สมัยหนึ่งช้านานนับมิได้...................ยังมีชายหนุ่มน้อยด้อยกว่าเขา เพราะไม่มีเงินทองเหมือนเช่นเรา.............เขาอับเฉาชาติตระกูลเพราะมูลกรรม แล้ววันหนึ่งจีงตรงไปสมัคร.................ที่บ้านพักเศรษฐีมีธรรมล้ำ เขามาเป็นข้าทาสงานต้องทำ...................งานต้องนำทำขยันเช้าค่ำไป =========================================================== แล้ววันหนึ่งได้เดินทางไปกับนาย.................เห็นหนูตายตัวริมทางพลางเน่าเหม็น นายก็ชี้แล้วกล่าวออกมาเป็น.................หนูที่เห็นใครเก็บไปใช้ได้คุณ ชายดังกล่าวได้ยินก็คิดได้..............จึงไม่อายเก็บซากหนูดูเหมือนเขลา นำไปขายให้กับคนเลี้ยงไม้เงา.................ได้เงินเท่าห้าบาทขาดกำไร ======================================================== เมื่อได้เงินจึงเข้าไปในตลาด...................เงินห้าบาทเอาไปซื้อเข้าเปลือกไว้ เจ้าของร้านให้หนึ่งกำนำได้ไป.................ข้าวที่ได้เอาไปให้เพื่อนทำนา หลายเดือนผ่านถึงฤดูที่ขายข้าว................เพื่อนดังกล่าวได้เงินมาพาสุขสม เงินที่ได้จึงมาแบ่งให้หนุ่มชม....................เพื่อนไม่อมแบ่งมาห้าร้อยเลย ชายหนุ่มจึงยินดีที่มีทรัพย์.....................เอามาปรับซื้อไม้หอมมาออมไว้ แกะสลักให้แปลกวิจิตรไป...................แล้วไปขายเหล่าคนรวยแลกเงินตรา จากการขายไม้สลักมากกลิ่นหอม.................ได้เงินทองมาห้าพันนั้นหนักหนา เงินทีได้ไปซื้อผ้าผื่นไหมมา...................ตัดเย็บพาเป็นเสื้อผ้าน่าดูชม อาภรณ์นั้นเอาไปให้ร้านขายเสื้อ...................น่าเหลือเชื่อได้เงินมาห้าหมื่นผลัน พ่อหนุ่มน้อยได้เงินมาหน้าชื่นพลัน..............เงินมากนั้นไม่เคยได้หลายหมื่นชม ระหว่างทางกลับไปบ้านท่านเศรษฐี.................โชคไม่ดีเจอคนป่วยด้วยงูพิษ จึงพาไปรักษาด้วยไมตรีจิต.....................รักษาพิษให้พ้นตายได้ชีวี เมื่อรักษาพ้นตายคลายฉุกเฉิน..................แหมเหลือเกินค่ารักษาห้าหมื่นนี่ พ่อหนุ่มน้อยคิดหนักทำไงดี............................เงินนั้นมีจะต้องจ่ายไม่รู้ใคร ถึงตรงนี้จะเว้นไว้ให้ท่านคิด......................ซึ่งถูกผิดไม่มีไร้เงื่อนไข อีกสามวันมาเขียนต่อในทันใด......................ทำอย่างไรถ้าเป็นท่านนั้นจงดี
20 มิถุนายน 2545 00:13 น. - comment id 56548
อันเงินทองนั้นหนาของนอกกาย ถ้าไม่ตายคงหาได้อย่าหวั่นไหว ทำความดีชดใช้กรรมชาติก่อนไป ผลบุญใหม่ช่วยหนุนนำให้รุ่งเรือง
20 มิถุนายน 2545 12:12 น. - comment id 56609
ขอให้ท่านนำใจใส่ลงเรื่อง ท่านจะเปลืองเงินทองนั้นหรือนั่น ความเป็นจริงท่านจะทำอย่างไรกัน เรื่องนี้มันยากนักจักชั่งใจ
20 มิถุนายน 2545 20:12 น. - comment id 56736
เอาไว้ อี 2 วัน จะติดตามมาอ่านต่อ นะคะ อยากรู้เหมือนกันว่า คนแต่ง เจตนา สอนเรื่องอะไร ให้เพื่อนๆ ได้เปิดตา เปิดใจ นะคะ คนเรามองต่างมุม และ มีเหตุผลประกอบที่ต่างกัน แต่ อย่างไร ก็ต้อง ชั่งใจ ด้วยเหตุผล และ คุณธรรม ควบคู่กัน นะคะ เพราะ ความดี มีค่า มากกว่าเงินทอง ชีวิต คน ซื้อใหม่ไม่ได้ แต่ สมบัติ นอกกายไปตาย หากมีวิชา ค้ากำไร ขายกำลัง ก็ยังหาได้ใหม่ เมตตาจิต นั้น หาซื้อไม่ได้จากคนที่แร้งน้ำใจ
21 มิถุนายน 2545 15:40 น. - comment id 56901
犠牲にする
23 มิถุนายน 2545 21:53 น. - comment id 57314
สงสัย คม คด กำลัง กลั่นกรอง ผลงานกลอนดีๆ อยู่ นะคะ 3 วันแล้ว นะคะ//กำลัง รอ ติดตาม กลอน ของ กฤษณ์ อยู่ นะคะ/อยากรู้ ภาค ต่อ ของ กลอนนี้ ค่ะ น่าสนใจดีค่ะ/ไง ถ้าว่างๆแล้ว อย่าลืม นำมาลง นะคะ/จะคอยอ่าน ค่ะ
3 กรกฎาคม 2545 20:37 น. - comment id 58671
บุษ แวะ มาแต่งกลอน ต่อ กลอนนี้ให้กับ กฤษณ์ นะคะ/ถือว่า เป็นภาค ต่อ นะคะ กฤษณ์ ------------------------------------------------------------ ...........เปิดปัญญา เปิดตา เปิดใจ................. อันความรู้ยิ่งแจกจ่าย.........ยิ่งได้รับ ปัญญาทรัพย์........เพิ่มพูน บังเกิดผล หากว่าใคร...........เบียดบัง....เห็นแก่ตน ก็หาใช่.................ปัญญาชน ที่แท้เอย -------------------------------------------------------------- อันว่า ปราชญ์.......ที่เรียกกัน.......ว่าบัณฑิต เปรียบเช่น ทิด.....ที่บวชเรียน.....มาแล้วเอ๋ย ใฝ่เรียนรู้..............พหูสูตร...........ไม่ละเลย บ่ เพิกเชย.............บ่มปัญญา........สนทนาธรรม ----------------------------------------------------------------- เพื่อเปิดรับ.............ความรู้............จากผู้อื่น และหยิบยื่น............คุณธรรม.........เป็นอุปถัมภ์ หากปิดตน...............ปิดตา..............ทำใจดำ สัจธรรม...................ย่อมไม่เกิด.....ในจิตใจ ----------------------------------------------------------------- เปรียบเช่นน้ำ..........ถ้าปริ่ม.............จนล้นแก้ว คงไม่แคล้ว...............รินล้น..............หกหล่นได้ หากวางตน................เช่นน้ำ.............ครึ่งแก้วไซร้ ย่อมเติมได้................ซึ่งปัญญา..........จากผองชน -------------------------------------------------------------------- คนเราควร..................ฟังความผู้อื่นบ้าง ใช่ทำกร่าง....................ว่าตนเอง......ความรู้ท่วมท้น จงเปิดตา......................เปิดใจ..........เพื่อยินยล เกิดเป็นคน..................ควรมี............ความถ่อมตัว --------------------------------------------------------------------- อันว่าเพชร....................ทำเช่นไร.......ก็เป็นเพชร เจียรไนยเสร็จ...............เจิดจรัส.........แม้ในแสงสลัว อันปัญญา.......................หากยิ่งลับ........ก็ยิ่งคม.....เป็นเท่าตัว จงอย่ากลัว......................ใครมาปล้น......ปัญญาไป ------------------------------------------------------------------- มาแลกเปลี่ยน.................ซึ่งปัญญา.......และความคิด มาพินิจ...........................พิจารณา.........เพื่อปราศรัย อันความรู้........................วิทยาการ.......นั้นรุดหน้าก้าวไกล มาแลกเปลี่ยน.................วิสัยทัศน์........เพื่อ เพิ่มพูนปัญญา ------------------------------------------------------------------- ปล. กลอนนี้ ข้าพเจ้า ได้แรง บันดาลใจ มาจากเพื่อนคนหนึ่ง ที่เค้า แนะนำข้าพเจ้า เรื่อง ที่ คนเราถ้าหาก ได้แลกเปลี่ยน และ แจกจ่าย ความรู้ให้ผู้อื่น ก็จะเป็นการดี เพื่อจะได้พัฒนาตน และ เปิดใจ รับ คนอื่นได้ เป็นการสร้าง มนุษยสัมพันธ์ ที่ดี