http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=317 วันนี้มีเวลาพลิกดูหนังสือ..บ้านและสวน..ที่ซื้อมาทิ้งไว้นานแล้ว มากองรวมๆกันไว้กับหนังสือที่ยังไม่ได้อ่าน.. เพราะระยะนี้มัวแต่เอาใจ ไปจดจ่อกับสิ่งมีชีวิต..ที่เรียกว่า..คน..ใครบางคน และเรื่องราวสวยงามมากมี ที่งดงาม..มากกว่า..ที่หัวใจให้ความสำคัญมากกว่า.. ดวง..จะมีความสุขมากกับการได้อ่านหนังสือ.. เกี่ยวกับการแต่งบ้าน จัดสวน แม้ว่าในชีวิตจริงไม่ชอบสวนที่ประดิษฐ์ประดอย.. ใจชอบสวนป่าที่ดูธรรมชาติธรรมดา และดูมีชีวิตมากกว่าเป็นไหนไหน.. อันนี้คงจะมาจากเป็นคนบ้านนอกนะชีวิตดิบเดิมติดดินไง.. ที่บอกใจและใครๆที่รักเสมอมาว่า คอยถวิลหาแต่ราวไพร.. และบางที..ยังได้ไอเดียมาเปลี่ยน.. วิมานดินของดวงนี้หนอ ให้แสนสุขล้ำให้สมกับคำว่าบ้านคือวิมานของคน...... เพราะชีวิตนี้เรามีสิทธิ์จะเลือกอยู่ เลือกเป็น เลือกเห็นงาม ตามดวงใจดวงตาของเราเอง ใช่ใคร! พบคำนี้..เลยอยากนำมาฝากฝัน ฝากคำสวยไว้ ให้ใจทุกดวงได้หวานไหว..ไปด้วยกันนะคะ.. อุโมงค์โมก คงพอคิดออกนะคะ ว่าจะสวยงามขนาดไหน.. เป็นภาพ..โมกสวยสานใบจนเป็นอุโมงค์ทอดยาว.. และราวฉากฝัน ที่น่าจะมีคู่บ่าวสาวจูงมือกันมา พร้อมเสียงเพลงรักหวานแว่ว ในพิธีมงคลศักดิ์สิทธิ์ ที่มีดอกโมกร่วงพราวขาวพรมพร่าง...ร่วมอวยพร.. และน่าเสียดาย.. น่าจะเป็นฉากรักให้สาวพลอย. ในเรื่อง...พลอยเคียงเพชร.. ที่พุดพัดชาเคยรจนาไว้..และสักวันหนึ่ง อาจจะเป็นจริงดั่งฝัน.. ต้นไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ .. ชั่วชีวีตราบชีวาจะมิมีวันสิ้นสุข ตราบใดที่ใจดวงนี้ ยังมีเงาไม้..ให้ร่มเย็นกับใจงามง่าย... และดวง..คงตายแบบปลาผิดน้ำ กระเสือกกระสน เร็วกว่านี้ แบบไม่มีออกซิเจน.. หากให้อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่มีแต่ป่า คอนกรีต.. ตอนนี้จำปี ของดวงสูงเลยหลังคาบ้านแล้ว ให้กวาดใบงาม ที่ร่วงหล่น ฝึกสมาธิ มีปัญญา พาสอนใจทุกวันกับการกวาดใบ..สัจจธรรม... เตือนใจว่า.. ใบไม้ที่ปลิดปลิว...คว้างคว้าง..รวงสู่ธุลีดินนั้น..ก็ เปรียบเสมือนดั่งชีวิตคนเรา..ร่วงหล่นทุกวัน ไม่เลือกเวลา..ยามที่ถึงคราต้องราโรย... ใบอ่อน ผลิใหม่สวยสล้างแทงยอดออกมา ทายทักโลก พบโศกสุข ท้าแดดแรง ลมกล้า พายุฝน และลมแรง ที่พัดผ่านมากับกาลเวลา มาหมุนวน คลุกเคล้าให้ผ่านร้อนผ่านฝนผ่านหนาวจนชาชิน.. กับความไม่แน่ไม่นอนของฤดูกาล.. ที่นับวันรอคืนจะผ่านเลยลับ..มิยั่งมิยืน.. อุโมงค์โมก แสนงาม นามเพราะ ที่บันดาลใจให้ฝันหวาน หวาน ว่าคงมีสักวัน จะสานฝัน ให้แสนดี มีใครบางคนโอบเอว เคียงคู่กัน ไปตามเส้นทางสายฝัน พลันหันมายิ้มหวาน สบตากันนิ่งนาน..ก่อนที่จะตามมาด้วย.. จูบซาบซ่าน..นานเนิ่นตามมา เป็นนิรันดร์ ......... หากรู้สักนิด ....... หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย ว่าดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่ เลื่อนลอย เป็นของ ใคร เพียงแต่กระซิบ ว่าสุดที่รัก ฉันก็จะมิอาจจากไป ใจเราสอง ชอกช้ำระกำใน คงไม่สลาย มลาย ลงพลัน หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย ยอดดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่ เลื่อน ลอย เป็นของ ใคร เพียงแต่กระซิบ ว่าสุดที่รัก ฉันก็จะมิอาจจากไป ใจเราสอง ชอกช้ำระกำใน คงไม่สลาย มลาย ลงพลัน หากฉัน รู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นว่ารักสักหน่อย ยอดดวงใจ ที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่ เลื่อน ลอย จากสุดที่รักเอย...
13 สิงหาคม 2546 23:22 น. - comment id 159903
ทุกเย็น..พุดพัดชาจะมีลานโมกงามพราวสะพรั่งดอกดกขาวนวลกระจิ๊ดริดที่ยืนเรียงรายคล้ายกางกั้นให้หัวใจพุดพัดชา ได้หอมเย็นหอมหวาน...แม้มินานเนิ่นแต่กลายกลับเป็นนิรันดร์จำ! แต่มาวันนี้ พุดพัดชาดูโมกดายเดียวพอกันกับพุดพัดชาเลยค่ะคนดี..
13 สิงหาคม 2546 23:30 น. - comment id 159909
เป็นธรรมชาติที่น่าสัมผัสมาก ๆ เลยค่ะ กับต้นไม้และดอกไม้ที่อยู่รอบ ๆ บ้าน ยังไงว่าง ๆ จะไปช่วยจัดนะค่ะ (ถ้าต้องการ) เพราะผู้หญิงไร้เงาชอบการตกแต่งบ้านและนั่งมองธรรมชาติอยู่เหมือนกันค่ะ
14 สิงหาคม 2546 07:38 น. - comment id 159992
cอบแอบมาอ่าน จากบ้านหลังใหม่ Bangkokcity.com ลองไปหา บ้านtiki นะ
14 สิงหาคม 2546 20:12 น. - comment id 160090
ตอนนี้จำปี ของดวงสูงเลยหลังคาบ้านแล้ว ให้กวาดใบงาม ที่ร่วงหล่น ฝึกสมาธิ มีปัญญา พาสอนใจทุกวันกับการกวาดใบ..สัจจธรรม... เตือนใจว่า.. ใบไม้ที่ปลิดปลิว...คว้างคว้าง..รวงสู่ธุลีดินนั้น..ก็ เปรียบเสมือนดั่งชีวิตคนเรา..ร่วงหล่นทุกวัน ไม่เลือกเวลา..ยามที่ถึงคราต้องราโรย... ใบอ่อน ผลิใหม่สวยสล้างแทงยอดออกมา ทายทักโลก พบโศกสุข ท้าแดดแรง ลมกล้า พายุฝน และลมแรง ที่พัดผ่านมากับกาลเวลา มาหมุนวน คลุกเคล้าให้ผ่านร้อนผ่านฝนผ่านหนาวจนชาชิน.. กับความไม่แน่ไม่นอนของฤดูกาล.. ที่นับวันรอคืนจะผ่านเลยลับ..มิยั่งมิยืน.. บทร้อยแก้วข้างต้นกระชากหัวใจเป็นอย่างมาก นึกถึงหนังสือซีไรท์เล่มหนึ่งที่ ชื่อว่า ก่อกองทราย ของไพฑูรย์ ธันญา หนึ่งในเรื่องสั้นคือ เพื่อนบุณย์ ที่ลำน้ำน่าน รักมาก บทหนึ่งเขียนไว้แบบนี้ การได้พบสัจธรรมกับการกวาดลานวัดและใบไม้ ดังนี้ ลมฤดูแล้งพัดใบไม้เหลืองร่วงพรู ร่วงลงมาทับถมลานทรายเป็นชั้นหนา ใบไม้ร่วงนักด้วยเป็นคราวผลัดใบ ลานวัดที่เคยเตียนโล่ง กลับรกเรื้อด้วยใบไม้แห้ง ใบไม้ร่วงทุกวัน หลวงพ่อก็กวาดทุกวัน แต่ต้นไม้หลายต้นคนกวาดกลับมีคนเดียว จึงกวาดเท่าไรๆ ก็ไม่รู้หมด หากกระนั้นหลวงพ่อก็ไม่เคยละเว้นกิจวัตรประจำวันข้อนี้ไปได้สักวันเดียว ด้วยรักในร้อยแก้วที่มุ่งสอดแทรกคำสอนให้ได้มุมมองและปัญญา น่าชมเชยอย่างยิ่งครับ