เสียงไม้เรียวหวดขวับลงกับก้น แสบเสียจนแทบว่าน้ำตาไหล ผองลูกศิษย์เห็นหน้าฉันคราใด ต้องหนีไกลเพราะกลัว เบื่อฉันเหลือทน บางคนตั้งสมญาว่าแม่มด เพราะภาพพจน์ในหน้าที่ฉันขี้บ่น หัวโบราณอย่างนี้ไม่กี่คน ชอบเสกมนต์ดำใส่ผ่านไม้เรียว จนดาวเคลื่อนเดือนคล้อยลอยลับฟ้า ศิษย์ใหม่มาเก่าไปหลายสิบเที่ยว ฉันยังคงเพาะบ่มแรงกลมเกลียว สอนศิษย์เฮี้ยวให้รู้รับสรรพวิชา นักเรียนยังเรียกสมญาว่าแม่มด ไม่ละลดความเนี๊ยบระเบียบกล้า ทั้งสั่งสอนเคี่ยวกรำธรรมจรรยา เหมือนเข้มงวดตรวจตรามาแต่ใด ถึงวันนี้อายุลุหกสิบ แรงจะหยิบไม้เรียวนั้นแม้นยังไหว แต่วิชาชีพฉันสั่นหทัย ต้องจำใจกล่าวคำว่าอำลา ภาพเด็กน้อยเยาว์วัยในวานวัน คือสิ่งอันสวยซึ้งคะนึงหา ที่ดุด่าว่าบ้างเป็นบางครา ด้วยเพราะว่ารักสะพรั่งและหวังดี เพื่อวันหนึ่งวันใดในอนาคต ศิษย์แม่มดจะเพลินเจริญศรี ครองธรรมา-ร่างไม่ไหลใรวารี ทั้งอัคคีก็มิไหม้ประลัยลาญ โอ้วันนี้ศิษย์มากันคลาคล่ำ แม่มดน้ำตาไหลใจสุขศานต์ เปล่า-มิได้ทุกข์กระไรในดวงมาน ฉันชื่นบานเพราะซึ้งค่าคำว่า "ครู"
25 มกราคม 2556 14:53 น. - comment id 1254056
มาเยี่ยมครับอ่านกลอนแล้วให้นึกถึง ความหลังจริงๆ ผมโดนตีด้วยกิ่งสนด้วย สม้ัยยังเรียนโรงเรียนมัธยมอยู่ครับ พระคุณ ครูรอยจารึกจากก้นทำให้ผมเป็นคนที่เกิด ความมุมานะพากเพียรได้ดิบได้ดีจนทุกวันนี้ แหละครับ เรียกว่าได้ดีเพราะไม่เรียวครูครับ แก้วประเสริฐ.