http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973 (ดวงใจในฝัน) ********************** ราตรีนี้... พระจันทร์ดวงหวานสีส้มสุก กำลังค่อยๆโผล่พ้นออกมาจากเรียวเมฆหม่นเทาทึม.. ขับความมืด ด้วยรัศมีจันทร์..กระจ่างฟ้า..ลอยทายท้าเด่นดวงละออ ณ..ลานกว้าง รายรอบด้วย ไม้ไพรโมกไพรเป็นฉากชั้น.. หลังเสียงดนตรีกระหึ่ม ที่ค่อยๆจางหายไปกับสายลมละมุนในยามค่ำ ผู้คนหญิงชาย ก็พลันกระจายราวฝูงผึ้งแตกรัง ราวกับนกคืนรัง ราวกับฉากในหนังหลังงานเลี้ยงเลิกรา.. ไม่มีผู้ใดเสียเวลา ให้กับฟ้ากว้าง ให้กับพระจันทร์ดวงหวาน ดายเดียว ดวงเดียวที่กำลังแย้มยิ้มพริ้มเพราบานแฉ่ง รอทายทักให้พักใจ..ให้สวยใสฉ่ำเย็น..ให้เห็นงาม.. ทุกคนคงคิดไปฝากท้องในห้างสรรพสินค้า หรือไม่ก็ก้มลงมองหาวัตถุมากมีมากมายไว้บำรุงบำเรอชีวิต.. จะมีสักกี่ชีวิต ..ที่รอเติมเต็มจิตวิญญาณ กับฟากฟ้ากว้างกับมวลดารา พราวพรายแสง.. และ.... ลำพัง..คราครั้งนี้มิใช่กับจันทร์เสี้ยว ดวงเศร้า หรือกับจันทร์รานร้าว จันทร์ครึ่งดวง หรือดวงจันทร์ในทะเล ในไพรพฤกษ์ที่ไหน แต่..ไพลกลับนั่ง..กลางเมืองกรง กลางลานกว้าง กับใจเคว้งคว้างร้างไร้ ทั้งที่มีมนุษย์มากมีมากมาย... หากแต่ใจหาย! เสียยิ่งกว่า กับโลก..กับชีวิต.. ฟ้าสีน้ำเงิน..กระจ่างสว่างขึ้น.. ด้วยแสงแห่งแรงใจ .. แห่งพลังจันทร์.....พลังฝัน..แม้นจันทร์ยัง เป็นจันทร์ดวงเดิม จันทร์ใจดี จันทร์ดายเดียว ยามเหลียวมองลำพัง และลำพัง นะคืนค่ำนี้ นะราตรีนี้ จันทร์ยังคงหมุนวน..มาทำหน้าที่ส่องสว่างนำทางใจ ให้สวยใสงาม ในทุกยาม ที่ได้ฝากฝัน ฝากใจ..ไปถึงกัน ไม่ว่าฉันและเธอ หากยังเพ้อครวญถึง และ.. ในคะนึง ยังมีใจดวงเดียวกันคอยเกี่ยวประหวัดรัดรึง..ซึ้ง..มิรู้สิ้น..รู้จบ หรือ... เพียงเพื่อรอวันได้พบ พราก จากลา..อันเป็นธรรมดาๆโลก.. ให้โศกสุขเวียนวนเฉกเช่นจันทร์.. จันทร์เพื่อนใจ... ยิ้มประโลมให้หัวใจไพล .. ผู้นั่งแหงนเงย ให้เหงาคลาย ผู้รู้ใจดีว่า ไม่ว่ากี่ราตรี สักกี่ที่ สักกี่ปี สักกี่ภพกี่ชาติ เธอ..คงนั่งดูจันทร์ดวงงามตามลำพัง .. ไม่ว่าจะเป็นจันทร์ในทะเลบนเนินผาริมเกาะเต่า หรือ.. ในน้ำจรดฟ้า หรือว่า..ในไพรพง ..ในฝัน... คงเป็นลำพัง..ที่แสนสุข โศกซึ้งตรึงใจ.. ที่โลกใจดีหยิบยื่นให้ได้เพียงนี้ แค่นี้ เท่านี้ ที่น่าจะพอใจพอเพียงเพียงพอ..โอ้ละหนอใจ. แม้นมิมีผู้ใด ที่มีเนื้อใจละมุนพอกัน ให้ใช้ไหล่กว้าง ได้เอนอิงพิงพัก ฝากหัวใจรักหัวใจฝัน และฝากฝันนั้นฝากใจนี้ ไปกับจันทร์ดวงงาม ในยามค่ำที่แสนงามแสนดีไปพร้อมกัน.. คิดถึง..ใครคนหนึ่ง คนไกล ที่อยู่แสนไกลเกินครึ่งฟ้ากว่าซีกโลก กับจดหมาย เหว่ว้า ที่เราเคยได้รับ กับคำแสนหวาน.. let share The moon to night...ในทุกสุดท้ายทุกจดหมายรัก.. และนะราตรีนี้.. ไม่ว่าเธอ..คนดี จะอยู่นะ แห่งหนใดในโลกแสนกว้างทางไกลนี้ ไพลจะกระซิบคำนี้กลับไป ฝากไป กับขุนเขา มหาสมุทร ทะเลกว้าง ข้ามขอบฟ้าไกลถึงเธอนะคนดี ที่ยังอยู่ในเรียวระลึกในหอมงามแห่งความทรงจำ... ไพล..เดินเดียวดายมานั่งใต้ชายคากระท่อมไม้สน.. กล้วยไม้หลากสีที่คาคบ ใต้ต้นพญาสัตตบรรณ ช่อชั้นแค่ระดับสายตา พากันแย้มยิ้มต้อนรับ ดอกพุดพิชชา ดอกพราวขาวนวลน้อยน้อย คอยรอรับในกระถางที่วางไว้ริมชานเรือน นั่นโมกพราวสะพรั่ง ร่ำหอมไห้หัวใจอย่าโศกราน ดอกชบาและกุหลาบหวาน.. ค่อยค่อยคลี่กลีบบานชูช่อรอรับหยาดน้ำค้าง...น้ำผึ้งพระจันทร์ คิดถึงคู่ฮันนี่มูน ที่พากันขับรถมาลา พากันไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไกลถึงชายทะล แสนงาม...ที่ป่านนี้ คงอิ่มฝันอิ่มสุขกับ คืนฝันวันพระจันทร์หวานอย่างนี้ อย่างนี้ และบางทีคงมากพอที่จะทำให้น้ำทะเลลดเค็มขมไปได้สักครึ่งนึงกระมังนะ.. กลิ่นกาแฟ หอมหอม ลอยคละคลุ้งมาอวลตรงหน้า พาให้คะนึงถึงคืนฝนพรำ ที่คงหวานฉ่ำ บนภูไพรที่ไหนสักแห่ง กับฉากฝัน นอนดูพรายพระจันทร์ ผ่านหน้าต่างกระท่อมหลังคาจาก ชายคาจาก กับหยาดฝนพร่างสาย กับเรียวใบไม้ซัดส่ายเอนไหวไปตามลมแรงกระชั้น และคงมิหนาวใจ เพราะมีอ้อมอกอ้อมใจใครบางคนและไหล่กว้างให้ซุกซบ.. ในอ้อมอกอุ่น ..ออดอ้อนเอาใจ.. โอ้ละหนอ.. เมื่อ..ดึงหัวใจกลับมาเผชิญ ความจริงตรงหน้า.. กลับคิดถึง..กวีซีไรท์ คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนในดวงใจ ที่ชอบเรื่องหุบเขาฝนโปรยไพร และยามเช้าของชีวิต.. เขากล่าวถึง เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ในบทหนึ่งของยามเช้าแห่งชีวิตอย่างน่าฟังว่า.. ..ถูกระบบเมืองกลืนกินจิตวิญญาณ จนแห้งด้านตายซาก ไม่มีเวลาแม้กระทั่ง จะแหงนเงยดูฟากฟ้า พรายพระจันทร์หรือตามฝันตามตะวันไปกับแสงพระอาทิตย์ในยามเช้า... ยันดึกดื่นดายเดียว เพราะเที่ยวท่องสนองความอยากมากมีตามวัตถุตามค่านิยมคนเมือง เพื่อประเทืองใจไปตามสังคมระบบผ่อนส่งตรงไปหาโลกเทคโนโลยี่ ที่ช่างมากมีมากมายให้อยากได้อยากเป็นมิมีวันสิ้นสุด... จนดวงใจ อ่อนล้า หากไม่รู้จักคำว่าหยุดคำว่าพอ..โอ้ว่าละหนอเนื้อใจมนุษย์.. จนกระทั่ง..วันนึง .. เขาตกใจ เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า นานเท่าใดแล้ว ที่มิได้แหงนเงยหน้าจากตรากตรำ เฝ้าฝันเฝ้ามองขึ้นไปยังฟากฟ้ากว้าง ยังฟากฟ้างาม ยังเทือกเขาลำเนาไพร ยังดอกไม้ไพรที่ยังบานรอหัวใจดวงละมุน ให้เกี่ยวเก็บมาดอมดมบริสุทธ์ผุดผ่องให้งามพร่างสว่างกลางใจ.. ที่หากคิดคิดไปก็แสนสั้นเป็นยิ่งนัก กับชีวีนี้ที่ได้เกิดมาชิดเคียงใกล้ธรรมชาติได้ทำตามใจชอบใจฝัน ในโลกแห่งความจริง ที่สุดแต่ใจใครจะไขว่คว้าหางามจากมุมมองด้านใดของชีวิต.. เขา..คนนั้นพลันตระหนัก..เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า.. ก้าวหันหลังคืนรังคืนถิ่นถวิลไพรไปปลุกชีวิตไพร... สร้างสวนป่าผสานผสมแบบพอเพียงตามกระแสพระราชดำรัส.. ที่ทรงตรัสไว้ให้พสกนิกรไทยได้ไหวตามทันกระแสโลก ที่ดั่งน้ำเชี่ยวกรากมากมีความอยาก จนเกินความพอดี พอเพียง มีแต่เอียงเทใจไปให้รับทุกข์ทนยาก..แบบไม่มีวันสิ้นสุดหยุดลงได้เลย... และ..นับวันนี้ไป...ท่ามกลางเทือกเขาหลวง..แสนงามนั้น ไพล.. ขอเอาใจช่วยใจหวังเป็นพลังให้หนุ่มน้อยคนนั้น ได้สานฝันทำฝันให้เป็นจริง.. ได้อิงชีวิตกับแนวไพรพะเนิน.. ให้พบชีวี สมถะ งามเรียบง่ายสงบงัน... ในท่ามกลางพงไพร ในท่ามกลางความเป็นธรรมดาๆธรรมมะ ธรรมชาติ ที่ผู้มีดวงตาที่สาม..เพียงนั้นถึงจะพาฝันไกลตามไปได้ถึง... มิโศกซึ้งเหนื่อยยากมากเรื่องรกรุงรังดั่งขยะชีวีอีกต่อไป..ในสังคมหน้ากาก..เมืองหลวง..ลวง! ที่มากมีทั้งคนดี คนชั่ว..มามากมั่วมากความ ตามๆกันไป ตามกระแสโลก...กระแสใจที่หมุนเร็วรี่..นะคนดีที่เรานี้พาชีวีตาม.แทบไม่ทัน...เอาเสียเลย.. และ....... ชีวิต..คืออะไร ไยสั้นนัก นกปีกหัก รักโผผิน อยากบินหนี เจ้านกหนาว เจ้านกน้อย คอยอะไรกันเล่า..ยอดชีวี จึงขังฤดี ขังจิตวิญญาณ ในม่านกรรม!.... .............. และหันหลังกลับมาอีกครานะโลกจริง ไพล...เดินกลับบ้าน..เฉกเช่นทุกคืนค่ำ กับจันทร์ทุกฉาก เป็นเพื่อนเคียงใจ ไม่ว่าจันทร์เสี้ยว จันทร์เศร้า จันทร์ดายเดียว หรือ.. กับจันทร์ใจดีกับจันทร์ดวงนี้ในคืนค่ำ.. ที่เคยมีเธอ..คอยออดอ้อนพะเน้าพะนอคลอใจให้ไหวหวาม ไปตามเส้นทางสายโศก สายฝัน ที่ยากนักที่ใครจะจินตนาการเห็นงาม..หากมิตามมาดูมาเดิน.. ไพล ...หยุดกลางสะพานข้ามลำประโดง... และมีดงดอกโสน เป็นกอล้อลมเหลืองพราวพร่างกระจ่างรับกับเงาจันทร์ เงาใจ ไพล..หยุดหัวใจ และฝากคำอ้อนใจถึงใครบางคน ให้ชื่นชมแบ่งปันคืนฝัน คืนพระจันทร์เต็มดวงงามแอร่ม แต่..ฝันคว้าง คว้างขวัญ.. ฝันพลัด ฝันกระจัดกระจายร่วงหล่นหายมลาย ไปกับสายน้ำ ที่มิได้มีสายไย สายใจพอกัน ที่จะรับฟังรัดร้อยพันผูกอีกต่อไป.. ช่างเถอะนะ! หัวใจ.. ช่างเถอะนะ! คนดี.. คนเราย่อมมีเหตุผล กับทุกการกระทำ.. หากมิได้หยั่งใจ หรือใช้ใจคิดถึงใจเขาใจใคร ให้หมุนละไมละมุนหมุนหัวใจมาตรงช่องกัน .. เหลือเพียงก็แต่จะหันหลังพรากลา ชั่วกาล.. ขอให้พรายพระจันทร์พาใจดวงฝันให้ดับดวงเร็ววัน อย่าให้พ่ายใจพ่ายจันทร์ต่อไปอีกเลย..แล้ว! และ.. ยังมีเรือนจำปี..รอรับร่างใจที่สวยใสงาม ในทุกโมงยามแห่งชีวี มิใช่ละหรือ! นะค่ำคืนนี้.. ที่ผู้คนพากันหลับไหล ..จะเป็นไรไป.. หากใจยังมีไฟมีฝันมีจันทร์ให้ฝันค้าง.. ไพล..จึงจุดตะเกียง เขียนเรื่องนี้ ในท่ามกลางราตรี ระดะดาว พราวแสงจันทร์งามลอยเด่นดวง ที่ที่มีมากแมกไม้ไทย หอมไกล หอมพร่าง กับดวงดอกจำปีที่ดกพราว กับลมหนาวแผ่วแผ่วพรม กับกอแก้วระทมกลางใจ กับนวลพราวของโมกดอกนิดนิดน้อยน้อย.. กับทุกสิ่งที่มิไหวติง นิ่งเงียบสงบงาม กับจันทร์ดวงหวานหยาดฟ้า กับชายคาให้ร่มรักได้พักพิงใจ กับก้านกิ่งเขียวใบ เขียวไพรของริ้วเรียวใบจำปี ที่พาพรายจันทร์ทอทอดลอดส่ง..สายน้ำผึ้งหวานหยาดมาพร่างพรม มาห่มใจ มากระจ่างใจ..ให้สว่างไสว.. มิให้ใจพ่ายจันทร์ หากให้มี แต่ฝันดี ฝันงาม .... ยามระลึกนึกถึง ความทรงจำ.. ที่แสนหวานที่แสนงาม..ที่ผ่านเลย...มานะดวงใจ นะยอดดวงใจ!
10 กันยายน 2546 10:53 น. - comment id 166668
:)
10 กันยายน 2546 11:50 น. - comment id 166675
:)
10 กันยายน 2546 13:10 น. - comment id 166696
แวะมาอ่านแล้วครับ ด้วยมีเวลาไม่มากรอบดึกจะมาดูอีกครั้ง (หนังดีต้องฉายสองรอบ) สำหรับความรู้สึกของผม ไปหาผมที่ ตายกี่ชาติ.... ผมจะไปตอบให้ที่นั่นครับ
10 กันยายน 2546 15:14 น. - comment id 166724
ลงทะเบียนแล้วครับ
10 กันยายน 2546 23:40 น. - comment id 166818
แวะมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อมองจันทร์นะค่ะ
11 กันยายน 2546 00:03 น. - comment id 166828
.มาลงอ่านยังไม่ลงทะเบียนกลัวหลุดหายไปค่ะพุด