แว่วเสียงลมพรมใบไม้ในราวป่า เสียงพร่างพร่าคราใบไหวสะท้าน แว่วเสียงหริ่งเรไรในพงพาน เสียงระงมขับขานทำนองไพร พริ้มตาลงตรงหมู่ดาวที่พราวฟ้า สดับเสียงพนาที่สดใส ขับบรรเลงเพลงกล่อมย้อมหัวใจ ที่ทุกข์ทนหม่นไหม้เพราะเมืองกรุง คนมากมายหญิงชายร่วมชาติเชื้อ ไร้น้ำใจเอื้อเฟื้ออย่างเมืองทุ่ง มีเพียงตนเป็นใหญ่ใฝ่บำรุง ทุกชีวิตต่างหมายมุ่งเป็นหนึ่งกัน เสียสละ....ทิ้งขยะไปหมดแล้ว น้ำใจหรือ....หมดแก้วเทคว่ำขัน รับผิดชอบ...กอบฝังโลกโบกปูนพลัน สุจริต.....คือฝันไม่เป็นจริง ระทดท้อรอบุรุษขี่ม้าขาว มาสะสางเรื่องราวให้ดียิ่ง รอมานานหลายปีไม่ดีจริง จึงต้องนิ่งที่ตนค้นหาทาง
1 กันยายน 2546 20:51 น. - comment id 164668
เสียสละทิ้งขยะไปหมดสิ้น ความดีที่ยลยินไม่มีเหลือ เหลือเพียงความใจร้ายหมายจุนเจือ นอกนั้นไม่มีเหลือให้เจอะเจอ ***ชอบบทนี้มากเลยค่ะ มีความหมายกินใจจังเลยค่ะ***
1 กันยายน 2546 21:37 น. - comment id 164686
โลกน่ากลัว ชั่วดี มีหลายหลาก ด้วยทำยาก ในความดี เพลินมีชั่ว เห็นแก่ได้ ภัยพิบัติ ไม่หวาดกลัว จึงเมามัว ไม่ขยาด เกลื่อนกลาดเมือง
2 กันยายน 2546 21:36 น. - comment id 164903
@...น้องผู้หญิงไร้เงา... เหลือเพียงความฉกฉวยด้วยโอกาส ชนในชาติมิใคร่เห็นเป็นพี่น้อง ก่ออาญามากมายจนก่ายกอง จะหวังปองน้ำใจจากใครดี ...สมัยนี้น้ำใจเริ่มแห้งขอดเข้าไปทุกทีแล้วนะคะ..น้องตูน
2 กันยายน 2546 21:38 น. - comment id 164906
@...ชัยชนะ.. อันที่จริงความดีนั้นทำง่าย คือรักษากาย วาจา อยู่นิ่งๆ ไม่เกเรเกะกะปะท้วงติง นี่คือสิ่งหนึ่งที่ดี..แต่ไม่มีใครทำ ..ความดีคือความสงบนั้นทำง่ายค่ะ แต่คนเราชอบความยากคือความไม่สงบ ก็เลยพากันบอกว่าความดีทำยาก เพราะเห้นผิดกันนั่นเอง