เขาเก็บขวด เก็บถุง นุ่งผ้าขาด กระวีกระวาด ตากหน้า หาของขาย คุ้ยค้นกอง ขยะ เร่งตะกาย เดินขวนขวาย ทุกตรอก ทุกซอกซอย คนจนยาก มากมาย ไร้ที่พึ่ง ชีวิตจึง ระกำ สุดต่ำต้อย มือเท้าต้อง ฉับไว ไม่อาจคอย หมดทางถอย ปากท้อง ต้องดื่มกิน ผ่านกี่เดือน กี่ปี หนีไม่พ้น คงดักดน คลุกคลี ด้วยหนี้สิน เดินท่อมท่อม ตะลอน นอนกลางดิน ถูกหยามหมิ่น ดูแคลน แสนอ่อนใจ สังคมมอง ไร้ค่า น่าละเหี่ย เพื่อลูกเมีย อิ่มหนำ ทำไงได้ จำกัดฟัน ก้มหน้า หากินไป มิสนใคร ไหนจะ กล่าวระราน เขาหาใช่ วิญญู ผู้ผ่องผุด แต่เป็น วีรบุรุษ ของบุตรหลาน อย่ามองเขา สิ้นท่า น่ารำคาญ เขากรำงาน สุจริต ผิดหรือไร
29 กันยายน 2554 15:52 น. - comment id 1209741
สวัสดีครับคุณสุนทรวิทย์ อ่านกลอนบทนี้แล้วทำให้ผมนึกถึงกลอนของ อุชเชนี ที่ชื่อว่า เมื่อไหร่จะสว่างเหมือนอย่างรอ ขออนุญาติยกบางตอนมานำเสนอนะครับ เมื่อดนตรีคลี่มนตร์เล่นกลกั้น วางท่านไว้ในสวรรค์ชั้นสุขา เมื่อท่านกลายว่ายเวียนเหียนกายา ในจังหวะรุมบ้าอันร่ารมย์ เมื่อช่อชั้นชวาลาอันช่วงโชติ ระยิบโรจน์ดูราวดาวผสม เมื่อเสียงริกซิกซี้รี่ระงม ระคนขรมควันบุหรี่ที่ค่าแพง เมื่ออาหารหวานคาวพราวสะพรั่ง รายเรียงตั้งต่อตาเหมือนมาแสร้ง ยั่วน้ำลายสายสอท่านพอแรง ทะมัดทะแมงเตรียมลิ้มปิ้มวายปราณ นึกบ้างไหมไกลออกไปในความมืด อันชื้อชืดโชกชาน่าสงสาร เขากอดเข่าเจ่าจ่อทรมาน ไร้ร่มบ้านเรือนสุขซุกหัวนอน .............................................. เอามาแบ่งปันให้ศึกษากัน คงไม่ว่ากระไรนะครับ
29 กันยายน 2554 16:04 น. - comment id 1209746
ไพเราะมากครับให้หมายลึกซึ้งด้วยครับ