มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า คราลมล่อง คนหม่นหมอง รำพึง ถึงความหลัง ค่ำนี้ทน ทั้งหนาว ร้าวใจจัง เรไรดัง ดั่งเหมือน มิเลือนไกล หนาวแบบนี้ ปีก่อน เคยอ้อนเจ้า เมื่อสองเรา เคียงกัน ชมจันทร์ใส เจ้าหนาวเนื้อ พี่มี แพรสีไพร หยิบคลุมไหล่ ให้นาง แนบข้างกาย แล้วจันทร์เสี้ยว เลี้ยวลง ตรงทิวไผ่ ลาลับไป ปล่อยดาว ให้พราวฉาย กลิ่นดอกแก้ว ละมุน กรุ่นกำจาย แว่วเสียงคล้าย ขลุ่ยบรรเลง เพลงราตรี จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น เมื่อไร้คน เคียงใจ ไม่สุขี ทุกหนาวเยือน เตือนใจ ในทุกที ถึงคนที่ จากไกล แล้วไม่คืน สัญญามั่น วันก่อน ตอนเคียงใกล้ ทุกถ้อยคำ จำได้ ไม่เป็นอื่น รักของเรา คงยัง ต้องยั่งยืน จะขมขื่น ปวดเจ็บ เก็บในมาน ลมหนาวมา ครานี้ อีกปีแล้ว ยังไร้แวว คนใด ใคร่สงสาร คงจะเจ็บ เหน็บหนาว อีกยาวนาน เขียนกลอนกานท์ ปลอบตน คนหนาวทรวง คนกรุงศรี ฯ ๐๒/๑๒/๒๕๕๔
3 ธันวาคม 2554 12:17 น. - comment id 1216901
สวัสดีครับคุณคนกรุงศรีฯ เพราะจังครับคนหนาวทรวง
4 ธันวาคม 2554 08:51 น. - comment id 1216989
หนาวนี้ไร้นาง อ้างว้างร้างห่ม เคยชื่นรื่นรมย์ ชวดชม ..ตรมตรอม
5 ธันวาคม 2554 21:04 น. - comment id 1217109
คุณคนกรุงศรีครับขออนุญาติถามบ้างครับ เพราะผมก็ได้รับคำแนะนำเรื่องการชิงสัมผัสกับสัมผัสเลือนจากคุณคนกรุงศรีมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้งงครับทำไมบทที่สอง เมื่อใช้สัมผัสด้วยสระไอแล้ว ทำไมคำสุดท้ายของบทที่สองยังลงด้วยสระอายอีก เผลอเรอเหมือนผมหรือเปล่าครับ ที่ผมเรียนมาถือว่าผิดฉันทลัษณ์ครับ แต่ไม่รู้คุณคนกรุงศรีเห็นด้วยหรือเปล่าครับ ขออภัยนะครับที่ถามมาเพราะสงสัยครับ
5 ธันวาคม 2554 21:11 น. - comment id 1217110
ขอโทษอีกครั้งครับ ในบทที่สาม ก็เหมือนกันครับเมือใช้สระไอในคำสุดท้ายของวรรคแรกแล้ว. ทำไมยังใช้สระอายคำสุดท้ายของวรรคสองอีกครับ ผมสับสนมากอย่างนี้มันสัมผัสเสียงอยู่แล้ว ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นข้อห้ามครับ ไม่รู้มีความเห็นต่างไหมครับ ช่วยแนะนำหน่อยครับ
6 ธันวาคม 2554 06:57 น. - comment id 1217124
หนาวกายพอทนไหว หนาวใจมิอาจทน