เป็นกระดูกสันหลังจวนพังผุ อยู่ในกรุนิยายเศร้าให้เล่าขาน เป็นบุคคลข้นแค้นมาแสนนาน และจะผ่านไปอย่างนี้อีกกี่ยุค? เลี้ยงชาวโลกแต่โลกไม่แลเหลียว มือกำเคียวด้วยหัวใจไม่เคยสุข ทั้งหนี้สินท่วมท้นต้องทนทุกข์ อยู่ในคุกเขตคามแห่งความจน ผืนนาแล้งแห้งฝนพอทนได้ แต่คนแล้วน้ำใจให้หมองหม่น คนขายข้าว คนขายควาย คนขายคน ทนทุกข์ทนจนน้ำตาจะแห้งตา ต้องลงแรงจนแรงจะแห้งเหือด หรือจะต้องลงเลือดชโลมหล้า จึงจะได้ ความเท่าเทียม นั้นคืนมา สร้างคุณค่าชดเชยที่เคยรอ ท่านมีเงิน มีเกียรติ มีอำนาจ มีในสิ่งที่เขาขาดเสียทุกข้อ ท่านมีมากเท่าไรไม่เคยพอ เขาทนท้อ น้อยเท่าไรไม่เคยมี ยังคงเป็นนิยายเศร้าให้เล่าซ้ำ ถูกเหยียบย่ำหยามหมิ่นสิ้นศักดิ์ศรี ทำความดีแต่ต้อยต่ำไร้ความดี หรือว่าข้าวที่ปลูกนี้ไม่มียาง?
18 กรกฎาคม 2544 01:18 น. - comment id 5544
จำได้ว่าเคยอ่านแล้วก็ประทับใจทั้งบทกลอนและคนเขียนจนบัดนี้ค่ะ
18 กรกฎาคม 2544 02:13 น. - comment id 5548
ขอบคุณมากๆ อย่างสูงสุดค่ะ คุณวิว
18 กรกฎาคม 2544 02:43 น. - comment id 5551
เข้ากับฤดูทำนาเลยครับชอบครับแต่มันยังคงเป็นอย่างนั้นไปตลอดกาลแหละเพราะเลือกตั้งทีไรไปกันเป็นคันรถเหมือนเดิม55
18 กรกฎาคม 2544 04:43 น. - comment id 5555
แหม คราวนี้ คุณคนแก่ดูดาว มาแสดงความคิดเห็นที่เข้มข้นด้วยสาระล้วนๆ ขอบพระคุณค่า
18 กรกฎาคม 2544 06:46 น. - comment id 5577
น่าสงสารชาวนานะคะ แต่เราว่าเรากินข้าวหมดทุกเม็ดนะ//กลอนเพระามากเลยค่ะ
18 กรกฎาคม 2544 06:55 น. - comment id 5579
ขอบคุณค่ะ คุณลีน
18 กรกฎาคม 2544 08:44 น. - comment id 5593
บทกวีเพื่อชีวิตแบบนี้ ผมปรารถนาจะเขียนได้บ้าง
18 กรกฎาคม 2544 21:05 น. - comment id 5618
อืม....เพราะค่ะ...// ชาวนาเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีและสม่ำเสมอตลอดมาไม่ว่าจะต้องพบเจออุปสรรคอะไรมากมายต่างๆก็ตาม...พวกเค้าคือ ยอดคน.....// และเป็นคนที่มีเกียรติ มีความซื่อสัตย์ในตัวเอง ในความรู้สึกของเรามากกว่าคนมีอันจะกินบางคนที่ทำหน้าที่ของ
18 กรกฎาคม 2544 22:26 น. - comment id 5623
คุณภีมคะ...เชื่อว่าถ้าเราเขียนจากใจ ใครๆ ก็เขียนได้ค่า .....คุณโคลอนคะ ...สาระเข้มเต็มคุณค่าสุดๆ ค่า :)