ชีวิตต้องสู้ รู้ปล่อยวาง สาวร้อยเอ็ดสำเร็จการศึกษา(ปี 2526) ปริญญาตรีอังกฤษจิตแจ่มใส สอบบรรจุเป็นครูอยู่พนมไพร (โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ร้อยเอ็ด) โรงเรียนในบ้านเกิดเทิดแทนคุณ พี่ชายชวนไปนอกนิวยอร์คดู ได้เรียนรู้โลกกว้างทางเกื้อหนุน จากอายุยี่สิบห้าหน้าละมุน เก้าปีหมุนทางสู่คู่เมืองไทย ใช้เวลาสิบปีที่รักษา เทิดมารดาด้วยรักไม่ผลักไส มะเร็งร้ายพ่ายแพ้จากแม่ไป ครอบครัวให้เดินต่อขอลูกเรียน รอบที่สองกลับมาหานิวยอร์ค งานเมืองนอกลำบากหากผันเปลี่ยน อดทนสู้เพื่อลูกปลูกพากเพียร เก้าปีเรียนไม่หยุดรุดเร่งไป จากม.สองลูกเรียนเพียรศึกษา จบปริญญาสาวน้อยพลอยสดใส ได้ทุนเรียนต่อโทโอ้ดีใจ ทำงานไปเรียนให้ได้วิชา อยากเรียนแพทย์สอบต่อรอฟังผล ขออดทนต่อไปไม่หยุดหนา นำความรู้กลับบ้านงานพัฒนา ขอลูกยาก้าวไปใฝ่กรรมดี สิบแปดปีมีทุกข์สุขไม่ท้อ นิวยอร์คหนอชะตามารศรี มีงานทำมั่นคงทรงความดี พรุ่งนี้มีอะไรไม่หวั่นครวญ คู่ชีวิตไปไหนขอไปด้วย หน้าที่ช่วยกันไปไม่กำสรวล เกิดแก่เจ็บตายไปไม่รัญจวน ชีวิตล้วนกฏแห่งกรรมทำกันมา ชีวิตนี้ลิขิตเองไม่โทษใครหรือสิ่งใด ถ้าไม่ลาออกจากครูที่ได้บรรจุครั้งแรกตอนอายุ 24 ป่านนี้คงได้ดีเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน ถ้าไม่ลาออกจากกสท. ป่านนี้คงอยู่ในกทม. มีบ้านในซอยวัชรพล ถ้าไม่ลาออกจากชีวิตครูรอบสอง ป่านนี้คงได้เป็นแม่บ้านปลัดอบต.กับเป็นข้าราชการครู เพราะเป็นคนที่เบื่อง่าย ไม่อดทน หรือเพราะคงมีกรรมที่ต้องมาชดใช้ในนิวยอร์คอีก ทำให้ได้กลับมานับหนึ่งใหม่ที่นี่ด้วยความลำบากในปี2546 จากรายได้ชั่วโมงละ 7เหรียญ จากร้านซักผ้า ร้านอาหาร ผู้ช่วยพยาบาลจนสอบได้งานราชการไปรษณีย์ในปี2550 ปัจจุบันได้ระดับ6 งานราชการต่างแดนได้เป็น Supervisor ตอนอายุ52 ไม่มีอะไรที่ได้มาอย่างง่ายดาย ชีวิตมีทั้งกลีบกุหลาบและขวากหนาม นิสัยปากจัดกัดไม่ยอมใครง่ายๆ อะไรที่ผิดกฏหมายจะไม่่ทำเด็ดขาด อะไรที่ไม่ถูกต้องจะต่อต้านสุดฤทธิ์ แพ้ชนะไม่สำคัญ� ถ้าผิดก็ยอมรับผิด ขออโหสิกรรม ขออภัย ไม่อภัยก็แล้วไป ชีวิตต้องก้าวต่อไป จะตายเมื่อไหร่คงห้ามไม่ได้ ขอให้ซื่อสัตย์ ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ทำงานตามหน้าที่ มีจนมีเก็บตามประสา ทำบุญกุศลตามอัตภาพ� อย่างน้อยก็ยังมีครอบครัวที่รักกันอย่างจริงใจ ไม่โหยหาอดีต ไม่หวาดกลัวอนาคต� ทำปัจจุบันให้ดี สบายใจ อะไรจะเกิดก็คงห้ามไม่ได้ค่ะ รู้ปล่อยวาง ไปตามทางที่ควรเป็นไปเพียงใจสงบพบธรรม ขออโหสิกรรม ถ้าได้เคยล่วงเกินท่านใด ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับใครในเรื่องส่วนตัว ขออภัยอีกรอบ ไม่หนีไปไหนค่ะ เพราะรักบ้านนี้ ไม่ยึดติดใคร ขอแต่งกลอนตามใจปรารถนา ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอีกค่ะ ทำบุญกับใครไม่เทียบเท่าทำให้กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดค่ะ อย่าทอดทิ้งท่านในยามที่ท่านเจ็บป่วย ความกตัญญูจะช่วยให้ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
12 กันยายน 2555 12:59 น. - comment id 1244027
แก่นแท้ของชีวิตสิทธิ์ที่ชอบ อยู่ในกรอบศีลธรรมไม่ล้ำสิทธิ์ กาย วาจา มโนกรรม ไม่ทำผิด เอื้อชีวิตไม่พลั้งพลาด ประมาทธรรม ! อนุโมทนา....
12 กันยายน 2555 08:30 น. - comment id 1244137
วันนี้ได้คุยกับแม่ ดีใจที่แม่มีความสุข ไม่เจ็บไม่ไข้แข็งแรง แค่ได้ยินเสียงแม่ก็ชื่นใจจัง บทสนทนาของเราสองคนแม่ลูกเป็นภาษาอีสานค่ะ คิดถึงบ้านจับใจ ที่ไม่กลับบ้านทุกปีเพราะเก็บวันลาสะสมไว้เผื่อได้กลับไปดูแลแม่ในยามเจ็บป่วย ตอนนี้สะสมได้เกือบสี่เดือนแล้วค่ะ ถ้าหยุดบ่อยไม่มีสะสมพอฉุกเฉินลาไม่ได้อาจต้องออกไปเลยจะลำบากทั้งครอบครัว ชีวิตของแต่ละคนก็มีภาระต่างกันนะคะ ดูรูปเก่าด้วยกันมั้ยคะ พอได้หายคิดถึงบ้านค่ะ อนงค์นางจัดบ้านสไตล์ตัวเองค่ะ ถ้าฝนไม่ตก จะก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวจากนาของเรา ปลูกข้าวกินเองค่ะ ไก่ของญาติข้างบ้านมาหากินตามประสาไก่เอย กล้วยน้ำหว้ามีได้กินและแบ่งปันญาติพี่น้องกับได้ทำบุญตลอดปีค่ะ เก้าอี้ไม้โยกหน้าบ้าน เอาไว้นอนเล่นฟังเสียงกอไผ่ร้องเพลงคลอกับเสียงนกร้อง ด้านหลังบ้านมีห้องน้ำกับตู้เสื้อผ้ากับตู้ใส่หมอนถักที่อนงค์นางทำไว้ค่ะ ภายในบ้านหลังน้อยของเราค่ะ เราจะนั่งทานอาหารกันใต้ร่มมะม่วงข้างกองฟางค่ะ
12 กันยายน 2555 06:41 น. - comment id 1244139
พาล่องเรือเที่ยวชมนิวยอร์คค่ะ
12 กันยายน 2555 07:24 น. - comment id 1244142
ชีวิตที่คิดปล่อยวางของอนงค์นางหมายถึง ปล่อยวางอดีตที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้ ปล่อยวางอนาคตเพราะไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ ไม่ได้หมายถึงปล่อยวางทุกอย่างที่เป็นความรับผิดชอบ ไปอยู่ตามลำพังกับธรรมชาติไม่สนใจผู้คน ในโลกนี้อาจมีอะไรมากระทบจิตใจมากมายทั้งร้ายและดี จิตใจที่เข้มแข็งไม่อ่อนไหวไปกับแรงเสียดทาน ไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดใคร จะพิสูจน์ในความปล่อยวางที่ไม่ยึดตนเป็นหลักว่าทุกคนจะต้องดีต้องยกย่องเราตลอดเวลา เพราะไม่มีอะไรในโลกที่จีรังยั่งยืนให้ยึดมั่นได้ มีรัก ชัง โลภ หลง ไม่พอใจ ถูกใจ มีแต่ความสงบในใจท่ามกลางความวุ่นวาย ความไม่เข้าใจ ความคิดที่แตกต่าง อย่าคาดหวังว่าใครจะคิดหรือทำเหมือนเราได้ทุกอย่าง แม้แต่ลูกพ่อแม่เดียวกันยังต่างกันเลยค่ะ วิถีชีวิตที่ต่างกันก็แล้วแต่ใครเลือก เป็นตัวของตัวเองไม่ยึดติดใครดีกว่า ใครมีความสุขแบบไหนก็ทำไปถ้าไม่ผิดกฏหมายหรือผิดศีลธรรม อนงค์นางก็มีวิถีชีวิตแบบนี้ที่เลือกเอง อะไรที่ไม่สามารถทำได้ก็ไม่ดิ้นรน เพราะสถานภาพทำได้แค่นี้ ไม่มีทางที่จะไปตั้ต้นใหม่ที่ไหนอีกเพราะแก่ใกล้เกษียณแล้ว แค่มีเงินเดือนไว้ใช้ไม่ให้เดือดร้อนใครก็พอใจแล้วค่ะ ได้ทำบุญตามศรัทธาและกำลังก็นับว่าบุญแล้วค่ะ
12 กันยายน 2555 19:19 น. - comment id 1244280
มาชื่นชม..ชีวิตต้องสู้ รู้ปล่อยวางค่ะ
12 กันยายน 2555 18:25 น. - comment id 1244438
ความเหนื่อยยากในอดีตของคุณอนงค์นาง คุ้มค่ากับความสำเร็จที่ได้รับ ยินดีกับลูกสาวของคุณอนงค์นาง ที่จะได้เป็นคุณหมอในอนาคต
12 กันยายน 2555 18:52 น. - comment id 1244478
น่าชื่นชมมากๆครับ
13 กันยายน 2555 15:38 น. - comment id 1245026
สวัสดีค่ะท่านศรีสมภพ ขอบคุณที่แวะมาต่อกลอนทักทายกันนะคะ อนงค์นางไม่หวาดหวั่นกับคนที่คิดร้ายเลยค่ะ จะดีชั่วอยู่ที่ตัวเอง ไม่โต้ตอบใครจะว่าอย่างไรก็ตามใจเขา เรานิ่งเสียแล้วเขาจะละอายใจเอง ไม่ต้องแก้ตัวหรือด่าตอบ ใจเราสงบไม่เต้นไปตามเขา มีมิตรดีๆไม่กี่่คนก็พอแล้วค่ะ
13 กันยายน 2555 15:40 น. - comment id 1245028
สวัสดีค่ะคุณดิน ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจค่ะ
13 กันยายน 2555 15:42 น. - comment id 1245029
สวัสดีค่ะน้องสุริยันต์ ขอบคุณมากที่แวะมาทักทายนะคะ
13 กันยายน 2555 15:44 น. - comment id 1245030
สวัสดีค่ะคุณไหมแก้วฯ ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาอ่านและทักทายกันนะคะ
13 กันยายน 2555 17:49 น. - comment id 1245187
ความเหนื่อยยากในอดีตเป็นแรงหนุน ในปัจจุบัน ค่ะ
13 กันยายน 2555 23:11 น. - comment id 1245220
สวัสดีค่ะคุณร้อยฝัน เหนื่อยเพียงใดก็ทนได้เพื่อแม่และลูกๆค่ะ ขอบคุุณที่แวะมาทักทายนะคะ
11 ตุลาคม 2555 06:43 น. - comment id 1248525