เมืองอมรกานต์ (จินตนิทานสมมติ) ดูก่อนภราดร ข้าขอกรรพุมกรกระทำกฤดาญชลี วอนท่านโปรดสละเพลามาสดับคดีสักเล็กน้อย ตามข้าจักแถลงถ้อยสืบไป สมัยบุราณนานนมสุดนับพรรษาคะเนประเมิน มหาธานีหนึ่งจำเริญจำรัสยศ สมยาปรากฏว่า อมรกานต์ แปลนิยามว่า เป็นสถานแสนสิเนหาของเทวัน แต่เดิม ผองประชาสุขานันทน์มิจางเจือ กระทั่งเมื่อวารวันเลยผันล่วงพ้น อนุสนธิ์วิบากถึงวิบัติก็กระพือพัดมา โดยเลศมายายักษ์ร้ายจองทำลายล้าง นั้นแล ครั้งกระโน้น ยังมีผรุสกุมภัณฑ์หนึ่ง จมดึ่งในกองทิฐิมิจฉา นามว่า รุทราสูรบริบูรณ์บาปอาบเลวทรามสาธารณ์ จอมมารหมายวงแวดล้อมห้อมหุ้มกุมเมืองอมรกานต์ไว้ในอำนาจ หาก...ไอ้อุบาทว์ตรองแยบยล จักไป่ให้เปลืองไพร่พลเสนารากษส จึ่งแผ่กฤตยามนต์เข้าจ่อจดกับวิญญาณ์ชนกลีบางผู้อันปราศจากธรรม์ ยอนแยงยุยงคนเหล่านั้นว่า ดูราเหล่าสู ตูจักแนะวิถีที่พึงควรพึงชื่นชอบ ระบอบ กุศลาธิปไตย ซึ่งสูใช้ปกครองอมรกานต์นั้น ยังผลให้เกิดฐานันดร์หลั่นลด ใครมากกุศลกรรมบถก็สูงส่งขาดเศร้าสร้อย ผิวผู้ใดกุศลสั่งสมน้อยก็กปณาน่าอนาถ นี่แน่ะสู อำนาจระบับใหม่ยังมีอีกชื่อคือระบอบ กัลปพฤกษ์ เพียงคิดนึกปรารถนาจักได้สิ่งใดก็ได้เท่ากันสิ้น บห่อนมีคนเดือดดิ้นตกประดาษวาสนาวเนจร ตูจักสั่งสอนประดาสูให้รู้จัก แล้วนำชักลบองการปกครองใหม่ให้ซึมซึกสู่พสุธา โก่นกุศลาธิปไตยไปเสียจากเมือง ฝ่ายพวกโลภจริตคิดแต่ทางรุ่งเรืองยินเกลี้ยกล่อมกล่าวยุ ครุวนาประหนึ่งสุมเชื้อกูณฑ์แก่กองกาฐ ก็กระเหิมหิวอำนาจเต็มกมล ค่อยเผยยุบลปลุกปั่นเป่าโสตราษฎร แทรกซึมซอกซอนเสียดเซาะ กระทั่งกะเทาะสันถวไมตรีเคยมีในหมู่ราษฎร์ จนแผกญาติผันมิตรผิดใจกันไม่เว้น ที่เห็นระบอบกัลปพฤกษ์ดีกว่าก็รวมหมู่ ที่เห็นคติเดิมดีอยู่ก็รวมพรรค ตั้งหน้าหาญหักหั่นห้ำกระทำสงคราม ร้อนแรงลุกลามนับได้หลายขวบปี ฉะนี้แล กษณะหนึ่ง เมื่อโพยมานสูญแสงสูรย์ จันทราแจ่มจำรูญค่อยเขจรขึ้นสถิตทิฆัมพรไพศาล พร้อมดาริกาบริวารเรียงราย เดือนดาวฉายรัศมีลงอาบเมทนีดล ส่องต้องไผทมณฑลกล่นซากปรักหักพัง โอ! อนิจจังหนอ เมืองอมรกานต์ ดาราดวงหนึ่งเปล่งอุทานปลงสังเวชด้วยแสนสมเพชเวทนา ก่อนจรรจาเยื้อนถามรัชนีกร ว่า ข้าแต่ศศิธรเทวบุตร ไยมนุษย์จึ่งเขลานัก กักขฬะอหังการ์เข่นฆ่ากันเอง ชโลมเลือดละเลงผืนแผ่นดินแดนกำเนิด หะหาย! นี่หรือสัตว์ประเสริฐเปี่ยมปัญญาอะคร้าว ดูก่อนดาว แท้แล้ว มนุษย์นั้นหยาบช้ากว่าสรรพดิรัจฉานใดถ้วนทั้งโกษ ผลุนพิโรธเพียงฟังคำพวกเดียวกันเสี้ยม ก็หีนเหี้ยมฮึกฮือหทัย พวกเขาอาจฉลาดล้ำไกลจนลืมสิ่งใกล้ใกล้ตน เจ้าดูเถิด แค่ลมลิ้นพิรากลของคนอื่น เขาก็ยื่นศัสตราตรูเข้าฆ่ากันตาย แบ่งแยกแผกนิกายลืมญาติกา ลืมสขาลืมพี่น้อง จดจ้องจำเพาะกิจล้างผลาญไล่พร่า โลหิตนองบ่า ชลนาเนืองราด กเฬวรากกลาดภูมิลำเนา พวกเขาก็ยังใฝ่ประยุทธ์ ข้าแต่เทวบุตรวราภาแห่งราตรี ก็กษณะนี้เงื้อมเงาประทุฐทานพกำลังทอดลงมากลืนพิภพในอีกมิช้า ข้าอาดูรสุดรำพันแล้ว อ้า! นาครแก้วตระกลก่อง เคยผุดผ่องอำไพโอภาส จักดับวินาศความมลังเมลืองแล้วหรือไร? เราช่วยไฉนก็ไร้หิตานุหิตประโยชน์ ดาวเอ๋ย จันทร์เจ้าเฉลยเพียงนั้นแล้วก็งันเงียบ สงัดเซียบส่ำสำเนียงครากำดัดดึก หมู่ดารกะคำนึงนึกตรึกตามศศพินทุ์พจมาน ต่างก็ปริเทวนาการกำสรวลกำสรด สลดต่อชะตากรรมบุรีศรี ดวงดาวโศกีกลั่นชลนัยน์ไหล ระรินระรินบรรลาย กลายเป็นนิศาชลชุ่มโชก ฝากรอยวิปโยคโลมโลกธาตุ หยาดลงต้องเมืองอมรกานต์เพื่อไว้อาลัยในนคเรศโอฬารเมื่อเก่าก่อน ดูรา ภราดร กถาสุนทรอันข้าใคร่กล่าวแก่ท่าน ก็บรรลุถึงปริโยสานสาธยาย สิ้นสุดบั้นปลายเพียงนี้แล (ร่างเดิม๑๓ ถึง ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงแก้ไข ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ครับผม) หมายเหตุ: ผมเขียนนิทานเรื่องนี้ โดยได้แรงบันดาลใจจากกวีนิพนธ์ร้อยแก้วอลังการของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ หลายบท ครับผม
16 พฤศจิกายน 2555 05:52 น. - comment id 1251042
17 พฤศจิกายน 2555 07:35 น. - comment id 1251126
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน เรื่อง เมืองอมรกานต์ นี้ ผมเขียนเล่นๆเพื่อความสนุกสนานเท่านั้นเองครับ ฉะนั้น หากท่านผู้อ่านเกิดความบันเทิง ก็สมเจตนาของคนเขียนแล้วครับผม สวัสดีครับ คุณพจนา/หนังสือ ขอบพระคุณเป็นอเนกอนันต์ครับสำหรับภาพงามๆที่กรุณานำมาเสริม ทำให้เรื่องไร้ค่าของผม มีสีสันสดใสขึ้นอีกอักโขเลยครับผม
17 พฤศจิกายน 2555 11:31 น. - comment id 1251130
19 พฤศจิกายน 2555 16:44 น. - comment id 1251245
สวัสดีคำรบสองครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน สวัสดีครับ ท่านศรีสมภพ ขอบพระคุณท่านอย่างอเนกอนันต์ครับ สำหรับภาพประกอบ เดิมที นิทานเรื่องนี้ ผมแต่งให้มีตัวร้ายคือยักษ์ถึงสองตน แต่คิดขึ้นมาได้ว่า แค่ตนเดียว ถ้าฤทธิ์มาก แหละวางแผนลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนแยบยลก็ทำเอาป่วนทั้งเมืองได้แล้ว จึงมาแก้ไขภายหลังครับผม