โคลงดั้นบาทกุญชร กรูกล่าวกลอนกาพย์เกลี้ยง..........กานทกาฬ กรูหื่นราค รส งม........................โง่โก้ กรูกล่าวคล่าวคำขาน...................โข่งโพล่ง..พูดเอย กรู บ่ำรุง โส้ร้อย.......................ล่ามกาม สังวาสดาษโจ่งแจ้ง......................จักษุ สังเวชศัพทสยาม.........................หยาดเยิ้ม สังคมเภทภัยพุ..............................ผุดอาชญา นา สังโยคนรนั้นเคลิ้ม......................ขาดศิล กวินทร์หินชาติ...................อาจอุบาทว์บอกก้อง โอษฐ์อุโฆษขับร้อง............เล่ห์ลวง ตัณหาช่วงโชติจิตร............ยามลิขิตขีดอ้า อักขระบ่าบ้า.....................บัดสี เริงโลกีย์กิเลส.....................อันทุเรศเลิศล้น ดำดิ่งจมสู่ก้น...................นรกา ศักดินากวีชาติ.................วิปลาสธรรมแล้ว อสิรพจน์พิษแพร้ว............พากษ์ไกล
9 มีนาคม 2546 17:21 น. - comment id 113228
อึ้ง * .... *
10 มีนาคม 2546 00:13 น. - comment id 113363
น่าตื่นเต้นตรงไหนหรอ?
10 มีนาคม 2546 23:10 น. - comment id 113661
วรรณกรรมวรรณกามห่ามหื่นสุข หลงในทุกข์สุดโต่งไปข้างหนึ่ง วรรณเกียรติเหยียดคนหรือฦกซึ้ง แค่หางอึ่งก็โอ่โวว่ารุ้ง
11 มีนาคม 2546 17:35 น. - comment id 113851
ทั้ง สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ แล โคงดั้นบาทกุญชร เรื่อง สังเวชวรรณกรรม นี้ได้แนวความคิดมาจากนักวิจารณ์ฝ่ายมาร์กซิสต์ คุณอัศนี พลจันทร์ และจิตร ภูมิศักดิ์ ที่ว่า วรรณคดีมอมเมาประชาชนให้ลุ่มหลงในเรื่อง--รัก หลง กามรมณ์-- ยกตัวอย่าง เช่นกรณี ลิลิตพระลอ ที่อัศนี พลจันทร์เขียนวิจารณ์ไว้ว่า นางรื่นนางโรย พบกับนายแก้วนายขวัญ แล้วก็ชวนมีอะไรกัน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ถามชื่อ สองนางนำแขกขึ้น................เรือนสวน ปัดฟูกปูอาสน์ชวน...................ชื่นชู้ สองสมพาสสองสรวล..............สองเสพย์ สองฤดีรสรู้...........................เล่ห์พร้อมเพรียงกัน ๏ เสร็จสองสมพาสแล้ว............กลกาม สองอ่อนสองโอนถาม...............ชื่อชู้ สองมาแต่ใดนาม.....................ใดบอก ราพ่อ ให้แก่สองเผือรู้.......................ชื่อรู้เมืองสอง จะเห็นได้ว่ากวีเขียนด้วยภาษาสละสลวยมาก นักภาษาศษสตร์บางคนพยามที่จะบิดเบือนในเรื่องนี้ก็ว่ามันเป็นศิลปะ คิดว่าคุณอกนิษฐ์รู้ซึ้งถึงเรื่องพวกนี้ดี http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W1804691/W1804691.html ถ้าดูจากระทู้ข้างบนนี้