รอคอยมาครบปีมีหนึ่งครั้ง เข้าวัดฟังเทศน์มหาชาติไม่ขาดหนา พากันไปทำบุญอุ่่่นใจนา เป็นมหากุศลผลกรรมดี มีสิบสามกัณฑ์พร้อมพันคาถา ย่อมเกิดอานิสงส์คงราศี ที่สอนให้ทุกยามทำความดี อย่าตระหนี่ในใจให้ทำบุญ หนุนสืบทอดพระศาสนาค่าไพศาล บริจาคทานไม่คิดจิตเคืองขุ่น บุญกุศลเพียรสร้างทางค้ำจุน ไม่หมกมุ่นยึดติดอนิจจัง ฟังพุทธวจนะให้สละละตัณหา คัมภีร์มหาชาติดีมีมนต์ขลัง ตั้งแต่ครั้งสุโขทัยไทยได้ฟัง จนกระทั่งปัจจุบันสำคัญนาน การเทศน์มหาชาติ คือการร่ายยาวหรือการเล่าเรื่องมหาเวชสันดรชาดก ว่าด้วยพระบุพจริยาของพระพุทธองค์ในอดีตชาติ เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเวชสันดรบรมโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นชาติสุดท้ายก่อนจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องที่เหมาะสมจะเชิดชูขึ้นเป็นหลักเป็นประธานในการเสริมสร้างอัธยาศัยของคนในชาติ จัดให้มีขึ้นตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งบางคนเชื่อว่าคัมภีร์มหาชาตินั้นเป็นพุทธวัจนะซึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานเทศนาแก่พระภิกษุสงฆ์ พุทธบริษัท พณ นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ หากผู้ใดได้สดับย่อมเกิดสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลเป็นกุศลบุญราศีสืบไป ดังนั้น การเทศน์มหาชาติคือมหากุศลที่เตือนบุคคลให้น้อมรำลึกถึงการบำเพ็ญบุญ คือความดีที่ยิ่งยวด อันมีการสละความเห็นแก่ตัวเพื่อผลประโยชน์สูงอันไพศาลของมวลมนุษย์ชาติเป็นสำคัญ เป็นเทศกาลที่คงความหมายอย่างแท้จริง เทศน์มหาชาติ สอนให้คนรู้จักทำความดี ประกอบกรรมดี รู้จักการบำเพ็ญบุญ บริจาคทาน สละความเห็นแก่ตัว สละทรัพย์เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นการลดความตระหนี่ในใจ ลดความเห็นแก่ตัว หรือการทำให้ไม่ยึดติดกับสิ่งที่เป็น รูป รส กลิ่น เสียง ที่เป็นอนิจจัง เพราะเวลาตายไปแล้วไม่มีใครเอาเงินทองไปได้ มีแต่ความดีและความชั่วเท่านั้นที่สามารถเอาไปได้ในภพหน้านั่นเอง� ชาวพุทธนิยมฟังเทศน์มหาชาติ ซึ่งพุทธศาสนิกชนทุกคนต่างมีความเชื่อว่าเป็นพุทธวจนะซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสประทานแก่พระภิกษุและพุทธบริษัท การได้ฟังพุทธวจนะย่อมเกิดอานิสงส์และกุศลราศีแก่ตน นอกจากนี้ยังเนื่องมาจากความเชื่อเรื่องศาสนอันตรธาน คือความเสื่อมของพระศาสนาด้วยเหตุ ๕ ประการ ที่เรียกว่า ปัญจอันตรธาน ได้แก่� ๑. ประยัติอันตรธานคือความสูญสิ้นผู้ศึกษาเล่าเรียน� ๒.ปฏิบัติอันตรธานคือความสูญสิ้นของการปฏิบัติธรรม� ๓.ปฏิเวธอันตรธานคือความสูญสิ้นการตรัสรู้อริยมรรคอริยผล� ๔.สังฆอันตรธานคือความสูญสิ้นพระภิกษุสงฆ์ ๕. ธาตุอันตรธานคือความสูญสิ้นของพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ดังนั้น การเทศน์มหาชาติจึงเป็นการสนับสนุนให้มีการศึกษาปริยัติสัทธรรมและเป็นการสืบทอดพระศาสนาอีกด้วย จึงเชื่อกันว่าผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติหรือเวสสันดรชาดกครบ ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถา จบภายในหนึ่งวันและบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนแต่ละอย่างให้ครบพัน นิยมว่าเป็นสิริมงคลแม้น้ำที่ตั้งไว้ในมณฑลพิธีก็ถือกันว่าเป็นน้ำมนต์ อาจจะบำบัดเสนียดจัญไรได้ และจะได้ผลานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ๕ ประการ คือ ๑. จะได้เกิดมาในยุคศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งจะมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคต ๒. เมื่อดับขันธ์จะได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติอันโอฬาร ๓.จะไม่เกิดในอบาย (ไม่ตกนรก) เมื่อตายไปแล้ว ๔. จะเป็นผู้มั่งมีลาภยศ สรรเสริญ ไมตรี และมีความสุข ๕. เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนา จะได้รับมรรคผล นิพพานเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา และถึงความพ้นทุกข์�
27 สิงหาคม 2555 17:40 น. - comment id 1243624
27 สิงหาคม 2555 17:46 น. - comment id 1243627
การเทศน์มหาชาติได้กำหนดเอาเรื่องราวของพระเวสสันดรโดยมี เนื้อหากัณฑ์เทศน์มหาชาติทั้ง 13 กัณฑ์โดยย่อมาเล่าแบบเบา ๆ บ้าน ๆ มีดังนี้ 1.กัณฑ์ทศพร ว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้าหวนกลับบ้านเกิดเมืองนอนคือเมืองกบิลพัสดุ์ อยู่วัดต้นไทรย้อย ได้แสดงฤทธิ์แก่มวลญาติเกิดฝนตกลงมาห่าใหญ่ พระสาวกเห็นเป็นอัศจรรย์ได้ถามและพระองค์ก็เล่านิทานเมื่อครั้งเกิดเป็นพระเวสสันดร 2. กัณฑ์หิมพานต์� ว่าด้วยเรื่องเทพธิดาลงมาเกิดเป็นลูกกษัตริย์มัทราชได้ชื่อว่า ผุสดี พออายุ 16 ปีได้แต่งงานกับพระเจ้ากรุงสญชัยเมืองสีพี เกิดมีครรภ์พอครบ 10 เดือนพระนางผุสดีก็คลอดพระโพธิสัตว์นามว่าพระเวสสันดร มีช้างคู่บารมีชื่อปัจจัยนาเคน พออายุ 16 ปีก็แต่งงานกับพระนางมัทรี มีลูกน้อยชื่อชาลีและกัณหา ��� ต่อมาเมืองกลิงคะเกิดข้าวยากหมากแพง ชาวเมืองมาขอช้างจากพระเวสสันดร� พระองค์ให้ทานช้าง� ทำให้ชาวเมืองไม่พอใจไปขอพระเจ้ากรุงสณชัยให้เนรเทศพระเวสสันดรไปเขาวงกต 3. กัณฑ์ทานกัณฑ์� ว่าด้วยเรื่องพระมารดาร้องขออภัยโทษพระเวสสันดรแต่ผิดหวัง� พระเวสสันดรให้ทานใหญ่แล้วขออำลาไป 4. กัณฑ์วนปเวสน์� ว่าด้วยเรื่อง 4 กษัตริย์เดินดงไปเขาวงกต แคว้นเจตราช พระเจ้าเจตราชสั่งให้พรานเจตบุตรรักษาด่านไว้ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนพระเวสสันดร 5 . กัณฑ์ชูชก� ว่าด้วยเรื่องเฒ่าชูชกขอทานได้เอาไปฝากเพื่อน� พอมาทวงคืนเพื่อนได้ใช้เงินหมดแล้วเลยยกลูกสาวชื่ออมิตตดา� ต่อมานางให้ชูชกไปขอชาลีกัณหาเพื่อเอามาเป็นทาสรับใช้ 6 . กัณฑ์จุลพน ว่าด้วยเรื่องป่าน้อยชูชกไปเจอพรานเจตบุตรลวงให้เชื่อว่านำสารของพระเจ้ากรุงสณชัยมาส่งให้พระเวสสันดรเพื่อกลับคืนพระนครและพรานป่าก็เชื่อด้วยนะ 7 . กัณฑ์มหาพน� ว่าด้วยเรื่องป่าใหญ่ ที่ชูชกไปพบพระอจุตฤาษีลวงว่าเป็นนักบวชจะมาคุยธรรมะกับพระเวสสันดร พระฤาษีก็หลงเชื่อให้ที่พักค้างคืนซ้ำบอกแนะนำเส้นทาง ไปเขาวงกตด้วย 8 . กัณฑ์กุมาร� ว่าด้วยเรื่อง ชูชกไปถึงที่อยู่พระเวสสันดรช่วงพระนางมัทรีไปป่าหาผลไม้ก็รีบไปขอสองลูกน้อย ทั้งชาลีและกัณหาได้ยินพากันหนีลงไปในสระบัวบังกายไว้ พระองค์ไปเรียกหาเอามายกให้ชูชก 9 . กัณฑ์มัทรี� ว่าด้วยเรื่อง พระอินทร์สั่งให้เทวดาแปลงกายมาเป็น 3 เสือขวางทางไม่ให้พระนางมัทรีกลับมาทันเหตุการณ์การยกลูกให้เป็นทาน เมื่อกลับมาถึงหาลูกน้อยไม่พบ พระเวสสันดรก็ไม่ตอบ� พระนางเป็นลมสลบเมื่อฟื้นขึ้นมาพระเวสสันดรเลยบอกความจริง 10 . กัณฑ์สักกบรรพ ว่าด้วยเรื่องพระอินทร์แปลงกายเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี เมื่อพระเวสสันดรยกให้แล้วก็ฝากไว้ให้รับใช้พระเวสสันดรตามเดิมแล้วปรากฏตนเป็นพระอินทร์ 11 . กัณฑ์มหาราช� ว่าด้วยเรื่องชูชกพาชาลีกัณหาเดินดงหลงเข้าไปกรุงสีพีเพราะเทวดาดลใจ พระเจ้าปู่เลยไถ่เอาหลานไว้ พร้อมเลี้ยงดูชูชก แกกินมากจนท้องแตกตาย ฝ่ายพระเจ้ากรุงสญชัยได้จัดกองทัพไปอัญเชิญพระเวสสันดรกลับคืนวังและชาวเมืองกลิงคะก็คืนช้างคู่บารมีพอดี 12 . กัณฑ์ฉกษัตริย์� ว่าด้วยเรื่อง 6 กษัตริย์มาพบกันเกิดสลบไปทั้งหมด� ร้อนถึงพระอินทร์รู้เหตุเลยบันดาลให้ฝนตกใหญ่ ( ฝนโบกขรพรรษ ) เมื่อทั้งหมดฟื้นคืนชีพแล้วได้ขออภัยต่อพระเวสสันดรและเชิญเข้าไปปกครองกรุงสีพี 13 . กัณฑ์นครกัณฑ์� ว่าด้วยเรื่องผลแห่งทาน� ผลแห่งศีล� และผลแห่งพระบารมี 30 ทัศ ของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ เมื่อกลับมาถึงกรุงสีพีแล้วบังเกิดฝนใหญ่ตกลงมาสร้างความชุ่มชื่นร่มเย็นแก่ชาวเมืองสีพี พระเวสสันดรครองนครสีพีจนอายุ 120 ปีจึงสวรรคต ไปเกิดเป็นเทพบุตรชื่อว่าสันตุสิต อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตก่อนที่จะมาเกิดเป็นพระสิทธัตถะกุมารนั้นแล. � ........................................... ขอบคุณข้อมูลจากดร.อุทัย เอกสะพัง มหาวิทยาลัยทักษิณ www.gotoknow.org
27 สิงหาคม 2555 19:25 น. - comment id 1243631
เคยฟังครั้งหนึ่งสมัยเด็ก..มีพระแหล่ด้วย. เป็นเหมือนละครเวทีเลย
27 สิงหาคม 2555 23:52 น. - comment id 1243643
สวัสดีค่ะน้องมวลภมร ปัจจุบันพระท่านเทศน์เป็นแหล่เหมือนเดิมนะคะน้อง ไพเราะมากค่ะ ฟังแล้วไม่เบื่อเลย มีบุญมาฝากน้องด้วยนะคะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ
28 สิงหาคม 2555 12:45 น. - comment id 1243673
http://www.youtube.com/watch?v=XRJZx7EOJa0&feature=related
28 สิงหาคม 2555 13:35 น. - comment id 1243680
บอกตรงๆ ยังไม่เคยฟังเทศน์มหาชาติเลยจ้ะ คงต้องหาโอกาสไปฟังบ้างแล้ว
28 สิงหาคม 2555 15:07 น. - comment id 1243684
สวัสดีค่ะพี่พุด ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาเยี่ยมน้องนะคะ
28 สิงหาคม 2555 15:55 น. - comment id 1243689
สวัสดีค่ะคุณดิน อนงค์นางกับครอบครัวได้ฟังครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วค่ะ ประทับใจมาก ปีนี้เลยพากันไปฟังอีก ร่วมเป็นเจ้าภาพสองกัณฑ์คือกัณฑ์มัทรีและนครกัณฑ์ค่ะ เวลาพระเทศน์เสร็จแต่ละกัณฑ์จะมีเด็กแต่งกายเป็นกัณหาชาลี เดินอุ้มบาตรรับบริจาค สามีจะแลกเงินเป็นแบงค์ย่อยไว้ให้ใส่บาตร ได้ตักบาตร ถวายสังฆทาน กรวดน่้ำ ฟังเทศน์ครบ 13กัณฑ์ อิ่มบุญกลับบ้านกันถ้วนหน้าค่ะ อานิสงส์ผลบุญมีจริงนะคะคุณดิน เมื่อจิตใจเราสบายอิ่มบุญ เราจะไม่อยากทำบาปอะไรเลยค่ะ นั่นคือผลจากกรรมดี อนงค์นางมีกัลยาณมิตรที่วัดมากมายหลายวัย อาทิตย์ที่ 9 กันยายน จะมีการบวชชีพราหมณ์ มีพระสงฆ์มาร่วมงาน150 รูปเพื่อทำบุญครบรอบการมรณภาพของ พระเทพกิตติโสภณ เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมปทีปนิวยอร์คค่ะ อนงค์นางรอคอยจะไปร่วมบวชชีพราหมณ์และสวดทำนองสารภัญญะกับญาติโยมด้วยค่ะ มีเปิดสอนธรรมศึกษาเพื่อเตรียมสอบเป็นนักธรรมตรี อนงค์นางจะสมัครเรียนเดือนหน้า พร้อมกับเป็นครูอาสาไปด้วย วันหยุดวันอาทิตย์สามีพาไปซักผ้าที่ร้านตั้งแต่ตีห้าค่ะ แล้วก็ทำอาหารไปถวายเพล สอนหนังสือเด็ก เป็นนักศึกษาธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิเจริญภาวนา กว่าจะกลับบ้านก็ห้าโมงเย็น โชคดีีสามีและลูกสนับสนุนทุกอย่างค่ะ เวลาไปทำงานจะมีความสุข สนุกกับงาน ให้บริการลูกค้าได้ดีเพราะใจเราอิ่มบุญ สะสมไว้ทุกวันอาทิตย์ ไม่ไปเที่ยวกลางคืน รักษาศีลห้า ผิวพรรณหน้าตาก็สดใสกว่าวัย 52 แล้วค่ะปีนี้ มีแต่คนทักว่ายังสาวอยู่เลย ไม่ต้องไปเสียเงินทำศัลยกรรมที่ไหน ทำบุญทำทานบ่อยๆ มีน้อยทำน้อย มีมากทำมาก ส่งเงินให้แม่ใช้ทุกเดือนๆละ300 เหรียญ แม่ก็ชอบเข้าวัดทำบุญเหมือนกันค่ะ ไม่ได้ทำเฉพาะที่วัดอย่างเดียว อนงค์นางจะทำกับมูลนิธิต่างๆทั่วโลกอีกปีละหกแห่ง โดยให้ต้นสังกัดหักเงินณ.ที่จ่าย ทุกเดือนๆละสองครั้ง เป็นโครงการของไปรษณีย์ค่ะ จะมีลิสต์ให้เราเลือกว่าอยากบริจาคให้องค์กรไหน ส่วนมากจะเลือกช่วยผู้่่่ป่วยโรคร้าย ช่วยสตรี เด็กและคนชรา ก็หมุนเวียนเปลี่ยนกันไปทุกปีค่ะ
29 สิงหาคม 2555 10:54 น. - comment id 1243752
พระพุทธเจ้าโปรดอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ในปาฏิหาริย์ 3 อย่าง พระพุทธเจ้าทรงโปรดอนุสาสนีปฏิหาริย์กว่าปาฏิหาริย์อื่นอีกสองอย่าง เพราะอะไร ? เพราะไม่ใช่ตัวแท้ของพระพุทธศาสนา และไม่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงพระพุทธศาสนา สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการเกิดของพระพุทธศาสนา และเป็นตัวพระพุทธศาสนาคือความรู้ที่ทำให้ดับกิเลสดับทุกข์ได้ เรียกชื่ออย่างหนึ่งว่า อาสวักขยญาณ แปลว่า ญาณที่ทำอาสวะให้สิ้นไป แต่มนุษย์จะสนใจปาฏิหาริย์ข้อ 1- 2 มากว่า ปาฏิหาริย์ 3 อย่างดังนี้ 1. อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์ต่างๆ 2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ การทายใจคนอื่นได้ 3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ คำสอนที่เป็นจริง สอนให้เห็นจริงและนำไปปฏิบัติได้ผลสมจริง อนุโมทนาบุญกับแม่นางด้วยนะ..
29 สิงหาคม 2555 12:18 น. - comment id 1243764
สวัสดีค่ะท่านศรีสมภพ ขอบคุณมากนะคะกับบทความที่นำมาแบ่งปันกันให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้อีก แม่นางยึดคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เรื่องมรรคแปด พรหมวิหาร4 ศีลห้าของฆราวาส ศีล ทาน ปัญญา สมาธิ เป็นหลักค่ะ การที่จะไปสู่นิพพานได้นั้น เป็นการยากที่จะบาเพ็ญภาวนา นั่งสมาธิ อย่างเดียว ต้องมีการทำบุญทำทานสะสมไว้ด้วย การให้ทานเป็นการลดความตระหนี่ จะเป็นในรูปแบบใดก็ดี แม่นางชอบเข้าวัดเพราะมีกิจกรรมที่เราได้ทำเพื่อศาสนาและเพื่อผู้อื่นอยู่ตลอด ไม่นิยมการไปปลีกวิเวกตามป่าเขา ไม่ยึดติดธรรมชาติหรือความเงียบสงบเพราะเป็นผู้หญิง ยังหวาดกลัวกับภัยต่างๆรอบกายค่ะ ที่ร้อยเอ็ดมีวัดผาน้ำย้อยอยู่บนเขา สวยงามเหมือนแดนสวรรค์ เคยไปมาแล้วก็ไม่ยึดติดค่ะ เพราะสวรรค์นั้นอยู่ในใจ มิใช่สถานที่หรือความงามของธรรมชาติ ถ้าใจไม่สงบแล้วจะไปฏิบัติธรรมที่ใดก็ไม่อาจบรรลุได้ ขอแบบพอเพียงใกล้บ้านเดินทางไม่ไกลมาก ไปกับครอบครัว มีกัลยาณมิตรที่ศรัทธาเหมือนกันก็พอใจแล้วค่ะ จะนิพพานเมื่อไหร่ก็ไม่ขอไปก่อนใคร ไปเป็นทีมดีกว่านะคะ โดยเฉพาะจะไม่ทิ้งครอบครัวไปกับคนอื่น มีพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ในใจตลอดเวลาค่ะ ไม่ศรัทธายึดติดใคร นอกจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่าวัดนั้นดังวัดนี้ดี แม่นางไม่ตามใครค่ะ ที่นิวยอร์คก็มีหลายวัด แต่ไปวัดเดียวเพราะใกล้บ้าน ไม่ได้เพราะปรารถนาในปาฏิหารย์ใดๆเลยค่ะ แค่ใจได้บุญก็สงบสุขแล้วค่ะ ปฏิบัติธรรมที่ไหนก็เหมือนกันค่ะ จะอยู่บนเขาหรือบนดินคงไม่ต่างกัน เพราะสมาธิที่นิ่งนั้น สภาพแวดล้อมจะไม่ค่อยมีผลมากนักสำหรับแม่นางนะคะ ใครที่คิดต่างกันก็ขออภัยด้วยค่ะ
30 สิงหาคม 2555 09:37 น. - comment id 1243821
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้
30 สิงหาคม 2555 16:09 น. - comment id 1243846
สวัสดีค่ะคุณพจนา/หนังสือ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและทักทายกันค่ะ