ไดอารีของฉัน

ต้ยนุ้ย

ฉันรู้จักเขาในห้องๆ หนึ่ง บนโลกออนไลน์ 
ตอนนั้นฉันมีแฟนอยู่ในโลกของความเป็นจริง หากแต่เขามีแฟนอยู่ในโลกออนไลน์ 
แต่เราก็คุยกันบ่อยๆ แลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องการศึกษาต่อ และการใช้ชีวิต 
ในช่วงเวลาที่ฉันมีปัญหากับแฟน ฉันมักจะโทรไปหาเขาเพื่อขอความปรึกษา 
เขาก็มักจะบอกกับฉันว่าให้ใจเย็นๆ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข 
จนมันถึงวันหนึ่งที่ ฉันเห็นแฟนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น 
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าฉันเหมือนถูกตบหน้า ฉันทำอะไรไม่ถูก นอกจากจะเดินออกมาเงียบๆ 
และโทรไปหาเขา เพียงเพื่อต้องการคุยกับใครสักคน ต้องการระบายเท่านั้นเอง 
หลังจากนั้นเราก้อคุยกันบ่อยขึ้น โทรหากันทุกวัน คุยกันทั้งๆ 
ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ฉันก็รู้สึกว่า 
เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของฉัน 
จนฉันแอบคิดไม่ได้ว่าเขาเข้ามาอยู่ในใจของฉันเกือบครึ่ง 
เมื่อครั้งที่เขามีเรื่องระหองระแหงกับแฟน เขามักจะโทรมาหาฉัน และมักถามฉันว่า 
ควรทำอย่างไรดี ฉันก็ได้แต่บอกเขาว่าใจเย็นๆ ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ทั้งๆ ที่ 
ในใจแล้ว ฉันอยากให้เขาเลิกกับแฟนแทบขาดใจ จนในที่สุดเขาก็เลิกกับแฟน 
และนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นเหมือนนางมารร้ายที่ทำให้เขาและแฟนต้องเลิกกัน 
เพราะว่าถ้าฉันกับเขาไม่คุยกัน ไม่สนิทกันมากกว่านี้ 
ก็คงจะไม่ทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ หลักจากที่เขาเลิกกับแฟนแล้ว 
เขามักจะโทรหาฉันบ่อยขึ้น และโทรแทบทุกวัน จนมันทำให้ฉันรู้สึกว่า 
มีใครบางคนเฝ้ามองดูฉันจากที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลเหลือเกิน 
เป็นคนที่ฉันคิดว่าคงเอื้อมไม่ถึง แต่เขาก็คอยเป็นห่วงฉันอยู่เสมอ 
และวันหนึ่ง ฉันมีปัญหากับทางบ้าน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว 
ฉันก็เป็นเด็กรักดีคนหนึ่ง ดูเหมือนไม่มีเรื่องที่ต้องนำมาคิดมากให้เปลืองสมอง 
แต่เมื่อความรู้สึกถูกกดดันมากขึ้น ทำให้ฉันทนไม่ได้ 
ฉันจึงขับรถออกจากบ้านทั้งน้ำตา ทั้งๆ ที่จุดหมายปลายทางของฉันยังมืดมน 
ฉันโทรศัพท์หาเขา เพียงเพื่อต้องการเพื่อน 
แค่ต้องการระบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเท่านั้นเอง 
ฉันรู้สึกว่าเขาตกใจมากที่ฉันร้องไห้ ฉันเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง 
เขาบอกให้ฉันเข้าบ้าน เป็นผู้หญิงออกจากบ้านกลางคืนมันอันตราย 
เขาคุยกับฉันจนฉันรู้สึกดีขึ้น แต่มันก็แค่ช่วงเวลานั้นเท่านั้น 
ฉันตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ไม่มีใครเฝ้ารอการกลับมาของฉัน 
นั่นมันทำให้ฉันน้อยใจมากขึ้น บวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น 
ทำให้ฉันตัดสินใจกินยาประชดชีวิตไปเกือบครึ่ง ฉันโทรหาเขาอีกรอบ 
บอกว่าฉันทำอะไรอยู่ ความรู้สึกตอนนั้น ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากเขาเลย 
แต่ฉันคิดว่าเขาเข้าใจฉันในสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าฉันทำไปเพราะอะไร 
เขาโกรธฉันที่ฉันไม่รักชีวิต เขาบอกว่า ถ้าตอนนี้เขาอยู่ใกล้ๆ 
เขาคงจะอุ้มฉันไปโรงพยาบาลเพื่อล้างท้อง และคงไม่ปล่อยให้ฉันทำอะไรโง่ๆ 
ตกกลางคืนร่างกายของฉันเริ่มมีปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น เริ่มกระสับกระส่าย 
ภายในร่างกายเริ่มปั่นป่วนและเริ่มรู้สึกว่าฉันกำลังจะตายใช่ไหม 
ฉันเริ่มคิดถึงแม่ คิดถึงน้องชาย คิดถึงพ่อ คิดถึงเพื่อน และคิดถึงเขา 
ฉันอาเจียนไปเป็นสิบๆ รอบ จนฉันแน่ใจว่า ฉันอาจจะไม่ตาย 
เพราะว่าเคยอ่านหนังสือว่า การกินยาฆ่าตัวตาย ต้องทำให้อาเจียนออกมา 
และกินนมเยอะๆ จะบรรเทาลงได้ วินาทีนั้น ฉันคิดว่า ตัวฉันเองไม่ตายแล้วล่ะ 
ฉันลากสังขารไปเปิดตู้เย็น เพื่อหานมสด แต่ฉันก็ไปไม่ไหว เริ่มตาลาย 
ฉันจึงตัดสินใจตะโกนเรียก แม่ ทั้งๆ ที่ตะโกนแทบไม่ไหว แม่ออกมาหาฉัน 
และตกใจในสภาพที่เห็น เพราะว่าฉันร้องไห้ ร่างกายฉันเริ่มดิ้น แม่มองไปข้างๆ 
เห็นขวดยาตกอยู่ แม่เริ่มร้องไห้ และบอกกับฉันว่า คิดอะไรโง่ๆ 
แม่จะพาฉันไปโรงพยาบาล แต่ฉันทักท้วงเอาไว้ เพราะคิดว่าคงไม่เป็นไรแล้ว 
เพียงแต่ร่างกายต่อต้านเท่านั้นเอง แม่เอานมสดมาให้ฉันกินเป็นลิตร 
ฉันเริ่มอาเจียนอีกหลายครั้ง จนแม่เริ่มสบายใจว่าคงไม่เป็นไรแล้ว 
แม่นั่งเฝ้าฉันทั้งคืน แม่ลูบหัวแล้วบอกฉันว่า อย่าทำอย่างนี้อีก ไม่มีพ่ออยู่ 
เราก็อยู่กันได้นี่นา ถ้าหนูเป็นอะไรไปแล้วแม่จะอยู่อย่างไร 
ฉันเริ่มร้องไห้อีก ร้องไห้เวทนาตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ 
ร้องไห้ที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ และเป็นครั้งแรกที่แม่ร้องไห้เพราะฉัน 
และตั้งแต่ครั้งนั้น ฉันสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีก 
เขาโทรมาหาฉันแทบทุกชั่วโมง ถามถึงอาการที่เกิดขึ้น 
จนเขามั่นใจว่าฉันคงไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันรู้สึกว่าเขาเอาใจใส่ฉันมากขึ้น 
เขามักจะถามถึงอาการค้างเคียงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เขาบอกให้ฉันดื่มน้ำเยอะๆ 
ดื่มนมเยอะๆ เขาทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นคนพิเศษของเขา 
คนที่เขาต้องดูแลปกป้อง แต่ว่าฉันกับเขาอยู่บนโลกออนไลน์ 
มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันและเขาจะคบกัน โดยที่ไม่เจอหน้ากัน 
เขาบอกให้ฉันเข้ามาหาทำงานในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กัน 
ฉันก็ได้แต่บอกเขาว่า ฉันไปไหนไม่ได้หรอก ฉันทิ้งบ้าน ทิ้งแม่ 
ทิ้งถิ่นเกิดไปไหนไม่ได้ กรุงเทพฯไม่ใช่อนาคตของฉัน อนาคตของฉันคือที่ๆ ฉันอยู่ 
เขาบอกว่าจะมาหาฉัน ฉันบอกเขาว่า ฉันไม่สวยอย่างที่คิดหรอกนะ 
ในรูปกับตัวจริงมันคนละเรื่องกัน เขาบอกว่า หน้าตาไม่สำคัญเท่าจิตใจดีหรอก 
ฉันรู้ว่าเขาคงพูดปลอบใจตัวเอง แต่ฉันก็คิดว่า มันก็ดีเหมือนกันนะ คุยกันมานาน 
หมดค่าโทรศัพท์ก็ไม่น้อย มาเจอกันก็ดี จะได้รู้ว่าเขาและฉันมีนิสัยอย่างไร 
จะคบกันได้มั้ย ? แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าเขาจะต้องมาเป็นแฟนฉัน 
เพราะถึงเป็นแฟนกันไม่ได้ เราก็เป็นเพื่อนกันได้ ไม่มีอะไรจะต้องสูญเสียเลย 
ดีซะอีกที่จะได้มีเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งไว้เป็นความทรงจำในชีวิต 
เขาคงค่อนข้างผิดหวัง ว่าฉันไม่เป็นอย่างที่คิด ฉันไม่ใช่คนสวยสะดุดตา 
และฉันก็ไม่ใช่คนเรียบร้อยอย่างที่เขาต้องการ ฉันเริ่มผิดหวังในตัวเขา 
ผิวหวังที่เขาคาดหวังในตัวฉัน ผิดหวังที่เขาดูถูกความรู้สึกของตัวเขาเอง 
ผิดหวังที่ใจเขาไม่กว้างพอสำหรับคำว่าเพื่อน เพราะฉันรู้สึกว่า 
มิตรภาพระหว่างเพื่อนมันจะยั่งยืน และ เนิ่นนานกว่า 
แต่เขาก็ไม่ได้คิดมุมเดียวกับฉัน เขาคาดหวังในชีวิตเกินไป 
แต่ฉันก็ไม่โกรธเขาหรอก 
กลับต้องขอบคุณเขามากกว่าที่เขาได้มาทำให้ชีวิตช่วงหนึ่งของฉันมีคุณค่า 
เขาทำให้ฉันคิดอะไรได้มากขึ้น และเขาก็ทำให้ฉันเข้าใจคนโลกออนไลน์ได้ดีกว่าเดิม 
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเกลียดโลกไซเบอร์หรอกนะ 
เพียงแต่มุมมองของโลกออนไลน์กับโลกของความเป็นจริงมันต่างกันเท่านั้นเอง				
comments powered by Disqus
  • ทะเลขวัญ

    17 กรกฎาคม 2545 08:16 น. - comment id 61348

    เขียนได้น่าสนใจมากนะคะ น่าจะนำไปไว้ในหน้าเรื่องสั้นนะคะ เป็นเหมือนดั่งเรื่องในชีวิตจริงๆเลยนะคะ 
    โลกไซเบอร์นำทั้งสิ่งแสนดีและไม่ดีมาสู่ผู้คน ที่เรากำลังปฏิเสธและหนีความจริงไม่พ้น
    บางครั้ง..มันรวดเร็วกว้างเกินไปจนขาดความละมุนละไม และทำให้หัวใจของผู้คนสับสนค้นหาทางออกมิพบเจอ ต้องฉลาดที่จะรับและหนักแน่น เลือกคบหาคน..เมื่อเจอแล้วก็ควรรู้จักหยุดและพอใจ หากไขว่คว้ามิสิ้นสุดจะทุกขืระทมมิรู้สิ้นเฉกเช่นกัน..
    พี่ทะเลเอาใจช่วยน้องนะคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน