จากกรุงเทพ เมืองกรุง เมืองฟุ้งฟ้า สู่บ้านป่า นาดอย อย่างหงอยเหงา หิวหรืออิ่ม ก็มิอาจ จะคาดเดา ยิ้มเศร้าเศร้า ปลอบใจ ให้อดทน มองท้องฟ้า เวิ้งว้าง ความว่างเปล่า มีเพียงเรา ในนิยาม ความสับสน ผิดหรือถูก ยอมรับ ยังอับจน มิอาจค้น คำตอบ มาปลอบใจ ยอมรับว่า เหงาบ้าง ในบางครั้ง ภาพความหลัง มันสะท้อน จนอ่อนไหว กับความจริง วันนี้ ที่มาไกล ทั้งโหยไห้ ห่วงหา ทั้งอาวรณ์ เพราะความหวัง เรืองรอง ของชีวิต มันถูกปิด กั้นฉาบ เป็นภาพหลอน อนาคต จำกัด ถูกตัดรอน ใครจะย้อน คืนถิ่น แผ่นดินเมือง ขอตั้งหลัก ปักฐาน ที่บ้านเกิด เลิกเอาเถิด กับแสงสี ที่ฟูเฟื่อง หันหลังให้ ไกลกรุง ที่รุ่งเรือง บันทึกเรื่อง เก็บไว้ ในความจำ ธรรมชาติ สะอาด บริสุทธิ์ คงช่วยหยุด หัวใจ ไหวระส่ำ หันหน้าเข้า หาวัด ปฏิบัติธรรม ฝังความช้ำ ไว้กับถิ่น แผ่นดินเดิม
30 มกราคม 2555 21:06 น. - comment id 1222870
ชอบครับ
31 มกราคม 2555 18:17 น. - comment id 1222949
ขอบคุณ ลุงสุนทรวิทย์ ที่ให้กำลังใจกัน กลอนของลุงทุกบทผมอ่านหมดแหละ ให้ข้อคิดได้ดีทีเดียว
1 กุมภาพันธ์ 2555 10:48 น. - comment id 1222997
เก็บข้าวของเสื้อผ้า ลาเมืองหลวง กลับบ้านเราแม่เฝ้าห่วง โทรทวงหา เมืองแห่งเทพ เทพยังหนีไม่มีท่า กลับบ้านป่า มาเลียแผล แม่ยังรอ ฟ้าเริ่มสาง.. ย่างข้าวจี่สุขีสุขโข เห็นตะวันดวงกลมโต โผล่เหลี่ยมเขา เปิบข้าวจี่ บี้อาหารในจานเก่า มันคลุกเคล้าเริ่มเข้าใจ ..ไม่กลับกรุง ! อรุณรุ่งละเมียดละไม ..อะไรอย่างนี้ เห็นงานงาม ..จึงตามมาแจม
2 กุมภาพันธ์ 2555 16:05 น. - comment id 1223173
ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ กรุงเทพฯ ไม่มีวันหาได้ ฉะนั้น กลับมาบ้านเรากันเถอะ อิอิ ชื่นชมในผลงานนะค่ะ