http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219(เดือนต่ำดาวตก) นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์ ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า.. หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์ นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!ตรงหน้านวลนี่แล้ว ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์ นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน.. เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง.. นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน. และใช่!..เลย นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว.. ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง... และ.. นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน.. หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน. . นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์.. คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์ คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้.. ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว.. มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว... ******* และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม ใครจะรู้.. ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล.. หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่.. แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง.. นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง นองน้ำตารอรอและรอ... เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ... เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง.. ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว! นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง.. ******** กระทั่งวันนี้... วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม.. รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี.. นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล.. และ นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน.. ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า.. ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว ***** นกไพร..เจ้านกไพร.. น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม กำลังพร่างสายรินไหล หอมละเมียดหอมละไมหลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!
11 พฤศจิกายน 2546 21:06 น. - comment id 180639
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219 เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ : : Key Bb เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ ผวา มองจ้องตามเพียงครู่ รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ น้ำค้างร่วงกราว ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน หวานดังน้ำผึ้ง แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...
11 พฤศจิกายน 2546 21:12 น. - comment id 180642
พี่พุดค่ะ อยากบอกว่าอ่านแล้วยอดเยี่ยมมากจริงๆนะ อ่านแล้วสะเทือนใจแล้วก้อเข้าถึงมากๆ
11 พฤศจิกายน 2546 22:17 น. - comment id 180665
เรื่องราวจบด้วยความสุข แต่อ่านไปแล้วรู้สึกเศร้า ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ นกไพรที่จากไกลนวลน้องที่เที่ยวท่องชะตาท้าป่าคอนกรีต จะมีนกไพรสักกี่ตัว ที่เป็นได้เหมือนเช่นดั่งเจ้า ต้องยอมรับในวาสนาและความพยายามทุ่มเทของเขา จึงก้าวสู่เวทีแห่งความประสบผลสำเร็จอย่างมากมาย ก่ายกอง ขอยกย่องยอมรับในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาที่ไม่เป็นวัวลืมตีน พร้อมที่จะกลับไปหานวลผู้เป็นที่รัก กลับไปตายรังเดิม เรื่องนี้น่าจะเป็นกำลังแรงใจเป็นอย่างดี สำหรับคนหนุ่มสาว ที่ต้องมีความกล้า ท้าที่จะเผชิญกับโรงละครโรงใหญ่โดยไม่หวาดหวั่น ถ้าใจสู้ย่อมมีหนทางชนะ จะมีสักกี่คนหนอที่ทำได้อย่างเจ้านกไพร
12 พฤศจิกายน 2546 00:55 น. - comment id 180687
บทกวีบอกเล่าเรื่องราวแห่งจิตวิญญาณนกไพรนวลใจในยามนี้...ภาคภูมิในเนื้อใจหากแม้นต้องลมอย่างเดียวดาว ก็อย่าหมายว่าจะเพรี้ยงพร่ำหมดแรง..ด้วยปีกแห่งฝันอันท้ายท้ากับดวงวิญญาดิบเดิม เงียบงามในดวงใจ เวหานี้กว้างไกลนัก วันเวลาเพิ่งจะเริ่มต้น..นกไพรจักเฉิดฉายเริงลมในป่าพฤกษ์ ในสักวัน http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2529 นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง หลงไหลหมายปองคนปรานี ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน ขาดญาติบิดรและน้องพี่ บาปกรรมคงมี จำทนระทม ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม ชีวิตระทมเพราะรอมา จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา สักวันบุญมา ชะตาคงดี นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง หลงไหลหมายปองคนปรานี ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน ขาดญาติบิดรและน้องพี่ บาปกรรมคงมี จำทนระทม ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม ชีวิตระทมเพราะรอมา จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา สักวันบุญมา ชะตาคงดี... บทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ผมฟังทุกครั้ง ราวกับมีปาฎิหาริย์ อย่างประหลาด ก่อเกิดกำลังใจในทุกๆ ครั้งไป คงเข้ากันได้ดีกับบทกวีที่เพียรสร้าง ด้วยรักและเข้าใจในงามงามยิ่งนักแล้ว
12 พฤศจิกายน 2546 14:49 น. - comment id 180757
อ่านแล้วค่ะ งามในใจเช่นเดิม
12 พฤศจิกายน 2546 17:28 น. - comment id 180835
^_^ งดงามค่ะ
13 พฤศจิกายน 2546 00:02 น. - comment id 180963
ฝีมือสุดยอดเลยค่ะ
27 มกราคม 2547 22:41 น. - comment id 208459
จดหมายรักจากนวล เขียนจดหมายสักใบใส่ดาษขาว เขียนเองอ่านเองเป็นเพลงยาว เขียนถึงบ่าวผมสร้านอยู่บ้านไกล ว่านกเขาขันคูอยู่ข้างทาง ไปขันกู่คูครางอยู่ข้างไหน มาเงียบงำคำยินเหมือนสิ้นใจ มาเงียบในเสียงบินเหมือนสิ้นลม ว่าเจ้าบ่าวผมซื่อมือนวล มาเรรวนคำหวานให้พานขม จูบนั้นจีบปากจูบหรือลูบคม ที่บ่าวข่มปากจีบจูบกลีบใจ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมบังล้าหลังสมัย เพียงแรกจูบลูบแรกก็แปลกไป หวาดไหวคำกระทบกระเทียบเกินเปรียบปาน ดั่งวัวสันหลังหวะอยู่กลางทุ่ง หวาดสะดุ้งตื่นกาบินมาผ่าน นวลห่มไห้ไข้เข็ญอยู่เป็นนาน รอยแปลกนั้นประจานอยู่ลานใจ ชั่วเพราะพลีเพื่อรักลืมหลักคอก ดั่งวัวเขาสวยหนอกงามตาใส โลดแล่นลั่นกระดึงตะบึงไป ค้อมคอให้บ่าวเทียมเข้าเกวียนรัก เปลื้องจารีตธรรมเนียมที่เจียมตน รักล้นจึงทอดหยิ่งและทิ้งศักดิ์ แต่ดื่มรักก็ยิ่งด่ำยิ่งสำลัก ดื่มน้ำวักใสสะอาดกลับฝาดคอ บ่าวมาหวะแผลเหวอะเลือดเกรอเนื้อ ใจซื่อบ่าวก็เถือมิเหลือหลอ คำรวนเรเห่ร่ำที่พร่ำคลอ ก็ลืมคำที่พร่ำพ้อทุกข้อความ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมแบกดังแอกหาม แต่รักแล้วปานแก้ววะแวววาม จะชั่วทรามปานใดก็ให้เป็น โนราห์หลงสรงสระอโนดาด แล้วบ่วงบาศก์คล้องตนเกินโผนเผ่น อันปีกหางงามงอนซึ่งซ่อนเร้น ดั่งตั้งวางห่างเว้นเห็นลิบลิบ เกินเอื้อมมือหยิบคว้าถลาฉวย ระรวยรวยขวยเขินเกินเอื้อมหยิบ หากรักแล้วร้าวรานวิญญาณทิพย์ จะมิรักแม้สิบพระสุธน อานวลเพียงวัวนากินหญ้าเขียว จะท่องเที่ยวเทียวหาสุดหล้าหน ควรหรือแม้นวลจะจวนตน ควรแล้วแม้ทนทุกข์จนตาย ต่อวันนวลฟุบซบเป็นศพซาก จะออกปากฝากเผาก็เปล่าหมาย เกรงขี้เถ้าผงคลีธุลีคาย จะเปื้อนกายป้ายกลิ่นให้หมินคาว นวลม้วนผมมวยเกล้าดำข้าวเขียว นวลฟ้อนแกะเก็บเรียวเกี่ยวรวงข้าว บ่าหยาบนี้หาบคานมานานยาว แดดกริ้วแผดผิวสาวผู้กร้าวงาน มินิ่มนวลชวนต้องแม้ย่องแตะ ก็อย่าแขวะคำถากจากปากหวาน นี่กระไรตะละคำช่างชำนาญ ตะละลิ้นช่างลึกคว้านจนสุดลึก เพียงชมเชยเกยกอดตลอดกาย ดินกระด้างฟางคายใช่รู้สึก ทุกคำหวานสรรพิษมาคิดนึก กล่อมนวลจนนวลสึกผลึกนวล ขนำน้อยก็แอบอิงพิงผนัง แม้ขนำก็เวียงวังยังไห้หวล บ่าวเป็นเทพลงดินมากินง้วน พอดินร่วนซ่วนซุยก็ถุยคาย ถุยขมถ่มขื่นมาคืนนวล ถุยทวนคำหวานซึ่งซ่านสาย ตะละคำตะละลิ้นรินระบาย ล้วนคำชายหมายหยามประณามนวล นวลเป็นสาวมีศักดิ์แหละรักศรี เกียรติที่มีแม้น้อยยังคอยสงวน หากต่ำต้อยถ้อยคำที่คร่ำครวญ ก็มิควรทวนถ้อยเพื่อคล้อยตาม ลงท้ายว่ายังรักยังคิดถึง แต่โศกซึ้งเพียงใดอย่าได้ถาม ทุกคำนวลล้วนชีวิตประดิษฐ์ความ จากเศษสากซากทรามนามว่านวล ปล.เจ้านกเขาชีกอสร้อยคอสวย อยู่ไหนให้ข่าวด้วยแหละช่วยด่วน ทุกถ้อยความหยามหยาบดังดาบทวน และทุกถ้วนคำประณามความไม่เอา! ในวงเล็บ เป็นพื้นถิ่นภาคใต้ที่ได้ยินมา //จบต่างกับงานชิ้นต้น แหะๆ ภาษาสวยดีครับ ปล. ผมชอบ ทูน ทองใจ
6 พฤษภาคม 2552 21:17 น. - comment id 304735
เจ้านกไพรในใจนวลหวนถวิล ก่อนร้างสิ้นด้วยรักจักถามหา จำจากหนองนาบางจากห้างนา เพียงเพื่อว่าเข้าหากินในถิ่นกรุง เพื่อหาเงินมาสานต่อก่อรังรัก เพื่อหาหลักมาพยุงเรื่องยังยุ่ง หวังสร้างหลักปักฐานงานผดุง ก็ในกรุงมีช่องทางสร้างตัวตน เจ้านกไพรใจกล้าบากหน้าบ่าย ร่อนร่ายเร่ไปในทุกหน สร้างสรรค์ขายแรงแข่งผู้คน สับสนเดียวดายไร้คนเกย ปล่อยให้นวลเดียวดายอยู่ปลายขวาน อยู่เฝ้าบ้านเรือนรอดกอดเขนย และรอวันขวัญนกไพรได้มาเชย ลมรำเพยร่ำรอมาคลอเคียง สายัณย์เย็นย่ำค่ำนี้หนอ นวลจะรอนกไพรขันใสเสียง นวลปัดกวาดรวงรังฟูกตั่งเตียง และรอเพียง พ่อนกไพร.. คืนใจนวล . ขอบคุณ นะครับคุณ พุด ไพร ที่ชวนให้มา