( กาพย์ฉบัง ๑๖ ).... .....จิตรการผ่านฟ้าสีคราม...............พร่างแพร้วแวววาม ข่มข้ามรัศมีสุริยา .....รุ้งเลิศเจิดจรัสทัศนา..................ชม้ายชายตา อุราพาชื่นรื่นรมย์ .....รังสรรค์งามครันวิกรม.................แจ่มจ้านภาพรหม สวยสมชื่นชมเมียงมอง .....ฤาเทพนิมิตรช่ำชอง..................บรรเจิดเพริศผอง สนองหฤทัยไว้เชย ฯ .....อวดอ้างช่างงามล้ำเปรย-.............เปรียบน้องทรามเชย *ไลเลยเผยพรรณสคราญงาม .....เรียงสีพรรณีพิราม.....................พุ่งผ่านกาลยาม ทาบทามรัศมิมานฉาย .....เรืองรองพ้องแสงพริ้งพราย...........รจนาสาธยาย มุ่งหมายให้เห็นเช่นกัน .....สดชื่นระรื่นโดยพลัน....................พรรณาหฤหรรษ์ ฉวีวรรณซาบซ่านจิตใจ ฯ ...ไลเลย......แปลว่า..คล้ายคลึงกัน...
2 มกราคม 2546 22:07 น. - comment id 103006
พอจะทราบเลาๆแล้วว่าผู้ใดเป็นครูของคุณอัลมิตรา เยี่ยมมากครับทั้งครูและลูกศิษย์ ผมชื่นชมการใช้ภาษาและการอนุรักษ์ครับ ผมเขียนร้อยกรองไม่ได้ความ แต่ชอบอ่านครับ
2 มกราคม 2546 22:45 น. - comment id 103009
ชอบจังงง เลยยยยยย เยี่ยม มากกกก น้องสาว
2 มกราคม 2546 22:46 น. - comment id 103010
ไม่สันทัด เรื่องกลอนกวีอ่ะ... แปลว่า คนเข้าใจอะไรยากๆ จะเชียร์ดีมั้ยเนี่ย อิอิอิ
2 มกราคม 2546 22:47 น. - comment id 103011
รุ้งสวยจัง แต่ก้อนหิน น่ากลัว อิอิ
2 มกราคม 2546 23:01 น. - comment id 103014
มาทักทาย ครับ อัปสรสวรรค์โปรยปราย .......... อินทร์พรมบรรยาย เป้นสายรุ้งรุ่งเรืองรอง จรัสหลังพิรุณฟุ้งฟ่อง ............. เชลงทำนอง แห่งสีสวรรค์งามตา ดั่งอำนวยอวยชัยมา .............. ให้ชนทั้งหล้า รุ่งเรืองเฟื่องฟูจิตใจ มาทักทายวันปีใหม่ ............... ศิริผ่องใส สมใจทุกประการเทอญ
3 มกราคม 2546 00:58 น. - comment id 103025
.....มันอะไรเอ่ยมีเจ็ดสี.... ไม่รู้ซีเป็นรุ้งจะใช่ไหม... แสงเรืองรองท้องฟ้าไกล อาจจะใช่ดูให้ดีสีสวยจัง.... ....ราตรีสวัสดิ์ครับ...
3 มกราคม 2546 08:22 น. - comment id 103044
คุณคนผ่านมา ..ขอบคุณค่ะ พี่สาว ..ขอบคุณค่ะ เจ้าหญิง..สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ค่ะ คุณมาร์ส ..เทพเจ้าแห่งสงคราม ก้อนหินก้อนใหญ่ ภูเขาน๊า เอารูปมาจากปู่เมรัยค่ะ ลุงวลี ..สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณค้างคาว ..ตอนกลางคืนยังมองเห็นรุ้งอีกหรือคะ ..กิ..กิ.. มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ค่ะ ..
3 มกราคม 2546 08:48 น. - comment id 103047
ชื่นชมค่ะ บทนี้ดิฉันให้ ๗.๕ เต็ม ๑๐ แล้วกันนะคะ .....รังสรรค์อัศจรรย์วิกรม................แจ่มจ้านภจม สวยสมชื่นชมเมียงมอง ขอติงตรง ..รัง ส ร ร ค์ อัศ จ ร ร ย์..นะคะ การส่งสัมผัสลักษณะนี้ใช้ลงท้ายกลอนสุภาพได้ เพราะท่อนสุดท้ายของวรรคมี ๓ คำ เราจะส่งไปคำต้นหรือคำที่ ๒ ก็ได้ แต่ในกาพย์ฉบัง เราอ่านเป็น ๒-๒-๒ ดังนั้นการส่งสัมผัสควรจะเป็นคู่ติดกัน ไม่ควรเว้นคำค่ะ สำหรับ..แจ่มจ้านภาจม..คำว่า จม อยู่ข้างจะมิใคร่ไพเราะ เราอาจเลือกใช้ ..แจ่มจ้านภาสม..หรือคำอื่น ๆ ก็ได้ค่ะ เนื่องจากว่าคำว่าจมนั้น ความหมายกระเดียดไปข้างมิใครดีค่ะ .....ฤาเทพนิรมิตรช่ำชอง.................บรรเจิดเพริศผ่อง สนองหฤทัยใว้เชย ฯ คำว่า นิรมิต ไม่มี ร ตามนะคะ บรรเจิดเพริศผ่อง...ดิฉันขอแก้เป็น..บรรเจิดเพริศผอง..ค่ะ คำว่า ใว้ เหตุใดใช้ไม้ม้วนคะ? ขอหยิกทีเถิดค่ะ .....อวดอ้างช่างงามล้ำเปรย-.............เปรียบน้องทรามเชย ไลเลยเผยพรรณสคราญงาม ไล ??? ตั้งใจจะใช้ว่า ไร หรือ ใด คะ?
3 มกราคม 2546 10:31 น. - comment id 103062
-ขอบคุณค่ะ คุณครูไหว.. ...อัลมิตราแก้ไขแล้วค่ะ (ครบถ้วนถูกต้องไหมคะ) ...บทกาพย์ฉบัง...๑๖ ของอัลมิตรามีจุดหน้าสังเกตุ...น๊า... ...ตามปกติฉันทลักษณ์ของกาพย์ฉบัง... ...คำท้ายวรรคที่หนึ่ง( มีหกคำ )...จะไปสัมผัสกับ...คำท้ายวรรคที่สอง( มีสี่คำ )... ...และคำท้ายวรรคที่สองจะไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสกับวรรคที่สาม... ...และคำท้ายวรรคที่สาม( มีหกคำ )...จะไปสัมผัสกับคำท้ายวรรคที่หนึ่ง...ของบทต่อไป... ...แต่ของอัลมิตรา...ค่อนข้างแปลกหน่อยค่ะ...คือว่าจะเหมือนกับเขาคงไม่ถนัด...กิ...กิ... ...คือ... ...คำท้ายวรรคที่หนึ่ง...สัมผัสกับ...คำท้ายวรรคที่สอง... ...คำท้ายวรรคที่สอง...สัมผัสกับ...คำที่สองท้ายวรรคที่สาม... ...คำท้ายวรรคที่สาม...สัมผัสกับ...คำท้ายวรรคที่หนึ่ง...ของบทต่อไป... ...กิ...กิ...ที่แต่งเช่นนี้...เพราะว่าจะดุกลืนกว่ามากค่ะ...อ่านแล้วจะไพเราะมากกว่า...( อัลมิตราคิดเองค่ะ คุณครู ) ...แต่ไม่ผิดฉันทลักษณ์แต่อย่างใด... ...อย่างที่บอก...นักกวีรุ่นเก่าลายคราม...อนุรักษ์นิยม...จะแต่งแบบแรก... ...ดูจากของปู่จอมยุทธเมรัยกับลุงวลีแล้ว อื้อ.. ุรุ่นนั้นค่ะ ..กิ..กิ.. ******************************************** :)
3 มกราคม 2546 11:32 น. - comment id 103069
บอกความลับของลูกลิงให้ครูไหวรู้ ที่ลูกลิงแบ่ง ๒-๒-๒ เป็นน่ะ ไม่ได้หลับแล้วฝันเห็นได้เองหรอก อิอิ
3 มกราคม 2546 18:42 น. - comment id 103115
เพราะสิคับ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจดี
3 มกราคม 2546 21:10 น. - comment id 103128
เรนจังนั่งมอง..ตาจ้อง..แป๋วแหวว... นั่ง..เรียบร้อยยที่ซู๊ดด.. แบบลืม.. หายยจายย.. โห้ยยย!!... เรนแหม่วว..ท้องด้วยดิ้.. ก้อ.. เรนกัว..อะดิค่ะ.. ห้ามๆๆ..เสียงดัง.. ผู้หญ่ายย.. เค้าจาคุยกันน... แว๊ปป.. มากวน..กาละแม.. อิอิอิ..
3 มกราคม 2546 22:14 น. - comment id 103136
หือ ลุงเวทย์ ..งวดหน้าหรือคะ ..ขำจัง .. ขอบคุณค่ะ คุณเพชรพรรณราย :) น้องเรน ...หือ ..นั่งจ้องแป๋วแหวว นึกว่าจ้องพี่อัลมิตราซะอีก ..กิ..กิ..
4 มกราคม 2546 22:02 น. - comment id 103243
คุณอัลมิตราคะ การส่งสัมผัสจากวรรคสองมาวรรคสามนั้น จริงอยู่ว่ามิใช่กติกาบังคับ แต่ดิฉันเห็นด้วยนะคะว่าควรจะมี ส่วนจะรับด้วยคำที่ ๑ หรือ ๒ ของวรรคที่ ๓ ก็แล้วแต่จะเห็นงามเถิดค่ะ ขอยกตัวอย่างอีกชุดเถิดนะคะ กลนี้เราเรียกว่านาคบริพันธ์ทรงเครื่องค่ะ คน......ใดในโลกโศกเศร้า............ทรุดโทรมโลมเล้า ..........ลับลาอาลัยไร้หน รัก.......หายวายวับจับจน.............จิตใจไป่ยล ..........ปล่อยยอมกรอมกรมทมทัน เท่า.....ทบลบหล้าจาบัลย์..............จะเบือนเลือนหัน ..........ละห่างอย่างคร่าผ้ากรอง ผืน......กรอมยอมฉีกหลีกลอง..........ล่วงลับดับหมอง ..........ดุจเมินเหินห่างนางกราย หนัง....กลับยับยู่ดูดาย....................ด่วนได้ใช่วาย ..........เชือนวางอย่างผ้าค่าควร คน......ความคร้ามนำคำนวณ............คิดนักชักชวน ..........ชมชอบตอบได้ใช้กล ชัง.......กลับดับซ่อนย้อนยล..............ยำเยงเกรงกล ..........กลัวพ้นจนจำทำนูล เท่า.....นั้นชั้นเชิงเริงพูน....................รายเพิ่มเติมบูรณ์ ..........ตราบทกฎเกลาเผ่าพันธุ์ ผืน......พากย์หลายหลายฉายฉันท์......ฉ้อฉลชนชั้น ..........ชัยชาญคร้านครอบสอบดู เสื่อ.....ดาดลาดเลิศเฉิดหรู.................โฉมรมย์พรมปู ..........เพียงเปลี่ยนเวียนสิ้นดินดาว. แต่ตัวอย่างนี้ วรรค ๓ รับสัมผัสไม่ได้ดอกนะคะ เพราะบังคับซ้ำพยัญชนะเป็นชุดค่ะ
4 มกราคม 2546 22:31 น. - comment id 103245
เล่นด้วยฮี่ รายเรียงเคียงคู่หมู่หมวด...................หมายมาตราตรวจ เร็วรวดกวดกันหันเห็น แม้นมาดวาดไว้ไรเล็น.......................ฉายเฉียบเปรียบเป็น ดูเด่นเช่นใช้ไกกล รุงรังชังชิงยิ่งยล..................................หันเหียนเวียนวน จวบจนบ่นบ้าคาคาย ควรคิดพิศเพลิดเฉิดฉาย....................ชอบชนกล่นกราย พริ้มพรายทายทักชักชม สรรเสริญเยินยิ่งทิ้งทม.........................สืบสานนานนม คนคมถมถ้วนล้วนลือ เริ่มริตริตรองครองคือ...........................มุ่งหมายสายชื่อ ชวนชื่อยื้อยิ่งจริงจัง.
4 มกราคม 2546 23:02 น. - comment id 103251
โอ้โห ..ปู่ก๊อง ...ดีจังเลย ดีจังเลยค่ะ คุณครูไหวคะ.. การส่งสัมผัสจากวรรคสองมาวรรคสามนั้น จริงอยู่ว่ามิใช่กติกาบังคับ แต่ดิฉันเห็นด้วยนะคะว่าควรจะมี ส่วนจะรับด้วยคำที่ ๑ หรือ ๒ ของวรรคที่ ๓ ก็แล้วแต่จะเห็นงามเถิดค่ะ ขอยกตัวอย่างอีกชุดเถิดนะคะ กลนี้เราเรียกว่านาคบริพันธ์ทรงเครื่องค่ะ **....อัลมิตราจะลองเขียนมาส่งการบ้านค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
5 มกราคม 2546 13:05 น. - comment id 103328
รุ้ง.... ิสั้น ๆ แต่ได้ใจความครับผม
5 มกราคม 2546 13:27 น. - comment id 103337
ขอบคุณค่ะ คุณรุ้งสวรรค์ .. หนึ่งสะพานที่ทอดยาว ณ โพ้นฟ้า งาม ค่ะ ..
14 มกราคม 2546 13:53 น. - comment id 104794
บาดครับ....หนึ่งสะพานที่ทอดยาว ณ โพ้นฟ้างาม ...หนึ่งสะพานหลากสีสัน ทอดยาวพลันยามฝนซา