แดดระยิบ ลิบลิ่ว มองทิวทุ่ง ฝุ่นคละคลุ้ง ตะวัน นั้นแผดแสง สีเขียวสด ของกล้า กลับมาแดง บ้างกรอบแห้ง กอพับ ลงกับดิน ฝนทิ้งช่วง ห่างหาย หลายเดือนแล้ว มองเห็นแวว หม่นไหม้ ใจถวิล เหมือนปีก่อน ครั้งเก่า เราเคยชิน แต่มิสิ้น ความหวัง กำลังใจ จะถากทำ อีกที เมื่อมีฝน มิย่อย่น กับการ เรื่องหว่านไถ แต่ฤดี ที่ช้ำ ทำฉันใด คนอยู่ใน ดวงมาน ว่าขานมา เชื่อข่าวลือ ใส่ร้าย เขาป้ายสี บอกตัวพี่ เจ้าชู้ ดูกังขา คนยุแหย่ ไยยัง ฟังวาจา จึงถามหา สัจจะ อธิบาย สาวท้ายบ้าน นั้นเป็น เช่นพี่เพื่อน แม้เยี่ยมเยือน เหมือนญาติ ขาดความหมาย จะแต่งงาน เดือนยี่ ก่อนพี่ชาย เพราะพ่อพลาย หาสตังค์ ยังไม่พอ พิมฯนั้นกลัว แก้วผ่อง ช้ำหมองหม่น หรือเพราะคน เศรษฐี ที่รูปหล่อ แอบออดอ้อน วอนเว้า เฝ้าพะนอ จึงแสร้งพ้อ ต่อว่า เหมือนหาความ คนจริงใจ ไยถึง จึงอาภัพ เหมือนดั่งกับ ลุยดง พงขวากหนาม ถ้าพิมฯยัง ข้องใจ ให้ติดตาม อย่าวู่วาม เตือนใจ ให้ไตร่ตรอง
10 มีนาคม 2555 16:16 น. - comment id 1227446
ฟังกลอนพี่.กลอนพิม.สนิทสร้อย หัวใจหงอย.เงียบงัน.ขวัญสยอง เขาต่อล้อ.ต่อคำ.ทำประคอง ได้แต่มอง.กระจก.โอ้.อกเรา มิได้งาม.อย่างไทย.ให้ใครสน แต่ต้องมนต์.พลายงาม.เที่ยวตามเขา มาต่อกร.อ้อนคราง.แนบกลางเงา แม่พิมอย่า.หูเบา....เอาโทษทัญฑ์ ...............มาขอแซวกลอนค่ะ............
10 มีนาคม 2555 20:35 น. - comment id 1227453
ฟังคำอ้อนอ่อนหวานประสานทัก อ้อนคำรัก เรียกหา อย่าไถล เผื่อพบรัก วันนี้ ขอดีใจ ที่หน้ากลอนสอนใจให้พบกัน แวะมาแซวด้วยคน