครับ เลยคิดว่าเป็นความจริง
    
    มีอะไรก็ตักเตือนกันได้ครับ ผมคนมีเหตุผล 
    อะไรที่ไม่ดีแล้วก็ผ่านเลยไป ไปเก็บมาจำฝังใจหรอกครับ
    
    รู้สึกว่าตะวันช่วงนี้จะทำงานน้อยกว่าปกติ
    ประมาณ ๕ โมงกว่า ๆ ที่บ้านผมก็เริ่มมืดค่ำแล้ว
    
    ตะวันในดวงใจอันงามเป็นสิ่งที่ดีมากครับ
    จะนำพระบรมราโชวาทไปน้อมประพฤติปฏิบัติครับ
    
  • ผีขี้เมา

    9 ธันวาคม 2546 08:15 น. - comment id 189002

    แบบนี้ต้องเก็บตะวันซีนะ.อิอิ
    
    
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    9 ธันวาคม 2546 11:58 น. - comment id 189044

    เวลาเหงา ๆ ก็มาบ้าน  พุดพัดชา ได้อ่านงานงาม
  • อัลมิตรา

    9 ธันวาคม 2546 13:16 น. - comment id 189060

    ๏ ตะวันชิงพลบบ้าง............บางสมัย
    หากแต่ยังสว่างไสว.............พร่างฟ้า
    อรุณรุ่งพราวประไพ............งามเด่น
    คงจิตยืนหยัดกล้า-..............แกร่งคล้ายสุริยงค์ ฯ
    
    ...พระอาทิตย์แม้นจะมีชิงพลบไปบ้าง...
    ...แต่ก็ยังกลับมาสว่างไสวได้อีกเสมอ...
    ...เมื่อคราวรุ่งเช้าหรือกลางวัน...
    ...ไม่ใช่หายไปตลอดกาล...
    ...เหมือนการที่คนเราต้องพยายามแกร่งกล้า...และห้าวหาญ...เหมือนตะวัน
  • แทนคุณแทนไท

    9 ธันวาคม 2546 15:19 น. - comment id 189101

    เยี่ยมจริงๆครับ***
  • tiki

    9 ธันวาคม 2546 18:44 น. - comment id 189145

    :)
  • ^LittiE_PenguiN^

    10 ธันวาคม 2546 02:32 น. - comment id 189277

    ดีค่ะ ^^
  • ผู้หญิงไร้เงา

    10 ธันวาคม 2546 16:14 น. - comment id 189386

    ตะวันใกล้พบ
    หรือใกล้จบตอนพลบค่ำ
    แต่รุ่งขึ้นเช้าวันไม่ไม่ระกำ
    เพราะตะวันยังมีช้ำช้ำประจำทุกวันเวลา
    
    *-*แต่งได้ดีนะค่ะ*-*

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน