ริมชายหาดแห่งหนึ่ง ที่ผมและเธอนั่งอยู่ด้วยกันเธอชื่ออ้อยผู้ที่ผมไม่เคยลืมได้เลยผมและเธอเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว วันนี้ผมและเธอมาที่นี่ด้วยกันเป็นครั้งแรก ในฐานะเพื่อนเพื่อนกัน เพราะผมไม่รู้ว่าผมคิดยังไงกับเธอกันแน่ โอ๊ครู้ไหมเราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว คำถามที่ผมได้ยินจากเธอในคืนนั้น แต่ผมก็จำไม่ได้หรอกนะว่าผมกับเค้าเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว แต่รู้ว่ามันนานมากแล้ว จนผมรู้สึกว่ารู้ไส้รู้พุงเธอหมดแล้ว แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องๆหนึ่งที่เธอพยายามบอกให้ผมฟังทุกวันมันคืออะไร เรามีอะไรจะบอกอ่ะ ฟังไหม มีอะไรก็พูดมาสิ อืมแต่เดี๋ยวก่อนเพลงนี้อ่ะ เราชอบมาเลยอ่ะ เดี๋ยวขอแกะโน๊ตก่อนนะ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอจะเริ่มพูดเรื่องอะไร เธอได้แต่ยิ้มแล้วบอกให้ผมแกะโน๊ตต่อไป เธอจะไปนอนแล้ว ผมก็เลยเดินไปส่งเธอที่ห้องพัก และก็กลับห้องเผื่อที่จะมาแกะโน๊ตเพลงต่อ ในการมาเที่ยวครั้งนั้น เราไม่ได้มากันสองคนแน่นอน อ้อยพาเพื่อนสนิทของเธอมาด้วย เพื่อนของอ้อยชื่อปอปอเป็นคนสวยมาก สวยที่สุดเท่าที่ผมรู้จักมา และผมชอบปอ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมผมถึงชอบปอ ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุผลหลายๆอย่างด้วยกัน เพื่อนสนิทผมชื่อโจ้ โจ้เป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมชอบปอมากแค่ไหน และเรื่องนี้เราสองคนเก็บมันไว้เป็นความลับตลอดมาไม่เคยคิดที่จะบอกให้ปอและอ้อยรู้ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอก วันนี้ตอนกลางวันในระหว่างที่ปอขอตัวไปเอาครีมทาผิวเพื่อมาฉโลมผิวของเธอเพื่อไม่ให้ผิวเสีย แต่ผมไม่เคยเห็นอ้อยทำอย่างนั้นเลย อ้อยทำไมเธอถึงไม่ไปเอาครีมอะไรมาทาผิวบ้างอ่ะ ทำไม เธอกลัวฉันดำเหรอ ฉันไม่ดำเหมือนเธอหรอก อิอิ เค้าจะชอบพูดเล่นกับผมเสมอว่าผมอ่ะดำ แต่ผมก็ไม่โกรธเธอหรอก เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนผมมานานแล้ว และผมรู้ว่าเธอพูดเล่น ผมพยายามจะหาโอกาสที่จะได้คุยกับปอสองคน แต่ไม่มีโอกาสเลย เพราะปอกับอ้อยจะติดกันเป็นปาท๋องโก๋เลย ผมก็เลยไม่มีโอกาสสักที แต่ตอนเย็นของวันนั้นโจ้เพื่อนผมบอกว่าจะชวนอ้อยให้ไปช่วยแต่งกลอนให้แฟน เพราะอ้อยเป็นนักกวีของกลุ่ม และจะเปิดโอกาสให้ผมได้อยู่กับปอ และอ้อยก็ไปเพราะว่าชอบแต่งกลอนมาก ชีวิตของเค้าอยู่ได้ถ้ามีกลอน อ้อยไปแต่งกลอนให้เราหน่อยสิ สบายอยู่แล้วไปสิ และโอกาสก็มาถึงผมสักที ตอนนั้นผมใจเต้นแรงมากไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี ทั้งๆที่ตอนมีอ้อยอยู่ผมก็พูดกับปอได้ตามปกติ ปอเออคือ เป็นอะไรอ่ะโอ๊ค ข้าวติดคอเหรอ มีอะไรมาหาอ้อยเหรอ อ้อยไม่อยู่อ่ะ ไปกับโจ้เมื่อกี้ โจ้ให้ไปแต่งกลอนอะไรก็ไม่รู้อ่ะ เปล่าเรามาหาปอแหละ มาพูดเรื่องอะไรบางอย่าง โอ๊ยไม่เอาอ่ะโอ๊ค เราง่วงนอนอ่ะ เอาไว้ก่อนนะ พรุ่งนี้ละกัน สรุปว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ผมก็ไม่ได้บอกรักปอสักที ผมคิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงเราก็ยังเจอหน้ากันทุกวัน เช้าวันหนึ่ง ผมเห็นอ้อยมาที่โรงเรียนหน้าตาซีดๆ ก็เลยเดินเข้าไปหา เพราะผมมาโรงเรียนเช้ากว่าเพื่อน เฮ้ย!อ้อยเป็นไรอ่ะ หน้าตาไม่บายเลย อ๋อไม่ได้เป็นอะไรหรอก เราสบายดีแค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย เย็นนี้แม่จะพาไปหาหมออ่ะ อืมดีแล้วถ้าเราขาดเพื่อนอย่างอ้อยไปเราแย่เลยนะ เพื่อนเหรอ เค้าจะชอบพูดอย่างนี้เสมอเวลาผมบอกว่าเค้าเป็นเพื่อนวันนั้นเค้าไม่ค่อยพูดอะไรกับใคร ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยหัวเราะ ได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างและก็ก้มลงเขียนอะไรสักอย่างในไดอารี่ของเค้า ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ตอนเย็นของวันนั้น ผมเห็นอ้อยไม่สบายมาก ปอก็ต้องรีบกลับ ผมก็เลยจำเป็นต้องไปส่งเธอ สงสารเธอที่เธอต้องเดินกลับบ้านคนเดียว ผมไม่อยากให้เพื่อนผมเป็นอะไร เธอไม่พูดอะไรเลย ถามคำก็ตอบคำ ไม่ยอมพูดเล่นกับผมเหมือนก่อน อ้อยเป็นไรอ่ะ วันนี้ไม่คึกคักเหมือนเดิมเลย ไม่ได้เป็นอะไร ไปหาหมอซะนะ เราเป็นห่วง ผมบอกเธอไปว่าผมเป็นห่วง ซึ่งผมก็ห่วงเธอจริงๆ ในความรู้สึกตอนนั้น ผมไม่ได้คิดอะไร แต่ผมก็เห็นรอยยิ้มของเธออีกครั้ง เราดีใจนะ ที่โอ๊คเป็นห่วงเรา เราอยากบอกว่า อะไรเหรอ เราเรารักเธอนะ ผมได้ยินคำว่ารักจากปากของอ้อย ซึ่งผมก็คิดในตอนนั้นว่าผมก็รักเธอเหมือนกัน เรารักกันในฐานะเพื่อน เพื่อนที่พิเศษกว่าใครๆ และไม่มีใครแทนที่อ้อยได้ ขอบใจ รู้ป่ะ เราก็รักอ้อยนะ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่น่า เพื่อนเหรอ ผมรักเธอเหมือนเพื่อน เพื่อนที่ดีที่สุด เท่าที่ผมจะรู้จักมาตั้งแต่เกิด โจ้มันยังไม่ดีเท่าอ้อยเลย หลังจากวันนั้นที่อ้อยหน้าตาไม่ค่อยสบาย อ้อยก็ขาดโรงเรียนบ่อย ถามจากปอ ปอบอกว่า ไม่รู้อ้อยเป็นอะไร ผมปอและโจ้ นัดกันว่า วันอาทิตย์นี้จะไปเยี่ยมเธอที่บ้าน วันอาทิตย์ตอนเช้าวันนี้อากาศร้อนมากๆเลย ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีเลย เราทั้งสามคนก็มาถึงที่บ้านอ้อย เจอแม่ของอ้อย แม่บอกว่าพักนี้อ้อยไม่ค่อยสบาย ก็เลยต้องขาดเรียนบ่อยๆ เราทั้งสามคนพยายามถามว่าอ้อยเป็นอะไร แต่แม่ของอ้อยก็ไม่บอก ได้แต่เบี่ยงไปเรื่องอื่นทุกที เราไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดว่าคนแข็งแรงอย่างอ้อยที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่มัธยมต้น คงไม่ได้เป็นอะไรมากมายเท่าไหร่นัก ในห้องของอ้อย เราทั้งสามคนก็ถามอ้อยว่าอ้อยเป็นอะไร วันนี้อ้อยดูแย่กว่าวันที่ผ่านๆมาอีก ผมสงสัยมาก โจ้กับปอบอกว่าจะไปเอาขนมมาให้ ผมก็เลยได้อยู่กับอ้อยสองคน ในห้องที่เงียบสงบ ข้างๆเตียงมียาหลายอย่างกองไว้เต็มไปหมด เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน ผมถามอ้อยอีกครั้งว่าเค้าเป็นโรคอะไร อ้อยถามจริงๆเถอะนะ อ้อยเป็นอะไร ไม่นี่น่าเราไม่ได้เป็นอะไรเลย เรายังสบายดี เพียงแต่ร่างกายเราไม่ไหวก็ต้องนอนพัก อืมเราแต่งกลอนได้ตั้งหลายกลอนน๊าตอนเราไม่สบายอ่ะ เรากลัวว่าสักวันเราจะไม่ได้แต่ง บ้าพูดอะไรอย่างนั้น ผมฟังคำพูดนั้นของอ้อยแล้วทำให้ผมใจหายคิดว่าเธอพูดอะไรอย่างนั้นเหมือนกับจะตายในวันนี้พรุ่งนี้งั้นแหละ หลังจากที่อ้อยหลับ เราก็เลยจะกลับบ้านกัน และคิดว่าวันจันทร์อ้อยก็คงมาเรียนเหมือนเดิม แต่เมื่อถึงวันจันทร์ไม่เลยเห็นแต่แม่ของอ้อยที่มาพบกับอาจารย์ที่ปรึกษา หน้าตาเครียดๆ แต่ไม่รู้ว่าคุยกันเรื่องอะไร ผมพยายามไปถามอาจารย์ แต่แม่ของอ้อยบอกกับอาจารย์ให้ปิดเป็นความลับ ไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตมากมาย หนึ่งเดือนผ่านไป อ้อยมาโรงเรียนไม่ได้เลย และร่างกายก็ทรุดหนักลงกว่าเดิม โจ้ปอและผมก็เป็นห่วง ไปเยี่ยมทุกวัน อ้อยก็ยังบอกคำเดิมว่า เราไม่ได้เป็นอะไร วันนี้เราไปเยี่ยมอ้อยเหมือนเดิมที่ห้องนอน รู้สึกว่าวันนี้เราสามคนใจคอไม่ดีเอามากๆ ไม่รู้ว่าทำไม ไม่พูดเล่นแล้วก็ไม่หัวเราะสนุกสนานกันเหมือนเดิม แต่เมื่อเราเหยียบเท้าเข้าไปก็เห็นแม่ของอ้อยนั่งร้องไห้อยู่ข้างล่างเราทั้งสามคนก็ตรงดิ่งเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบของแม่ของอ้อยก็คือ อ้อยเค้าอยากเจอพวกเรามาก โดยเฉพาะโอ๊คและบอกให้พวกเรารีบขึ้นไปหา พวกเรางงกันเป็นไก่ตาแตก รีบวิ่งขึ้นไปหาอ้อยทันที สภาพของอ้อยแย่มาก จนผมอธิบายไม่ถูก ปอถึงกับร้องไห้ออกมา แต่แล้วอ้อยก็บอกว่า ร้องไห้ทำไมปอ เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คนไข้ปากแข็ง อ้อยพยายามทำเหมือนกับเค้าไม่ได้เป็นอะไร อ้อยบอกว่าอยากคุยกับผม ปอและโจ้ก็เลยออกไปรอข้างนอก และอ้อยก็ไม่ค่อยจะมีแรงพูดสักเท่าไหร่ แต่ประโยคเดียวที่ผมได้ยินชัดติดหูมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ โอ๊ค เธอรู้ไหมว่าเราดีใจมากๆเลยนะ ที่ได้มาเป็นเพื่อนเธอ เราคิดว่าเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเรา เราพยายามจะเปลี่ยนใจไม่ให้รักเธอ เราอยากเก็บเวลาของการเป็นเพื่อนเอาไว้ แต่เราก็ทำไมได้ เพราะว่าเรารักเธอ ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนั้นผมคิดว่าเธอไม่ใช่เพื่อน แต่เธอเป็นทุกอย่างสำหรับผมผมตกใจวิ่งไปบอกโจ้และปอและแม่ของอ้อยด้วย เพราะอ้อยทำท่าเหมือนจะไม่หายใจ ทุกคนวิ่งขึ้นมาพร้อมกัน อยู่ที่เตียงของอ้อย และฟังคำพูดสุดท้ายก่อนที่อ้อยจะหมดลม แม่อ้อยคงอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้วนะ อ้อยรักแม่ที่สุดเลย เกิดมาชาติหน้าอ้อยขอเกิด มาเป็นลูกของแม่อีกนะ อ้อยพูดเหมือนจะไม่มีลมหายใจอยู่อีกต่อไปแล้ว แล้วอ้อยก็หันมาทางเพื่อนๆรวมทั้งผมด้วย เธอต้องไม่เป็นอะไรนะอ้อย ปอพูดทั้งๆที่ร้องไห้อยู่ อ้อยยิ้มและพูดกับปอว่า.. เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย และอ้อยก็หันมาทางผม และบอกคำสุดท้ายก่อนที่จะหมดลมหายใจเหือกสุดท้ายว่า โอ๊คเรารักโอ๊คนะ และร่างของอ้อยที่ไร้ลมหายใจ ก็ทำให้พวกเราสะเทือนใจมาก นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เหมือนกับว่าจะต้องตายตามอ้อยไปให้ได้ ต่อมาหลังจากที่งานศพของอ้อยเรียบร้อยแล้วแม่ของอ้อยเล่าให้พวกเราฟังว่าอ้อยเป็นโรคหลายโรคมาก จนไม่อยากจะพูดถึง แต่สรุปแล้ววันที่พวกเราเห็นเค้าไม่ค่อยสบายนั้น อาการของเค้าหนักมาก แต่เค้าก็ฝืนตัวเองเพื่อที่จะมาพบคนบางคน คนที่ไม่เคยนึกถึงเรื่องรักกับเค้าเลย ผมรู้แล้ว ว่าผมกับอ้อย ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน ผมห่วงเค้ามาก มากกว่าปอที่เป็นคนที่ผมบอกว่าชอบซะอีก ถ้าผมย้อนเวลากลับมาได้ ผมอยากจะขอให้เค้าไม่ต้องเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงที่ทำให้เค้าต้องจากผมไป และผมจะย้อนเวลานั้นกลับมาเพื่อบอกเค้าว่าผมรักเธอ
15 พฤษภาคม 2545 02:38 น. - comment id 49665
.........
15 พฤษภาคม 2545 02:42 น. - comment id 49668
เศร้าจังเลยน้องอ้อย ทำไมเขียนเรื่องนี้ใช้ชื่อตัวเองคะ พี่อ่านแล้วใจไม่ดีเลย คิดถึงนะจ๊ะ ^-^
15 พฤษภาคม 2545 11:20 น. - comment id 49703
จะบอกอะไรให้นะ...รู้ไหม...ความรักไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ หรอกนะ...ความผูกพันกัน..ต่างหาก..ที่สามารถก่อตัวขึ้นเป็นความรัก...ได้ เพราะคนที่เราผูกพันด้วย...เจอหน้ากันทุกวัน..รู้ใจกันตลอดเวลา..เนี่ย..คนๆนั้นต่างหาก...ที่จะอยู่คู่กับเราในวันข้างหน้า...เพราะแม้ปัญหาจะเกิดขึ้น...เราก็สามารถพร้อมใจช่วยกันฝ่าฟันมันไปได้ดี...