เย็นย่ำพลบค่ำแล้ว สนธยา หมายแมกไม้พักพา ผ่อนไข้ เหิรลมฝ่าลมมา ลำบาก เหนื่อยยากทุกวันให้ ทุกข์ท้นหนทาง ค่ำคืนฝืนหลับค้าง แรมเคียง แผ่วแผ่วแว่วสำเนียง สะท้อน พฤกษ์ไพรสะพรึงเสียง นกป่า ดุดันหมายขู่ข้อน ยอกย้อนเหยื่อกาม พรั่นพรึงถึงพิษผู้ หมายปอง โดดเดี่ยวตามครรลอง ชีพสู้ หลายพวกหลายหมู่จอง จับโจทย์ ด้วยโกรธที่ล่วงรู้ ว่าร้ายหมายเลว พร่างแสงสูรย์ส่องไม้ เลือนลาง อรุณรุ่งพรายพราง เบิกฟ้า เตรียมผินสู่เส้นทาง กำหนด จรดจิตเจิดจ้า ดั่งท้าแสงทอง แม้นพบกับสิ่งร้าย ไล่ตาม แม้นจักหลบหลีกขาม ไม่พ้น แม้นติดบ่วงที่ลาม รุกไล่ แม้นจะพบทุกข์ล้น ไม่พ้อต่อเพรง ที่ได้รับเช่นนี้ เพราะใคร คือพิษที่ตนวางไว้ ก่อนหน้า ทำเหตุที่โยงใย ให้พบ จึงแพ้ภัยเองอ้า ไม่พ้นผลกรรม ได้รู้เหตุผลไซร้ ใจเบา บินสู่เป้าหมายเรา ไม่ช้า ทำสิ่งคลายโง่เขลา ให้สิ้น จึงผกผินทายท้า เลิกย้ำกรรมเวร กำหนดจิตล่วงรู้ อารมณ์ กระทบแล้วไม่ตรม เมื่อเคล้า ปัญญาตัดด้วยคม สมเหตุ แปรเปลี่ยนผลสิ่งเร้า กลับร้ายกลายดี รู้ร้อนหนาวทุกครั้ง ยั้งใจ ไม่เสพทุกข์ทางใจ สะท้อน เพียงรู้ว่ารูปใด กำหนด ตัดสิทธิ์ที่คิดย้อน ส่งผลกลกรรม บินไปสู่แหล่งหล้า เสรี ด้วยหมั่นรู้อย่างนี้ ที่ได้ จักพบกับสุขที่ ไร้โศก พ้นโลกพ้นทุกข์ไร้ ไม่ต้องเกิดกาล
13 สิงหาคม 2546 22:56 น. - comment id 159881
ไอ๊หยา มาเป็นโคลงยาวเหยียด ถอยดีกว่านะครับคุณพี่ แต่ว่าความหมายดีมากครับ มีไม่ดีอยู่หน่อยก็ตรงที่ผมแต่งสู้ไม่ได้
13 สิงหาคม 2546 23:06 น. - comment id 159889
บินไปสู่แหล่งหล้า เสรี ด้วยหมั่นรู้อย่างนี้ ที่ได้ จักพบกับสุขที่ ไร้โศก พ้นโลกพ้นทุกข์ไร้ ไม่ต้องเกิดกาล บทนี้ดีมากนะครับคุณพี่
13 สิงหาคม 2546 23:17 น. - comment id 159897
^O^ :D
13 สิงหาคม 2546 23:18 น. - comment id 159898
บินไปสู่แหล่งหล้าเสรี ด้วยหัวใจที่เปรมปรี่สุขสรรค์ เพื่อให้หลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยกัน และให้ถึงซึ่งจุดหมายที่ใฝ่ฝันนั้นสมปอง ***กลอนบทนี้ความหมายดีมาก ๆ เลยค่ะ***
13 สิงหาคม 2546 23:45 น. - comment id 159913
@ ..ทิว ... ขอบคุณมากค่ะที่แวะมา ไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ เพิ่งหัดแต่งน่ะค่ะ เลียนแบบจากคุณน้ำมาค่ะ
13 สิงหาคม 2546 23:47 น. - comment id 159915
@....ko... บทนี้คือเป้าหมายสูงสุดของทุกชีวิตที่ต้องการความสุข ภาษาพระท่านเรียกว่า นิพพาน คือสุขที่ไร้โศกค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะมา @...^O^.... ดีใจที่ได้พบค่ะ
13 สิงหาคม 2546 23:51 น. - comment id 159916
@..น้องตูนคะ.. บินไปด้วยรักล้น บนทาง หวังไม่เคยเจือจาง จากหล้า ค่ำนี้อาจเลือนลาง ไม่พบ วันพรุ่งอาจเจิดจ้า สุขล้นพ้นทวี ขอบคุณนะคะน้องตูนที่แวะมา กลับจากเที่ยวแล้วคงมีความสุขนะคะ
14 สิงหาคม 2546 04:21 น. - comment id 159965
มองกองกูณฑ์โปรยปรายสายน้ำไหล เถ้าถ่านมอดกระเซ็นไสวไปตามสาย ชลธารคือน้ำตาที่พร่าพราย กี่ล้านสาย ล้านชีวิต ที่ติดมา เพียงภพหนึ่งของชีวิตยังเท่านี้ ล้านชีวีที่ผ่านไปใยเห็นค่า เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ผายผ่านมา มืดและดำเกลื่อนธาราที่ผ่านไป ไม่รู้คิด ไม่รู้จิต เพราะติดข้อง จะแยกมอง สิ่งใดใด ไม่รู้ได้ ก็แค่นั่น แต่ละวัน ก็ผ่านไป ร้าวหัวเราะ หวั่นไหว ก็เท่ากัน จะปิดเกม ชีวิต ปิดเมื่อถึง จะติดข้อง เคืองขี้ง ถึงไหนเล่า สมาคม ทุกสังคม ก็บ่มเอา หนักหนา สาแก่เรา ไม่พอทน ก็แค่นั้น...ผ่านเวลา อีกคราครั้ง จะยึดติด อะไรกระทั่ง เรื่องคนบ่น กรรมของใคร ก็ของมัน นั้นต้องทน แยกรูปนาม ข้ามเขตคน ก็ตกคลอง(อวิชชา) ตอบพี่แก้ว
14 สิงหาคม 2546 20:49 น. - comment id 160096
@...tiki... เพียงเท่านี้ที่ชีวิตต่างบิดผัน ไขว่คว้ากันงมงายไม่คลายหลง ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ให้รู้ปลง เกิดแล้วดับไม่มั่นคงสักสิ่งเดียว ขอบคุณมากค่ะที่มาแจม กวีบทนี้คือ..ชีวิตแท้..และมีค่ามากเลยนะคะน้องtiki ..