อันอมาตย์ใหญ่น้อย ครองเมือง มีเผ่าชนสีเหลือง ห่มคุ้ม กลัวไทยใฝ่รุ่งเรือง จึงบ่ ยอมมนา เขาฆ่าประชาธิปไตยตุ้ม แย่แล้วผองไทย
22 กรกฎาคม 2555 14:00 น. - comment id 1239298
ช่ายยยย วีรนุช
22 กรกฎาคม 2555 14:41 น. - comment id 1239299
แหกกระแชงตะแบงไม่ฟังใคร รัฐธรรมนนูญเขียนไว้ก็บิดผัน รับเรื่องเองพิพากเองเก่งตะบัน อำนาจใครช่างมันใหญ่เสียเอง หากยอมรับรัฐธรรมนูญที่เขียนใหม่ รับเรื่องได้อัยการก็หงายเก๋ง ออกความเห็นรัฐบาลยอมแลเล็ง ประเทศไทยต้องเจ๊งอย่างแน่นอน จะยอมรับไม๊ล่ะ ไม่ใช่คำพิพากษานะเรื่องประชามติหรือการร่างรัฐธรรมนูญเพราะไม่มีอำนาจมาแต่ต้น เปิดสภารู้กัน
22 กรกฎาคม 2555 18:20 น. - comment id 1239312
สีเหลือง สีขี้ปากคาบโกเต็กซ์ด้วยใช่ป่ะ
22 กรกฎาคม 2555 19:57 น. - comment id 1239321
ขอบคุณ ที่เขียนโคลงถูกใจให้ได้อ่านครับท่าน
23 กรกฎาคม 2555 08:45 น. - comment id 1239400
ท่าทางแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้คุณทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทยอย่างเท่ห์ ๆ คงจะประสบกับความยากลำบากมากขึ้น หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไขทั้งฉบับจำเป็นต้องไปทำประชามติ หากไม่อยากทำประชามติก็ต้องไปแก้ไขรายมาตรา แค่ 2 ทางเลือกนี้ก็ทำให้พรรคเพื่อไทยแทบจะเดินต่อไปไม่ถูก เพราะการทำประชามติไม่ใช่เรื่องง่าย เช่น ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน และจะต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่มาใช้สิทธิ์ เท่านั้นไม่พอ หากพิสูจน์ได้ว่า การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของ ส.ส.หรือ ส.ว. ก็จะถูกยื่นถอดถอนอีก เนื่องจากเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ครั้นจะหันมาแก้รายมาตรา ก็ไม่ต่างจากแก้ผ้าเดินให้ชาวบ้านเห็นไส้เห็นพุงทั้งหมด ถ้าลองเสนอแก้มาตรา 309 หรือมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการลบล้างผลการสอบสวนของ คตส. ก็จะถูกโจมตีว่า เป็นการล้างโทษให้พวกเดียวกันเอง ท้ายสุดพอเกิดแรงต้านมาก ๆ ก็จะแก้ไขไม่ได้ แต่นั่นก็ยังไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากการสุ่มตัวอย่างทั่วประเทศโดย เอแบคโพลล์ ครั้งล่าสุด ซึ่งมีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้ 79.6 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าความขัดแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่จบลง หลังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ 52.7 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า ศาล จะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 61.4 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อว่า รัฐสภา จะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 65.2 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อว่า วุฒิสภา จะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 66.7 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อนายกรัฐมนตรีจะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 67.2 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อกองทัพ จะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 68.8 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 71.6 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านจะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ 62.9 เปอร์เซ็นต์คิดว่า การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญแล้วความวุ่นวาย ความขัดแย้งจะยังไม่จบลง เพราะการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฝ่ายการเมืองเอาแต่แย่งชิงอำนาจ เห็นตัวเลขที่สะท้อนความรู้สึกโดยภาพรวมของคนไทยทั้งประเทศออกมาอย่างนี้แล้ว แทบมองไม่เห็นหนทางว่าพรรคเพื่อไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ เพราะนอกจากจะต้องแก้ปัญหาเทคนิคทางกฎหมายแล้ว ยังต้องแก้ไขความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์ของประชาชนอีก หากพรรคเพื่อไทยดึงดันจะเอาให้ได้ ก็เท่ากับสร้างเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามปลุกม็อบขึ้นมาต้าน และนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาลอีกรอบ เรียกได้ว่า เดินเข้าทางปืน อย่าลืมว่า ความขัดแย้งทางการเมืองของไทยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2548 หรือประมาณ 7 ปีแล้ว ประชาชนรู้สึกเบื่อเต็มทน เพราะนักการเมืองต่างฝ่ายต่างพูดแต่เรื่องของตัวเอง จนละเลยปัญหาของประชาชนที่สะสมกลายเป็นดินพอกหางหมู ความไม่พอใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญและอาการไร้ความศรัทธาต่อนักการเมืองที่แสดงผ่านเอแบคโพลล์จะทำให้พรรคเพื่อไทยขาดความชอบธรรมในการทำประชามติ ขืนทำไปก็แพ้ แล้วยิ่งมีความเห็น 52.7 เปอร์เซ็นต์หรือเกินครึ่งเชื่อว่า ศาล จะช่วยลดความขัดแย้งลงได้ ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับสถาบันตุลาการ เมื่อคนเชื่อศาล ก็เท่ากับเชื่อถือความเป็นธรรมในคำตัดสิน ซึ่งรวมไปถึงการตัดสินจำคุกคุณทักษิณ 2 ปี จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณทักษิณและบริวารจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมและใช้เป็นข้ออ้างในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
23 กรกฎาคม 2555 09:14 น. - comment id 1239402
เอ้า ฟายแดงทั้งหลาย ตูเห็นแต่พวกฟายแดง อะไรที่ไม่ตรงกะฟายแดง มันก้อเตรียม ขวิดทุกคนนี่หว่า ฟายแดงครองเมืองมากกว่านะ จิงปะฟายแดงทั้งหลาย หิวหญ้าก้อบอกนะพ่อมีเยอะ
23 กรกฎาคม 2555 10:06 น. - comment id 1239407
อำหมาด ๆมันก็ครองเมืองอยู่แล้วนี่ครับ หรือว่าทาส ทาสแน่นอนทาส คนชั่วตระกูลชิน