Prepare for Ditching!!!!!!!!!!!!! ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนักบินบอกให้เตรียมพร้อมรับการลงฉุกเฉินบนพื้นน้ำ ให้ตายเถอะเมื่อยังหลับสบาย ๆ อยู่เลย ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์กำลังจะตก ซวยแล้ว!!!! แงเอ้ย ตาผมมองเพื่อนที่ขึ้น ฮ. มาด้วยกัน พริบตานั้นไม่ทันแม้จะเอาของมีคมออกจากตัว ผมมองพวกดินสอปากกาที่พกไว้เต็มประเป๋าเสื้อ ซวย!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ผมรีบเก็บคอ-งอเข่า รอฟังคำสั่งของนักบินต่อไป โครม!!!!!!!!! เสียงเครื่องกระแทกน้ำทะเลอย่างรุนแรง ผมยังมีสติจนสุดแรงเหวี่ยงของเครื่อง ผมยังรอคำสั่งของนักบินให้สละเครื่องอยู่ ทำไมท้องฟ้ามันครื้มนักวะ ผมหันมองออกไปนอกหน้าต่าง บ้าชิบ!!!! เครื่องจมนี่หว่า ผมหันไปมองเพื่อน ๆ ที่นั่งเครื่องมาด้วยกัน สายตาผมรีบหันไปทางนักบินเพื่อจะถามคำสั่งต่อไป เฮ้ย!!!! ทำไมมันสลบกันหมดเลยวะ น้ำทะเลค่อย ๆ เข้ามาใน ฮ. ผมจำได้ไม่ลืม พอน้ำเริ่มท่วมหัวต้องกลั้นหายใจ ให้นับ 1 ถึง 7 หนึ่งพันหนึ่ง หนึ่งพันสองไม่นับแล้วเว้ย เพื่อนยังสลบอยู่เลยผมรอจนเครื่องจมมิดลำและรอให้น้ำท่วมทั้งลำ เพราะถ้ารีบปลดเข็มขัด ร่างกายที่มีอ๊อกซิเจนในตัวจะพาลทำให้ตัวลอยไม่ได้ออกไปไหน ผมรีบไปปลดเข็มขัดเพื่อนทันที เปิดประตูแล้วผลักร่างที่ไร้สติของ เปา เพื่อนผมออกไปนอกเครื่องแล้วดึงชูชีพให้มันลอยขึ้นไป มนุษย์ปกติกลั้นหายใจได้นาน 49 วินาทีหรือมากกว่านั้น แต่อารามตกใจ ที่หัวใจผมมันเต้นไหวอย่างดังก้องในอก ใจนึงโลเลที่จะช่วยนักบิน อีกใจจึงกลัวเอาตัวไม่รอด แต่จนแล้วจนรอดมนุษยธรรมในหัวใจที่พอมีน้อยนิดก้อไปลากมันออกมา นักบินไม่ได้ใส่ชูชีพไว้ ผมต้องปลดชูชีพผมแล้วผูกกับข้อมือนักบินไว้ แล้วกระตุกชูชีพให้ ผมกลั้นหายใจแทบไม่ไหว แล้วยังหลงน้ำอีกต่างหาก ผมเริ่มหมดสติแล้วให้ตายเถอะ ว่ากันว่าคนที่เป็นลูกทะเลคือคนที่ได้ใช้ชีวิตในทะเลมาแทบทั้งชีวิต ผมเองก้อเป็นลูกทะเล ตั้งแต่เกิดมาก้อเห็นทะเล เรียนก้อติดทะเล บ้านก้อติดทะเล ทำงานยังกลางทะเล นี่จะตายในทะเลด้วยรึนี่ ผมรู้สึกได้ถึงสายป่านของชีวิต ในใจพร่ำถาม แฟนเราจะเป็นยังงัยน้า เพื่อน ๆ เราล่ะงานล่ะสารพัดสารเพ สายป่านนั้นก้อยังยืดออกไปเรื่อย ๆ แต่ก่อนที่จะขาดห้วงนั้น พลันผมเห็นหน้าพ่อกับแม่ขึ้นมาทันใด ใครจะดูแลพ่อแลผมกันเล่า พระพุทธเจ้าที่ทรงเมตตาให้สายป่านนั้นค่อย ๆ กลับมา ไอ้การที่จะเป็นลูกทะเลมันง่ายนิดเดียว แต่ไอ้การจะเป็นเฒ่าทะเลในวัยแค่นี้สิมันยากนักต้องรอดให้ได้ ไม่ขอตายภายใต้อ้อมกอดทะเลวันนี้แน่ ๆ ข้าจะเอาชนะทะเลให้ได้ พ่อแม่เป็นพรหมของลูกจริง ๆ ได้โปรดให้ชีวิตลูกอีกครั้งเถอะ ผมเริ่มมีสติภายใต้ความเย็นของน้ำทะเลระคนไปด้วยคลื่นที่กระหน่ำซัด พระเจ้า!!! กูต้องรอด ผมเผลอพูดออกมาจากปาก อากาศที่ออกมานั้นทำให้ผมรู้ทิศทาง ผมว่ายตามอากาศนั้นขึ้นมา เพราะถ้าว่ายเร็วกว่าอากาศ จะทำให้ปอดฉีกขาดได้ เหนือน้ำท่ามกลางความมืดมิด ผมไม่มีชูชีพด้วย ผมถอดกางเกงออกมา มัดขากางเกงทั้งสองข้าง ตีอากาศเข้าไปเพื่อทำชูชีพฉุกเฉิน ผมมองหาเพื่อนที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ สายตาผมเหลือบไปเห็นแพยางที่ลอยขึ้นจึงรีบเข้าไปกระตุกเชือกให้มันกางเอง บ้าชิบ!! ดันคว่ำอีก ผมต้องออกแรงพลิกแพยางนั้นให้หงายขึ้นมา เครื่องช่วยชีวิต เครื่องส่งสัญญาณ น้ำ ยาแก้เมาเรือ ทุกอย่างจมไปพร้อมกับการคว่ำเมื่อกี้ ซวยชิบ! ผมปีนขึ้นแพยางมองหาเพื่อนอีกครั้งเห็นชูชีพอันนึงใกล้ ๆ แต่ไม่มีคน เฮ้ย เมื่อกี้ผูกข้อมือนักบินมานี่หว่า ผมรีบกระโดดลงน้ำไปดึงนักบินขึ้นมา มันจมไปกี่นาทีแล้ววะ ปกติขาดอากาศได้แค่ 3-5 นาทีนี่หว่า ผมรีบผายปอดโดยเร็ว ผายปอด 2 ครั้ง ปั้มหัวใจ 15 ครั้ง ทำนานมาก นานจนที่อยากจะปล่อยให้คนคนนึงตายตรงหน้า กว่าที่นักบินจะมีชีพจรขึ้นมาผมจะตายแทนให้ได้ เพื่อนผมล่ะ? เพื่อนผมอีกคนอยู่ที่ไหน ท่ามกลางความมืดได้ยินเพียงเสียงคลื่น ผมจะไปมองเห็นใคร น้ำตาผมแทบไหลออกมา คนเราขาดอาหารได้ 40 วันแต่ขาดน้ำได้แค่ 2-3 วันเท่านั้น น้ำทะเลที่ยังคงรสเค็มในปากทำให้ผมไม่กล้าแม้คิดจะกินมัน ผมหิวน้ำ หิวมากจนต้องเด็ดกระดุมเสื้อมาอมเล่นให้น้ำลายไหลพอให้กลืนได้ชุ่มคอ จำได้ว่าความหิวนั้นหากจับปลาได้ก้อห้ามกิน ให้กินน้ำจากปลาเท่านั้นเพราะปลามีโปรตีนเยอะ โปรตีนใช้น้ำช่วยย่อยเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งกินปลายิ่งหิวน้ำ แล้วผมจะจับปลาได้ที่ไหนจะคิดทำไมกัน!! ฝนตก!!! โชคดีจริง ๆ น้ำฝนที่ตกลงมาในแพยางผมเอามือกดแพให้น้ำไหลมารวมกันแล้วดื่มแก้กระหาย พอความกระหายน้ำหายไป คราวเคราะห์ร้ายก้อมาเยือน ผมต้องวิดน้ำออกจากแพยางเพื่อไม่ให้เราหนาวเพราะน้ำท่วมแพยาง คลื่นจากลมฝนเริ่มทำให้ผมออกอาการ ขู่ฉลาม คือผมให้อาหารปลาฉลามอย่างไม่เกรงกลัวสัตว์ร้ายจากอ้วกของผม น้ำตาผมไหลเพราะร่างกายพยายามขับอะไรก้อได้ให้ออกมา ผมอ้วกจนแสบท้องปวดตาไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นอนรอการช่วยเหลือเท่านั้น แพยางไม่มีสมอทะเล ไม่มีสักอย่าง ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ผมกับคนเจ็บ วันที่ 4 ที่ผมลอยอยู่กลางทะเลนั้น ผมมีความคิดที่อยากฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นความทรมานจากแดดที่หนาวเหน็บ ผมพยายามพูดเพื่อไม่ให้หลับ แต่คนที่ผมพูดด้วยกลับเป็นร่างที่เคยเป็นคนเจ็บเท่านั้น บัดนี้เพื่อนผมคนเดียวกลางเวิ้งน้ำกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณซะแล้ว ความหิวกระหาย ความท้อแท้สิ้นหวัง หรือว่าสวรรค์ชัง นรกเมิน ผมจึงไม่ตายสักที ผมอยากปลดปล่อยความทุกข์นั้นจึงหยิบปากกาที่หน้าอกขึ้นมาหรี่ตามองใต้ดวงอาทิตย์ ครุ่นคิดถึงความตาย ผมร้องไห้พร้อมแหกปากตะโกนลั่นอย่างไม่เป็นภาษามนุษย์ มือขว้างปากกานั้น เพื่อหมายมอบให้ทะเลแทนชีวิตของผม ไกลสุดสายตาเสียงแว่วของระฆัง ผมเห็นเสาเรือ ผมยิ้มแล้วหลับตาลงอย่างเปี่ยมสุข -------------------------------------------------------------------- ตื่น ตื่น ตื่น!!! นี่นาย!!! ตื่นได้แล้ว ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาตามเสียงนั้น เปิดเทอม ม.ต้น วันแรกก้อนอนหลับเลยนะ ไม่อายวิทยากรรับเชิญบ้างรึงัย เรื่องที่เค้าเล่าสนุกแบบนี้นี้ยังจะหลับลงอีก เดี๋ยวตามมาที่ห้องพักครู สนุกสิ สนุกจนเอาไปฝันมันซะเลย ผมคิดอย่างนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ โตขึ้น เธออยากเป็นอะไร วิทยากรรับเชิญที่มาสอนเรื่องการดำรงชีพกลางทะเลเดินเข้ามาถามผม ผมตอบอย่างไม่คิดทันที ผมอยากเป็นนักบินอวกาศครับ วิทยากรพยักหน้าแล้วก้อเดินไปพูดต่อหน้าห้อง พอเลิกชั่วโมงผมก้อเดินออกจากห้องจะกลับบ้าน ก้อคาบนี้มันคาบเรียนสุดท้ายของวันนี้แล้วนี่นา ผมได้ยินเสียงเดิมนั้นแว่วมา แล้วเธอไปทำอะไรที่กลางทะเลล่ะ เฮ้ย!!!!!! ผมสะดุ้งตื่นจากความหนาวเหน็บนั้นขึ้นทันที..... + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
22 สิงหาคม 2546 23:02 น. - comment id 162085
สรุปแล้วเรื่องนี้คุณฝันไปหรือว่าคุณได้ไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นมาจริง ๆ ค่ะ สงสัยจัง เพราะอ่านมาจนก่อนถึงบรรทัดสุดท้าย คุณถูกปลุกแล้ว แต่ทำไมบรรทัดสุดท้ายคุณถึงหนาวเหน็บแหละค่ะ งงจัง
27 สิงหาคม 2546 19:03 น. - comment id 163427
อย่าว่าเขาเลย เขาไม่ได้ฝันหรอก แต่เขาเป็นบ้าเฉยๆ นะอย่าว่ากันเลย................