ลูกหลานทุ่งกุลาอย่าร้องไห้ ข้าวหอมไทยมีชื่อเลื่องลือเสมอ อย่าขายที่ให้เขาหูเบาเบลอ ขุดดินเจอน้ำมันฝันเลื่อนลอย แหล่งปลูกข้าวให้โลกน่าโศกเศร้า นายทุนเอาเงินซื้อดื้อไม่ถอย ไร่ละสามแสนบาทคาดหวังคอย รถใหม่ถอยออกมาน่ายินดี คิดให้ดีเสียก่อนอย่าร้ิอนจิต เงินเป็นพิษอย่าด่วนม่วนอีหลี ไม่รวยมีผืนดินทำกินดี ลูกหลานมีมรดกตกทอดนาน อ่านข่าวเกี่ยวกับบริษัทขุดน้ำมันกว้านซื้อที่นาที่อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เพราะพบว่ามีน้ำมันใต้ดิน ชาวนาบางคนขึ้นราคาีที่นาไร่ละล้าน บ้านเกิดดิฉันอยู่ในเขตอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และมลภาวะทางอากาศที่เป็นพิษ ไม่อยากให้ทุ่งกุลาเป็นนิคมอุตสาหกรรมเหมือนทางภาคตะวันออกเลยค่ะ เพราะเป็นแหล่งปลูกข้าวให้คนไทยและชาวโลกที่ควรรักษาไว้ ถ้าชาวนาไม่ขายที่ให้นายทุน ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น ปีที่ผ่านมาที่นาของดิฉันและสามีได้ผลผลิตดีกว่าทุกปี บางปีอาจขาดทุนเพราะขาดฝน แต่เป็นที่ของบรรพบุรุษที่ตกทอดต่อกันมา แบ่งกันแล้วไม่มากมาย แต่ถ้าทุกคนไม่ยอมขาย จะไม่มีใครมาบังคับเราได้ แม้ชีพวายอย่าหมายจะได้ครอง...... ขอปกป้องปฐพีที่เกิดมา ที่นาของเรายังมีอยู่เพื่อรุ่นลูกหลานได้ทำกินกันต่อไป แม้ไม่ได้เป็นชาวนาเอง แต่ยังทำประโยชน์ให้ชาวนาที่มีอาชีพทำนาแบ่งปันข้าวจากผลผลิตได้ พอมีพอกินกันมาตลอด ทุ่งกุลาร้องไห้ มีเนื้อที่ 2,107,681 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ในแนวทิศเหนือนั้นครอบคลุมอำเภอปทุมรัตต์ อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอสุวรรณภูมิ และอำเภอโพนทราย ของจังหวัดร้อยเอ็ด ในแนวทิศใต้มีลำน้ำมูลทอดยาวตลอดพื้นที่อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในแนวทิศตะวันตกผ่านอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยของจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ประมาณ 3 ใน 5 นั้นอยู่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด สาเหตุที่ทุ่งกว้างแห่งนี้ได้ชื่อว่าทุ่งกุลาร้องไห้นั้น มีเรื่องเล่ากันว่า พวกกุลาซึ่งเป็นพวกที่เดินทางค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ ในสมัยโบราณได้ชื่อว่าเป็นนักต่อสู้ คือ มีความเข้มแข็งอดทนเป็นเยี่ยม แต่เมื่อพวกกุลาเดินทางมาถึงทุ่งนี้ ได้รับความทุกข์ยากเป็นอันมากถึงกับร้องไห้ เพราะตลอดทุ่งนี้ไม่มีน้ำหรือต้นไม้ใหญ่เลย ฤดูแล้งแผ่นดินก็แห้งแตกระแหง ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ในอดีต ปัจจุบันเป็นที่ทำการของศูนย์พัฒนาที่ดินทุ่งกุลาร้องไห้ กรมพัฒนาที่ดิน ทุ่งกุลาร้องไห้อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอสุวรรณภูมิ 6 กิโลเมตร เลยกู่พระโกนาไปประมาณ 200 เมตร ตรงข้ามกับโรงเรียนโสภาพิทยาภรณ์ ขอบคุณข้อมูลและภาพจากอินเตอร์เน็ต
13 มกราคม 2555 15:47 น. - comment id 1220722
เห็นข่าววันแรกยังนึกอยู่เลยว่า ขายแล้ว พอมีเงิน ใช้ไปเรื่อย ๆ พอหมดแล้ว หมดเลย จะเอาอะไรทำกิน ต้องไปเช่าเขาอีกตามเคย ซึ่งก็ไม่รู้ว่า คนที่อยู่ ณ ตรงนั้น จะคิดแบบเราหรือเปล่า
13 มกราคม 2555 17:17 น. - comment id 1220756
กู้เงิน ธกส มาสานต่อเลี้ยงชีวี หนี้สิน โถมทวี จะหาไหน มาใช้คืน ข้าวกล้า ควรได้เกี่ยว ไม่เหลือเสี้ยวหทัยฝืน ข้าวจะกล้ำน้ำจะกลืน ใครจะยื่นมาแบ่งปัน ค่าเช่า เขาไม่ลด ครบกำหนดก็ตัวสั่น เพียงกินไปวันวัน ยังหาได้ไม่อิ่มท้อง นี่คือ ทุกข์ของชาวนา ครับ
13 มกราคม 2555 17:53 น. - comment id 1220764
ขอบคุณต่อคำเตือนที่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านอย่างยิ่งนี้ครับคุณอนงค์นาง แต่คนบางคนก็เตือนยากเย็น ยอมเป็นเหยื่อของนายทุนเป็นเรื่องน่าเศร้าครับ
14 มกราคม 2555 01:39 น. - comment id 1220808
นิทานเล่า เผ่ากุลา ..เดินฝ่าทุ่ง ต่างหมายมุ่งข้ามทุ่งหญ้าไปค้าขาย แต่หลงทางที่ร้างแล้ง แห้งและไกล นั่งร้องไห้..ข้ามไม่พ้นจนยอมแพ้ " ทุ่งกุลาร้องไห้ "..จึงได้ชื่อ คนต่างลือไม่ย่างกรายเข้าไปแน่ ทุ่งหญ้าแห้งแล้งไร้ต้องตายแท้ ปั่นกระแส..ทุ่งกุลาจนน่ากลัว กลับตาลปัตรชัดเห็น..เช่นวันนี้ ฟื้นวิถีทุ่งร้างจนต่างขั้ว ๒ ล้านไร่..เป็นทุ่งทองมองเกินตัว " หอมมะลิ " ผลิรวงทั่วชั่วข้ามวัน ฉายารุ่ง " ทุ่งข้าวหอมมะลิโลก " นับเป็นโชคทุ่งกุลามาพลิกผัน หมื่นล้านบาทกวาดเงินนอก ขอบอกกัน ! หอบอีสานสู่สวรรค์..มันเป็นจริง ขอได้ไหม ? เลิกฝัน ผันเป็นเงิน เพราะหลงเพลิน เงินซื้อได้ในทุกสิ่ง ทุ่งกุลา อย่าร้องไห้ ..มันไม่จริง ขายที่ทิ้ง ถมกุลา..คงสามานย์ ไร้มะลิ.. เจอมะเร็ง เร่งพิษควัน ! ฉันขอหนุน อนงค์นาง..
14 มกราคม 2555 08:56 น. - comment id 1220822
ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทองจริงๆ ก็ควรเก็บไว้เป็นมรดกลูกหลาน ยิ่งนานราคาที่ดินก็ยิ่งสูงขึ้น อรุณสวัสดิ์ครับ
14 มกราคม 2555 15:41 น. - comment id 1220883
พึ่่งอ่านประวัติทุ่งกุลามาหมาดๆ เห็นเดี๋ยวนี้เขาเรียกทุ่งกุลาสดใสแล้วไม่ใช่เหรอ
15 มกราคม 2555 20:10 น. - comment id 1220967
มาอ่านประวัตอทุ่งกุลาด้วยคนคับ