๑. ๏ ณ วันนี้เบื้องหน้าที่ปรากฏ ความสวยสดรอบทางอันกว้างใหญ่ โปรยสีสรรเพื่อก้าว...ที่ก้าวไป แต้มหัวใจรับฤกษ์ที่เบิกบาน ๏ ยินเสียงใบลู่ลมระเริงเล่น ยามไหวเอน..แอบอ้อนอย่างอ่อนหวาน คลอเสียงนกบรรเลงเพลงสำราญ โลกประสานทุกอย่าง...อยู่ข้างกาย ๒. ๏ โลกจะสวยสดใสอย่างไรเล่า เมื่อเพลิงเผาใจอยู่ไม่รู้หาย กอดแต่ความชอกช้ำเฝ้าทำลาย เหมือนโรคร้ายสาหัสคอยกัดกิน ๏ จะแว่วเสียงนกไพรอย่างไรเล่า เมื่อความเศร้ากลบเสียง..ไปเสียสิ้น ก้องก็แต่..สะอื้นไห้ที่ได้ยิน คอยแต่รินน้ำตารด...ไหลบดบัง ๏ แม้ได้ลิ้มรสหวานก็พาลขม เมื่อติดจมในฤทธิ์ความผิดหวัง ทอดอดีตกรีดเถือจนเรื้อรัง กอดวามหลังแล้วผ่าน...อย่างทานทน ๏ จะหาแสงแห่งไหนมาโชนฉาย ให้รอบกายมากมีกว่าสีหม่น เมื่อปิดซ่อนมืดมัวกับตัวตน จะก้าวพ้นหมองได้อย่างไรกัน ๓. ๏ เนิ่นนานเพียงไร...ก็ไม่รู้ ที่จมอยู่ในโลกความโศกศัลย์ หนีไม่พ้น...ไปไม่ถึง...สู้ดึงดัน รอถึงวันอ่อนล้า...จนสาใจ ๏ แล้ววันนี้...ใจขอว่าพอเถิด สิ่งที่เกิด..ซ้ำซ้ำคือร่ำไห้ น้ำตานี้คงเหลือ...เพื่ออะไร เห็นก็แต่เผาในจิตใจตัว ๏ จึงเมื่อเปิดผนึกตรอม...ที่ล้อมกรอบ ทุกรายรอบใช่แสงลับดับสลัว แท้ก็เพียงคนขลาดคอยหวาดกลัว แท้เพียงมัวหลงคิด...ปิดตะวัน ๏ จึงเมื่อปล่อยลอยพ้น...ความหม่นหมอง เมื่อย้อนมองก็เห็นว่า..ช่างน่าขัน จะมีเพลิงเผาใด...กองไฟทัณฑ์ แรงมหันต์กว่าใจเล่า..เติมเผาเอง...
6 กุมภาพันธ์ 2555 09:14 น. - comment id 1223551
แด่น้องเพรงพะเยีย จากงาน วันนี้...จากวันนั้น.. ด้วยรัก..ยิ่ง เฝ้าดูสายแสงตะวันฉาย ส่องพรายปลอบโศกโลกหล้า รัศมีรุ้งพร่างพราวราวฟ้า ซึ้งค่าลมหายใจเริ่มใหม่วัน เจียรนัยจิตชีวิตหนึ่งซึ้งค่า เสน่หาใดเคยไหวหวั่น สุขใดในชีพชนเป็นนิรันดร์ ประดุจฝันไขว่คว้าหาใช่จริง เพชรมณีในกายหมายตามรู้ เพียงดูก็เข้าถึงซึ่งสรรพสิ่ง ว่าผ่านมาผ่านไปอย่าประวิง แท้ทิ้งทุกข์ทนวนซ้ำ ที่รัก... เมื่อพบภักดิ์รักร้าวจนอิ่มหนำ จักพบทางทองเย็นใสใต้ร่มธรรม ลืมระกำลาระทมชมชื่นชีวิต...!
6 กุมภาพันธ์ 2555 13:49 น. - comment id 1223624
สวัสดีค่ะ คุณเพรง.พเยีย.. แม้เบื้องหน้าปราฏกสิ่งสดใส แต่ข้างใน...กลัดกลุ้มร้อนสุมหนัก เหตุเพราะเขาเหยียดหยามค่าความรัก จึงติดปลัก...ความแค้นฝังแน่นใน... วันนั้นจวบวันนี้... สบายดีนะคะ
6 กุมภาพันธ์ 2555 13:51 น. - comment id 1223625
สวัสดีค่ะ คุณเพรง.พเยีย... แม้เบื้องหน้าปราฏกสิ่งสดใส แต่ข้างใน...กลัดกลุ้มร้อนสุมหนัก เหตุเพราะเขาเหยียดหยามค่าความรัก จึงติดปลัก...ความแค้นฝังแน่นใน... จากวันนั้นจวบวันนี้...
6 กุมภาพันธ์ 2555 13:52 น. - comment id 1223626
มันไม่ขึ้น... เลยเบิ้ลลลล เลย ^_____^
6 กุมภาพันธ์ 2555 19:46 น. - comment id 1223670
งานคุณ.. ดับอารมณ์ว้าวุ่นได้ดีจริง .. ..
7 กุมภาพันธ์ 2555 10:49 น. - comment id 1223688
จากก่อนนั้นถึงวันนี้มีผันผ่าน เรื่องยาวนานความหลังครั้งเราสอง เคยชิดใกล้อุ่นไอใจตระกอง กับต้องน้ำตานองรักของเรา สุดท้ายแล้วบิดบัญชีหนี้ความช้ำ เลิกจดจำทำให้ใจเลิกเศร้า ลบเลือนลืมลี้หลี้หนีใจเอา นำธรรมะนั้นเฝ้าติดกาวใจ ได้สดชื่นคืนให้ได้ใสสด ได้หมดจดน้ำตาพาหวานไหว ได้พบสุขนำทางกระจ่างใน ได้เป็นคนที่ใจไม่ระทม นาน ๆ ได้เห็นผลงานคุณสักครั้ง แต่ก็สมกับการได้รอคอยชื่นชมผลงานคุณเสมอ ชอบมากค่ะ
7 กุมภาพันธ์ 2555 16:26 น. - comment id 1223739
8 กุมภาพันธ์ 2555 00:13 น. - comment id 1223782
๏.. วันที่ภาพเบื้องหน้าได้ปรากฏ ปฐมบทความเป็นจริงจากสิ่งหวัง วิหคน้อยโผผินบินจากรัง เพียงอยากหยั่งนภาภางค์กว้างเพียงใด ๏.. ด้วยปีกบางลมอ่อนร่อนถลา แสงแดดจ้าทั่วทางสว่างไสว พฤกษาเอนลมพัดระบัดใบ เหมือนโลกใหม่จิตถวิล ณ จินต์ตน ๏.. จนตะวันลอยเลื่อนค่อยเลือนดับ ลงลาลับขอบฟ้าเวหาหน วิหคน้อยตื่นภวังค์ด้วยกังวน ความหมองหม่นโศกเศร้าเข้ามาเยือน ๏.. มันหนาวเหน็บเคว้งคว้างกลางดื่นดึก ห้วงสำนึกรันทดใจหาใครเหมือน เหลือความหวังกลางมืดมิดสะกิดเตือน ยังมีดาวดวงเดือนเป็นเพื่อนกาย ๏.. รอวันพรุ่งรุ่งฟ้าอุษาสาง ส่องสว่างตามฝันตะวันฉาย ให้ความหวังเลือนลางกลับพร่างพราย มิละลายเลือนลับกับรัตติกาล ๏.. มีมืดมิดกอดเก็บความเหน็บหนาว มีปวดร้าวหวาดหวั่นสั่นสะท้าน คงจะอยู่ที่ใจคงไม่นาน ใจเจ้าผ่านเพียงเติมเต็มเข้มแข็งพอ ผมว่าอยู่ที่เราคิดมากกว่าครับ ว่าจะมองอย่างไร และจะเป็นไปในทิศทางใด บทกลอนไพเราะมากครับ
8 กุมภาพันธ์ 2555 11:56 น. - comment id 1223843
งดงามมากๆค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2555 01:01 น. - comment id 1224119
เอากลอนเป็นสายน้ำดับไฟในใจ ผมว่าก็พอช่วยได้นะครับ