ทุรยุค ทุกข์เยือน ทำมาหากินถิ่นนี้ ที่นี่เนิ่นนานปานไหน? สืบเนื่องเรื่องราวยาวไกล บรรพชนยิ่งใหญ่ให้มา กรากกรำทำกินถิ่นเก่า เขตเหย้าเคยอยู่ปู่ย่า ยุคใหม่ใคร่เทินเงินตรา จึ่งค้าที่ขาย... ง่ายครัน เสร็จสรรพกลับเปลี่ยนเวียนหมุน แปลงที่เป็นทุน ผลุนผลัน รวบรัดจัดแจงแบ่งปัน หฤหรรษ์กำไรได้งาม ทั้งชาติ ต่างชาติยาตรคล่อง เข้าครองส่วนหนึ่งในสาม นี่หรือคือไทยไกรนาม? หรือยามทุรยุค ทุกข์เยือน? โศกหนอธรณีมี่ไห้ ลูกไทยหลานไทยไล่เฉือน ทิ้งขว้างต่างแปรแชเชือน ดูเหมือนเกเรเนรคุณ (๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕) หมายเหตุ ผมเขียนงานชิ้นนี้ขึ้นโดยอาศัยแรงบันดาลใจจากกาพย์ยานีของท่านศรีสมภพ ซึ่งแสดงความคิดเห็นไว้ (ความเห็นที่สอง) ในกระทู้กลอน หาไท ซึ่งผมนำลงเว็ปไซต์ของบ้านกลอนไทย www.thaipoem.com ครับผม
17 มีนาคม 2555 21:55 น. - comment id 1227742
ทุรยุคขุคเข็ญทุกหย่อมหญ้า จะทำนาขายค้าไม่เห็นผล ชาวประชาหน้าดำจำต้องทน เหมือนถูกปล้นเม็ดเงินเขาเพลินใช้ อิอิ ก็ดูงบประมาณที่เขาเอาจากภาษีประชาชนไปสิ โครงการณ์สวยหรูบนความทุกข์ยากของประชาชน ในการจัดทำ "ร่างแผนพัฒนาขีดความสามารถกระทรวงกลาโหม ปี 2554-2563 (Modernization Plan : Vision 2020)" จะมีแผนการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ขนานใหญ่ แผนดังกล่าวได้กำหนดความต้องการโครงการพัฒนา และจัดหายุทโธปกรณ์หลัก แบ่งเป็น ความต้องการระดับสูงสุด 332 โครงการ วงเงิน 1,307,731.413 ล้านบาท และความต้องการระดับต่ำสุด 301 โครงการ วงเงิน 770,392.413 ล้านบาท งบส่วนนี้ยังรวมถึงการจัดตั้งหน่วยทหารขนาดใหญ่ในระดับ "กองพล" ถึง 2 กองพลด้วย นั่นคือ กองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) ที่ จ.เชียงใหม่ และกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ที่ จ.ขอนแก่น จำได้ไหม ตั้งกรมทหารตามความเห็นของใคร ประเทศนี้เอาเงินไปทำอะไรกันหมดประชาชนถึงทุกข์ยากขนาดนี้ ทำไมไม่ไปตั้งกรมทหารที่ภาคใต้เพื่อปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขไม่ต้องใช้อาสาสมัครทหารพราน อาสาพลเรือน และหน่วยนาวิกโยธิน ตั้งกรมที่เชียงใหม่ ขอนแก่น เพื่ออะไร ควบคุมประชาชนที่หัวแข็งใส่เสื้อแดงหรือไง ขอฝากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อะไรชลอได้ก็ชลอไว้ก่อนเถิด ประชาชนจะอดตายอยู่แล้วเอาสตางค์ไปซื้ออาวุธ ซื้อมาทีไรก็มีแต่ข่าวว่าซื้อของใช่แล้ว ไม่มีคุณภาพ เรือเหาะบินไม่ได้ เครื่องตรวจระเบิดใช้ไม่ได้ รถถังเก่าใช้แล้วซ่อมกันไม่หวาดไหวนี่เห็นให้ข่าวว่าจะเอาเฮรี่ค๊อปเตอรอีก 30 ลำประเทศไทยน่าสงสารจริง ๆ ทุรยุคมาถึงแล้วจริง ๆ
18 มีนาคม 2555 01:00 น. - comment id 1227746
บรรพชน..ก่อนเก่าของชาวไทย ปกถิ่นไทยไว้เพื่อคนรุ่นหลัง ยอมเสียเลือดเสียเนื้อเหลือกำลัง ศพได้ฝังในแผ่นดินถิ่นของไทย เพื่อหวังให้คนไทยรุ่นลูกหลาน ได้สืบต่อให้ยาวนานชั่วกาลขัย แต่หากท่านได้เห็น ไทยฆ่าไทย คงน้อยใจว่าเหตุใดต้องฆ่ากัน เสียแรงกู สู้อุตส่าห์รักษาไว้ หวังว่าไทยคงยิ่งใหญ่เหมือนดังฝัน กลับทะเลาะวิวาทถึงฟาดฟัน เข้าโรมรันกันเองไม่เกรงกลัว อันพวกกู สู้อุตส่าห์เสียเลือดเนื้อ ปกป้องเชื้อแผ่นดิน ถิ่นเหนือหัว โลหิตกู ที่หลั่งไหลไปจากตัว ชำระทั่ว แผ่นดินจนสิ้นกาย แม้มังสา จะกลายเป็นเถ้าธุลี แม้บัดนี้หยดเลือดจะเหือดหาย หวังว่าลูกหลานไทยจะไม่ตาย โดยที่ไทยฟาดฟันไทยกันเอง ! ********************************************* ต้องขออนุญาตเจ้าของสำนวนกวีบทนี้ ที่นำมาเสนอโดยมิได้บอกกล่าว เคยคัดเก็บไว้อ่าน แต่ ณ เวลานี้มันคงเหมาะที่จะนำเสนอ เพื่อเรียกสำนึกแห่งความเป็นคนไทย ที่มีประวัติความชาติยิ่งใหญ่ยาวนาน ด้วยความเสียสละสุดใหญ่หลวงแห่งปวงบรรพชน ยังรำลึกนึกน้อมคารวะท่านเสมอมา.. ขอบคุณท่านเจ้าของหน้ากลอนที่นำความเห็น มาต่อยอดเป็นบทกวีที่งดงาม และมีคุณค่า
18 มีนาคม 2555 13:48 น. - comment id 1227752
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน เรื่องขายที่ ผมจำได้ว่า สมัยพลเอกชาติชาย ชุณหวรรณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ครึกโครมและถี่แทบไม่เว้นแต่ละวัน ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ก็บันทึกเหตุการณ์นั้นไว้ผ่านบทกวีชื่อ ที่ดินไหว อยู่ในหนังสือ ข้างคลองคันนายาว กระบวนที่ ๑๐ ครับ คุณน้าอ่านข่าวให้ผมฟัง เรื่องต่างชาติถือครองพื้นที่หนึ่งในสามของประเทศไทย ผมก็สลดใจทีหนึ่งแล้ว พบความเห็นท่านศรีสมภพเข้า ก็เลยถึงขีดสุด ขอระบายความอัดอั้นสักหน่อยครับผม สวัสดีครับ คุณฤกษ์ ขออนุญาตผมอภิปรายเล็กๆสักหน่อยเถิดครับ รัฐบาลซึ่งขึ้นมาเถลิงอำนาจ ไม่ว่ายุคใด พวกใด โดยมาก มักกอบโกยประโยชน์เข้าตนทั้งสิ้น นโยบายใดเป็นของชุดก่อน ขัดแย้งกับประโยชน์ที่ตัวจะพึงได้เต็มอัตราส่วน ก็พลิกผันยักเยื้องมันเสีย เอาของมึงออกไป เอาของกูเข้ามา ชักเข้าชักออกกันอยู่นี่ ประชาชนตาดำๆอย่างพวกเรา ลงท้ายก็หงิกงอ จะหาใครเห็นแก่ประชาชนแบบบริสุทธิ์ใจล้วนๆ ยากยิ่งกว่าหาหนวดเต่าหรือเขากระต่ายอีกกระมังครับผม สวัสดีครับ ท่านศรีสมภพ ทุกครั้งที่ผมได้ยินเพลงชาติร้องว่า ไทยนี้รักสงบ ผมเป็นต้องเถียงทันควัน ไม่จริง ไม่จริง ลองพลิกดูประวัติศาสตร์ก็จะเห็นครับ ไทยฆ่าไทยมานับครั้งไม่ถ้วน สรุป บ้านเมืองเราไม่เคยสันติสุขเลย ถ้าปราศจากศึกภายนอก ก็ศึกภายใน ปีนี้ วันที่ ๒๔ มิถุนายน ก็จะครบรอบแปดสิบปีประชาธิปไตยไทย ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นมา เราฆ่ากันเองเท่าไหร่แล้ว เหลือคณนาทีเดียว ผมมิใช่โหรหรอกครับ แต่ก็จะขออนุญาตทำนายล่วงหน้าไว้ว่า แม้เรายังแตกแยกกันอยู่ พ.ศ. ๒๕๕๓ ย่อมจะมิใช่ยุคนองเลือดครั้งสุดท้ายของประเทศไทย ฟันธงครับผม
19 มีนาคม 2555 20:16 น. - comment id 1227816
สวัสดีครับ ผมก็เขียนกลอนแบบนี้เหมือนกันครับ ดูข่าวแล้วเขาว่าที่ดินในไทยเรา ถูกคนต่างชาติเข้ามาจับจอง ถึงหนึ่งในสามส่วน ดุแล้วกลัวจังว่าในอนาคตจะไม่มีที่ดินให้ลุกหลาน