๐ แว่วเสียงขลุ่ย หวานแว่วหวัง ดังแว่วหวาน แว่วเสียงขาน ไหวหวิวร่ำ พร่ำหวิวไหว แว่วเสียงครวญ ใจอวลกรุ่น อุ่นอวลใจ แว่วเสียงใคร ครวญคร่ำหา ว่าคร่ำครวญ ๐ ฟังเสียงวอน ร่ายคำเพียง เรียงคำร่าย ฟังเสียงคล้าย หวนไห้ไย ใจไห้หวน ฟังเสียงล้วน ชวนเชิญมา คราเชิญชวน ฟังเสียง นวล ลาจากย้ำ จำจากลา ๐ เพลงขลุ่ย เพียง เผยใจยิ่ง จริงใจเผย เพลงขลุ่ย เอ่ย ฟ้าฉ่ำเฉก เมฆฉ่ำฟ้า เพลงขลุ่ย พรม ลาลับเลือน เดือนลับลา เพลงขลุ่ย มา คลอเคล้าราว เจ้าเคล้าคลอ ๐ แว่วขลุ่ย วน ว่ายแหวกข้าม ยามแหวกว่าย แว่วขลุ่ย หมาย หอห้องปอง คืนห้องหอ แว่วขลุ่ย ราว รอคอยใคร ให้คอยรอ แว่วขลุ่ย พ้อ ฤดีเศร้า ร้าวเศร้าฤดี .......................คน กุลา ๑๑ กันย์ ๕๔ เขียน ด้วยกลอนกลบท กลบกลืนกลอน แบบฉบับจันทบูรณ์ ครับ
14 กันยายน 2554 10:26 น. - comment id 1207153
.......... ยินเสียงขลุ่ย หวานหวิวแว่ว แผ่วหวิวหวาน กล่อมดวงมาน หวนไห้ครวญ ชวนไห้หวน ยินเสียงขลุ่ย ครวญคิดใคร่ ใจคิดครวญ เสียงขลุ่ยทวน ลาจากแล้ว แก้วจากลา ........................ เป็นกลบท และกลอนเก้าที่ตะกุกตะกักจ้ะคุณคนกุลา
14 กันยายน 2554 15:05 น. - comment id 1207232
ครูทิพย์วลี กวีมีรัก กลอนแจมงามมากครับ ผมเคยแต่งเพลงเกี่ยวกับ ขลุ่ยไว้เมื่อหลายปีก่อน ตอนไปทำงานและพักที่ บ้านในดงแถบ อ.กุฉินารายณ์ กาฬสินธุ์ วันนั้น อ.ธนิส ศรีกลิ่นดี ได้บรรเลงเพลงขลุ่ยให้ฟัง เพราะมากเลยเขียนกลอนบทนี้ไว้ นะครับ ..เพลงขลุ่ย..คืนเพ็ญ.. คนกุลา . แมงฮ่วงร้องก้องป่าฤๅกล้าร้อง แข่งเสียงของขลุ่ยพญาฯพลิ้วพร่าโหย ระริกนิ้วพริ้วหาเหมือนราโรย ครวญโอดโอยโรยรินปานสิ้นแรง จันทร์เพ็ญในมืดค่ำเมฆดำหุ้ม พยับคลุมม่านฟ้ามาทุกแห่ง ดังจะปิดลิขิตฝันคืนจันทร์แรง หรือจะแกล้งเพ็ญจันทร์กลางวันเพ็ญ ขลุ่ยพญาชิงชันขันขับเสียง ดาลเผดียงกระพริบฟ้าราวตาเห็น เพลงไกลบ้านซ่านมาน้ำตากระเซ็น เสียงใสเย็นว่ายฟ้าในราตรี คนขับขลุ่ยมีคนแอบอยู่แนบข้าง เรากลับร้างห่างมาเพราะหน้าที่ ขลุ่ยพลิ้วรัวเหมือนยิ่งเย้าร้าวฤดี ใจเหลือที่อยากทวงถามเกินห้ามใจ วางพญาชิงชันในพานคำ หยิบพญางิ้วดำมาย้ำใหม่ นำเสนอรักเธอประเทศไทย ย้ำเป็นไปของเหตการณ์ในบ้านเมือง คนเป่าขลุ่ยขยับลมผ่อนอมไว้ เพื่อจะได้ถ่ายเสียงเรียงต่อเนื่อง รื่นไล้ลมพรมนิ้วตามงามประเทือง สานราวเรื่องเสียงขลุ่ยไทยไว้งดงาม นั่งฟังขลุ่ยพรมนิ้วลิ่วระริก นิ้วกระดิกลมล้อไล้ใจอยากถาม ใยมาเย้าเร้าล้อเลียนเวียนมาตาม เหมือนจะหยามหยันเศร้าคนเฝ้ารอ ฟังเพลงขลุ่ยกี่ครั้งก็ยังเศร้า ตั้งแต่คราวยังมีขวัญนานแล้วหนอ ยามขลุ่ยโหยโรยมาน้ำตาคลอ ก็...เพราะก็...เสียงขลุ่ยมา..พาเศร้าตรม .................
14 กันยายน 2554 15:06 น. - comment id 1207475
จันทร์ชาย .........................
14 กันยายน 2554 15:11 น. - comment id 1207476
แก้วประเสริฐ ............................. ขอบพระคุณท่านพี่อย่างสูง ครับผม ที่มาเยี่ยม บ้านน้องครับ ผมเองก็ภาระกิจมาก แต่พยายามมาลงกลอนไว้ แต่ไม่ได้ไปเยี่ยมใครเลย เพราะไม่มีเวลา ส่วนเรื่องกลบทนั้น ก็หาอะไร เล่นเพื่อหลีกหนีความจำเจ และอยากเรียนรู้ ว่าคนโบราณ คิดอะไร ถึง พัฒนากลอนกลบท ขึ้น นะครับ รักษาสุขภาพ และพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ เคารพ รัก และเป็นห่วงท่านพี่เสมอ ครับ
14 กันยายน 2554 15:17 น. - comment id 1207477
สุญญะกาศ ........................ ขอบคุณการมาเยือน และการให้กำลังใจเสมอมานะครับ
14 กันยายน 2554 15:31 น. - comment id 1207478
din .................. ผมว่าเป็นกลอนแจมที่เพราะนะครับ ๐ ยินเสียงขลุ่ย ขับกล่อมขาน หวานกล่อมขับ ยินเสียงรับ หาโหยให้ ใจโหยหา ยินเสียงร่ำ คลาไคลจร ตอนไคลคลา ยินเสียงมา วอนคำพร่ำ ย้ำคำวอน ขอบคุณสำหรับกลอนแจมไพเราะๆนะครับ คุณ din
12 กันยายน 2554 22:02 น. - comment id 1207964
๏ฟังเสียงขลุ่ยบรรเลงแสนเพลินจิต ให้หวลนึกถึงเพื่อนในความหลัง ฟังเสียงขลุ่ยหัวใจที่ประดัง เหมือนมนต์ขลังต้องจิตคิดถึงเธอ ๏เธอเป่าขลุ่ยเล่มน้อยยามออกค่าย เธอเป่าคล้ายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี เป่าทีไรต้องมนต์เธอทุกที แต่ตอนนี้ไม่มีเสียงขลุ่ยเธอ ๏ฟังเสียงขลุ่ยครูอนันต์แล้วใจคิด อยากไปหาน้องนิดถิ่นครูศรี มารวมเรียนอักษรบทกวี น้องนิดนี้เป่าขลุ่ยพี่บรรเลง ๏ออกค่ายครั้งนั้นพี่แสนสุข คิดถึงนิดหน้ามลสมรศรี นิดเป่าขลุ่ยจับใจพี่ทุกที เสียงขลุ่ยนี้ใครฟังต้องปรบมือ ๏แต่ตอนนี้ฟังเสียงขลุ่ยเศร้า เพราะใจเราเหงาใจเศร้าหนักหนา แถมครูอนันต์เป่าขลุ่ยใจต้องมา ฟังแล้วหนาอยากนอนหลับเพราะจับใจ๏ ..ครูทิพย์วลี กวีมีรัก... ร่ายมนต์ตรา อักษราภาษารัก ณ สวนผึ้งรีสอท ราชบุรี ตามเพลงขลุ่ยครูอนันต์ท่านมาเป่า เพลงเดือนเพ็ญ ไพเราะมากๆๆ ๒๘/๖/๑๑
13 กันยายน 2554 01:13 น. - comment id 1207968
13 กันยายน 2554 22:43 น. - comment id 1208049
มายลมายินเสียงขลุ่ยครับ งามกลอน งามจินต์ครับ
14 กันยายน 2554 01:18 น. - comment id 1208063
นานๆพี่จะเข้ามาอ่านงานสักที ระยะนี้ไม่ ค่อยจะดีสุขภาพนะอย่างอื่นไม่มี ฮ่าๆๆเลย แวะมาเยี่ยมน้องชายสุดที่รัก เห็นชอบเล่น กลบทในระยะนี้ จริงๆนะ รักน้องเรามากเสมอๆจ้า แก้วประเสริฐ.
19 กันยายน 2554 04:41 น. - comment id 1208376
๐ แว่วเสียงขลุ่ย ขับขาน กังวานก้อง ฤทัยต้อง ล่องลอย คอยความฝัน เสียงขลุ่ยหวาน เคียงคู่ สู้เงาจันทร์ ฟังเสียงนั้น ไพเราะ เสนาะทรวง ๐แว่วเสียงขลุ่ย บรรเลง เพลงอ่อนหวาน คือตำนาน ขลุ่ยครวญ ให้ลุ่มหลง เสียงขลุ่ยผิว ล่องลอย ชวนภิรมย์ สุขเสพสม เพลงหวาน ตำนานไพร ๐ฟังเสียงขลุ่ย ไพเราะ เสนาะจิต ตามนิมิตร คามรม พรหมอักษร ฟังเสียงขลุ่ย นึกถึง หน้าบังอร ชวนสังวร ร่วมจิต คิดถึงนาง ๐ฟังเสียงขลุ่ย ครวญลม คารมรัก ฤทัยพัก ล่องลอย คอยจุดหมาย สื่อความรัก มาล้น คำทำนาย คือความหมาย บรรเลง เพลงเรียกนางฯ (...ครูทิพย์วลี กวีมีรัก..) ร่ายมนต์ตรา อักษราภาษารัก ณ สำนักงานครูเวร โรงเรียนเทศบาล ๑๙ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๑๓ น. ((ปล. ร่ายตามเสียงขลุ่ย เพลง ขลุ่ยเรียกนาง ของครูสมบูรณ์ ครูดนตรีไทย ที่ยามดึกลุกขึ้นมานั่งเป่าขลุ่ย ตามอารมย์คนรักดนตรี))