เข็มนาฬิกากระดิกเดิน สายลมหยอกเอินกับยอดไม้ รอยยิ้มแห้งแล้ง ใต้แสงไฟ ระเบียงดาววับไหว อยู่ไกลตา ไม่ทันได้เอ่ยคำขอบคุณ โลกที่กำลังหมุนอยู่ช้าๆ บางบทตอนเยือนย้ำว่าอำลา กับเรื่องราวผ่านมาแล้วผ่านไป เล่าเรื่องเด็กอมมือ ถือไม้ขีด ข้างกำแพงคอนกรีตบ้านใกล้ๆ ตะเกียงน้ำมันคลุ้งฟุ้งกลิ่นไอ หาผ้าดิบทำไส้ไส่ตะเกียง เหลียวซ้ายและขวาตามองไป เรไรขับทำนองของงานเลี้ยง จดจารถ่ายทอดถอดสำเนียง ขโมยเสียง ต่างผ้า มาเชยชม เด็กชายพิงหลังแล้วนั่งนิ่ง มองเพื่อนไล่วิ่งกันเสียงขรม เขาเล่นซ่อนหา ปิดตากลม เงยก้มใบ้บอกอยู่นอกชาน เบือนหน้ามองผนังอีกฝั่งหนึ่ง โซ่ตรวนความคิดถึงก็ตรึงพล่าน แว่วเสียงของยายยังกังวาน จากหายไปนานจนป่านนี้ วิทยุตั้งเปล่าอย่างเหงาเงียบ เผลอหลับพับเพียบตอนตีสี่ ผีพนันอยู่ยามราวี ห้องนอนคืนนี้ไม่มียาย ก่อนเคยวนวิ่งช่วยปิ้งปลา ตำน้ำพริกรอท่าก็ห่างหาย ผักชะอม เนื้อทอด ก็วอดวาย เหลือทิ้งเปล่าดายไร้คนชิม เรื่องราวเด็กชายผ่านสายตา เหมือนใครตัดหน้ามาตอกลิ่ม รั้วระแนงตีขอบอยู่รอบริม ดอกไม้ซ่อนยิ้มอยู่ริมทาง มะขามเทศร่วงกราวเต็มราวพื้น โสนยืนต้นเรียงอยู่เคียงข้าง ฟ้าหม่นกร่นเกลื่อนอยู่เรือนราง หูกวางโยกใบไสวเอน
3 กรกฎาคม 2555 08:07 น. - comment id 1235996
ยายกะหลานห้วงกาลหนึ่ง หวนคะนึงถึงเรื่องเก่า นึกย้อนไปครั้งวัยเยาว์ หลายเรื่องราวที่เล่าฟัง ความเหงาเหมือนเงาเงื้อม บังอาจเอื้อมเชื่อมความหลัง ความทรงจำย้ำประดัง มิอาจยั้ง..คะนึงเยือน ย้อนเวลาหาอดีต.. คงเหมือนกัน !
2 กรกฎาคม 2555 13:01 น. - comment id 1236429
เมื่อยามเหงาเปล่าว่างค้างอารมณ์ ภาพเรื่องราวสุขสมครั้งเก่าก่อน ก็แจ่มชัดในห้วงความอาวรณ์ ระลึกย้อนวัยเด็กเล็กรุ่นเดียว เล่นขายของเธอเป็นแม่ฉันเป็นพ่อ ผ้าขาวม้าขึงต่อเป็นห้องเปลี่ยว เล่นใกล้ชิดสนิทสนมต่างกลมเกลียว ตะเวณเที่ยวเฮฮาประสาเยา ถึงวันนี้โลกกว้างอ้างว้างนัก ซึ้งประจักษ์นิยามของความเหงา ไม่มีเหลือเรื่องราวระหว่างเรา มีแต่เขา..คนอื่นที่ขื่นใจ มองต้นคูนช่อหายกลายเป็นฝัก เหมือนความรักเคยเยือนเลือนไปไหน พวงระย้าเหลืองอร่ามยามลมไกว ธรรมชาติเป็นไปไม่จีรัง ความเหงาเดี๋ยวก็หายไปเหมือนกัน.ถ้ามีใครยิ้มให้สักคน
2 กรกฎาคม 2555 14:23 น. - comment id 1236462
กำลังร้องเพลงรอมาพอดี ยังคงตีฝาห่างอยู่อย่างเดิม ชอบ.
2 กรกฎาคม 2555 17:53 น. - comment id 1236575
เป็นความเงาที่งดงามจริงๆครับ เพียงอาทิตย์ทอดหลบลงซบน้ำ ไอแดดจางรุกร้ำโดยความมืด ชาเย็นชงขับร้อนตกตะกอนจืด สายลมชืดเฉีอนผิวอย่างกริ้วกราด จันทร์เคยชมกลมดิกพลิกเพียงเสี้ยว กลายเป็นเคียวไร้ตัวกระต่ายวาด เสียงยายร้องจันทร์เอ๋ย...ครั้งเคยหยาด หยดรินสาดส่งเหงาแล้วเผาไฟ แสงจากไขเทียนดับห้องหับมืด ความเหงายืดยาดหนีหาทีไล่ ยายดับเทียนด้วยมือมิร่ำไร ร้อนหรือไม่ยายทนหลานตนนอน เสียงเอะอะโวยวายของอึ่งกบ ยายฟังจบเปิดทรานซิสเตอร์ถ่านสี่ก้อน จำเรื่องราวเล่าผ่านงานละคร กางมุ้งนอนข้างหลานงานประจำ ลมอู้อี้เอื่อยเอื่อยอยู่เรื่อยเรื่อย ตำลึงเลื้อยเตรียมยอดยามสิ้นค่ำ ดอกใบมะขามเริ่มเริงระบำ พอเช้าย่ำก็ตื่นขึ้นครื้นเครง แต่กว่าค่ำจะผ่านไปในไม่ช้า ตีสี่ยายตื่นมาทำมื้อเก่ง ต้มจืดฟัก ผัดถั่ว พริกคั่วเอง หลานตื่นชิมแล้วเร่งไปโรงเรียน เสียงฉกรรจ์หนุ่มสาวสนทนา เพื่อนบ้านข้างชายคาหลานตาเปลี่ยน บ้างบางคราวนแวะกันเยี่ยมเยียน กลับครั้งนี้วนเวียนข้างรั้วเรือน ข่าวประกาศผ่านคลื่นวิทยุ สังคมผุพังด้วยฤทธิ์ยาเถื่อน ผีพนันขยันแทงมาแรมเดือน อาจเป็นเพื่อนบ้านเองจงเกรงกัน แว่วกรอบแกรบเสียงกบอพยบหนี อีกใกล้สิ้นราตรีหรี่แรงฝัน ขยับใกล้ใช่กบแล้วครานั้น ยายล้มพลันสิ้นลาแล้วครานี้ ไก่ชนคึกครื้นขานปลุกหลานยาย เร่งอาบน้ำเดี๋ยวสายตามหน้าที่ แต่งตัวเสร็จ มื้อเก่งยายกลับไม่มี บนไฟหรี่หม้อเดือดฟักเลือดยาย