๐ จากสันเขาสู่สันเขาผ่านเงาหม่น เมฆเบื้องบนบางเทาช่างเหงาหงอย อีกฟากฝันนั้นหวังใครยังคอย ตะวันคล้อยเขาเขินค่อยเดินทาง ๐ สะพายเป้ปรับสายให้กระชับ เตรียมพร้อมสรรพสิ่งของต้องสะสาง เคลื่อนตัวตนด้นฝ่าป่ายูงยาง ท่ามแสงจางลางเลือนเรียวเดือนแรม ๐ มองที่หมายบ่ายหน้าสันผาสูง เสียงเหล่าฝูงสัตว์ไพรร้องใสแหลม อาจใช้ไฟได้บ้างพรางวอมแวม ราวรอนแรมริมผามุ่งนาเนิน ๐ เจอห้วยน้ำข้ามยากมากโขดหิน น้ำสาดรินรุนแรงเซาะแก่งเขิน ค่อยเลาะมาหาทางช่องช้างเดิน พร้อมเผชิญอันตรายและหมายพลีฯ ๐ ผ่านทุ่งนาป่าทามในความเงียบ เลาะไล่เลียบลัดทางต่างวิถี ต้องปิดลับกับกฎกำหนดมี เป็นวิธีจรยุทธ์จุดสำคัญ ๐ ในบางคราวเท้าหลงเข้าพงไผ่ โดนหนามไหน่เหนี่ยวแปลบสุดแสบสัน คอยบอกทางข้างหลังระวังกัน ที่สุดหวั่นปะทะค่ายฯตั้งหลายกอง ๐ เหลียวเบิ่งฟ้าดารดาษสาดกระพริบ ดาวระยิบใยแสงแต่งฟ้าหมอง หลังผ่านทุ่งเนินท่าป่าลำคลอง เข้าเขตุของป่าเขาเราหวังมา ๐ จากสันเขาสู่สันเขาผ่านเงาหม่น เมฆเบื้องบนบางคล้อยชะงอยผา คิดถึงรอยแรมทางข้างจากลา คำถามว่ามาทำไมไยยังตรึง ๐ ทางเดินยิ่งยากย้ำมากคำถาม พาลลุกลามนิยามไกลเกินใฝ่ถึง สงสัยว่าท่าถลำสู่คำนึง คำตอบซึ่งมีให้คล้ายลวงกัน ๐ จากทางเทียวเปลี่ยวเหงาในเงาฝน เวียนวกวนวุ่นวายจนคล้ายฝัน แต่จุดหมายได้มีช่างดีครัน ทุกคนนั้นนึกเห็นภาพเส้นทาง ๐ เปรียบกับทางชีวิตพินิจตรึก ยิ่งรำลึกเลือนละยากสะสาง เพราะเป้าหมายมืดสลัวเมาอำพราง คำถามหว่างกลางใจใครตอบที .......................................... คำถามหว่างกลางใจ..??...กฎใครกัน ๐ ก่อนเดินทางวางทุกสิ่งแม้มิ่งมิตร ด้วยดวงจิตเดิมทีมากสีสัน หากเพลามาเปลี่ยนหมุนเวียนพลัน ล่วงวัยวันผันไปใจรวนเร ๐ อุดมการณ์สานส่งมั่นคงแน่ มาเริ่มแปรปรวนหนักและหักเห ราวเรือน้อยลอยคว้างกลางทะเล ท่ามแรงเล่ห์ลมร้ายหมายล่มเรือ๚ะ๛ .....................คน กุลา ๑ กันย์ ๕๔
5 กันยายน 2554 19:04 น. - comment id 1205886
........... จากสันเขาสู่สันเขาเราหมองหม่น คล้ายคล้ายคนหลงทางเคว้งคว้างเหลือ มีสายลมพรมอุ่นคอยจุนเจือ แล้วโอบเอื้อความเหงาให้เบาบาง อุดมการณ์เบ่งบานในใจแล้ว หอมดอกแก้วลอยมาเมื่อฟ้าสาง ท่ามสายหมอกโลมไล้ไอเลือนลาง กับเส้นทางเปล่าเปลี่ยวหากเหลียวมอง ................ din จากสันเขาสู่สันเขาที่เราย่าง ความอ้างว้างบางทีคลี่ใจหมอง เคยใฝ่ฝันวันที่ฟ้าสีทอง กลับมาต้องยิ้มรับครากลับคืน ยอมรับความแพ้พ่ายภายในจิต เพ่งพินิจคิดไปใจทนฝืน เพลาเนิ่นมามีกล้ายืน ฟอนไฟฟืนเหมือนดับไม่กลับโชน
5 กันยายน 2554 18:45 น. - comment id 1205931
ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน) ........................... ขอบคุณ นะครับสำหรับกลอนที่มาแจม มันเป็นเช่นนั้น จริงๆนะครับ
5 กันยายน 2554 18:50 น. - comment id 1205933
จากสันเขาสู่สันเขาผ่านเงาหม่น ในกมลเข้มแข็งเรี่ยวแรงหาญ มุ่งเก็บเกี่ยวสั่งสมอุดมการณ์ หิมพานต์จรดฟ้าจะฝ่าไป สุนทรวิทย์ ....................... ๐ หากหมดแรงแกร่งล้าพาใจโหย ดิ่งแดโดยดับฟ้านภาใส หากใจชื่นฝืนแฝงด้วยแรงใด จะตามไปด้วยคนด้นหิมพานต์
5 กันยายน 2554 18:51 น. - comment id 1205984
กลั่นแก้ว ......................
5 กันยายน 2554 18:57 น. - comment id 1205987
ทุกเส้นทาง..ระหว่างไปใช่ง่ายนัก มีอุปสรรคขวากหนามทุกยามย่าง หากมัวเพลินเดินไปไม่ระวัง คมหนามฝังนั่งโอดครวญ.. มิด่วนเลย! สติ..อยู่กับตัวรู้ทั่วถ้วน อะไรควรมิควรล้วนเปิดเผย อาจจำเป็นเห็นต่างอย่างที่เคย อาจวางเฉยในบางครั้ง..รู้ทางธรรม ! คนกุลา สง่างามทุกยามร่าย... ศรีสมภพ .......................... ขอบพระคุณ ครับ ล่วงวันผ่านนานครันจากวันโน้น เริ่มอ่อนโยนหรือว่าชราล้ำ แม้นใจเจ็บเหน็บหนาวเฝ้าเก็บคำ ทนเก็บงำเงียบหายซ่อนภายใน เป็นเพราะธรรมหรือสติก็มิรู้ หรือใจสู้น้อยลงยังสงสัย ประสบการณ์มากครันนั้นอะไร หรือหัวใจเล็กลง งงตนเอง...
1 กันยายน 2554 13:01 น. - comment id 1207036
กราบท่านครับ ทางดีเดินเด่นเห็นสบาย แฝงอันตรายกว่าทางอโคจร.. ทำให้นึกถึง ผู้เสียสละหลายๆท่านเลยครับ ขอบพระคุณท่าน ที่ทำให้เห็นภาพครับ
1 กันยายน 2554 19:32 น. - comment id 1207048
๐ จากสันเขาสู่สันเขาผ่านเงาหม่น ใยคล้ายคนเดินทางห่ามกลางเหงา สู่ฝั่งฝันหมอกจางที่บางเบา ดุจดั่งเงาดวงเดือนมิเลือนลา ๐ อุดมการณ์สานไว้ด้วยใจหนึ่ง พร้อมที่พึ่งพงไพรในพฤกษา ป่าเขาสูงโยงใยในพนา รอนแรมมาทุกข์ทนไซร้..เพื่อใครกัน..ฯ ...อุดมการณ์..อารมณ์และเหตุผล...ย่อมเหนือสิ่งอื่นใด..ในวัยของวันวาน.... ..หากปัจจุบัน...ต้องคิดให้รอบคอบ..มองผลกระทบในทุกๆด้าน...นำมาเป็นบทเรียนที่มีค่า..เพื่ออนาคตข้างหน้า..ที่จะก้าวต่อไปค่ะ... อย่าลืม...ดูแลตัวเองนะคะ..
1 กันยายน 2554 19:35 น. - comment id 1207049
1 กันยายน 2554 20:53 น. - comment id 1207055
@ สุญญะกาศ :- """"""""""""""""" เป็นการพยายามทบทวนความรู้สึกในช่วงหนึ่งของ ประสบการณืที่ผ่านเลย มาแสนนาน นะครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจ กัน เสมอมา ครับ
1 กันยายน 2554 21:08 น. - comment id 1207056
@ ราชิกา :- ๐ ก่อนเดินทางวางทุกสิ่งแม้มิ่งมิตร ด้วยดวงจิตเดิมทีมากมีฝัน หากเพลามาเปลี่ยนหมุนเวียนพลัน ล่วงวัยวันผันไปใจรวนเร ๐ อุดมการณ์สานส่งเคยคงมั่น มาเริ่มผันผวนหนักและหักเห ราวเรือน้อยลอยคว้างกลางทะเล ท่ามแรงเล่ห์ลมร้ายหมายล่มเรือ วันนั้นเยาวัย ไร้ประสบการณ์ วันนี้ ชราวัย คงไม่เหมือนวันโน้นแล้วแหละ ครับ คุณ ตุ้ม เพียงเสียดาย ความทรงจำ ความรู้สึก และอารมณ์ ขณะนั้น จึงพยายามรำลึก และถ่ายทอดออกมา นะครับ รักษาสุขภาพมากๆนะครับ เป็นห่วง เสมอ ครับ แสนคำนึง
1 กันยายน 2554 21:09 น. - comment id 1207058
@ เดือนดวงเดิม :- .............................
2 กันยายน 2554 11:31 น. - comment id 1207082
........... จากสันเขาสู่สันเขาเราหมองหม่น คล้ายคล้ายคนหลงทางเคว้งคว้างเหลือ มีสายลมพรมอุ่นคอยจุนเจือ แล้วโอบเอื้อความเหงาให้เบาบาง อุดมการณ์เบ่งบานในใจแล้ว หอมดอกแก้วลอยมาเมื่อฟ้าสาง ท่ามสายหมอกโลมไล้ไอเลือนลาง กับเส้นทางเปล่าเปลี่ยวหากเหลียวมอง ................
2 กันยายน 2554 12:09 น. - comment id 1207086
ทุกเส้นทาง..ระหว่างไปใช่ง่ายนัก มีอุปสรรคขวากหนามทุกยามย่าง หากมัวเพลินเดินไปไม่ระวัง คมหนามฝังนั่งโอดครวญ.. มิด่วนเลย! สติ..อยู่กับตัวรู้ทั่วถ้วน อะไรควรมิควรล้วนเปิดเผย อาจจำเป็นเห็นต่างอย่างที่เคย อาจวางเฉยในบางครั้ง..รู้ทางธรรม ! คนกุลา สง่างามทุกยามร่าย...
2 กันยายน 2554 17:09 น. - comment id 1207091
2 กันยายน 2554 20:05 น. - comment id 1207098
จากสันเขาสู่สันเขาผ่านเงาหม่น ในกมลเข้มแข็งเรี่ยวแรงหาญ มุ่งเก็บเกี่ยวสั่งสมอุดมการณ์ หิมพานต์จรดฟ้าจะฝ่าไป
3 กันยายน 2554 13:19 น. - comment id 1207122
ใยไม่อยู่สนามม้าสนามมวย มาอยู่ช่วยการกีฬาน่านับถือ ความชำนาญจรยุทธ์รุดฝึกปรือ คอยจ้องถือสไนท์เปอร์เจอเป็นยิง แต่งเครื่องแบบรัดกุมทุ่มกำลัง คอยแอบบังมุมตึกเหมือนผีสิง บ้างก็เล็งเหนี่ยวไกไล่คนวิ่ง พบล้มกลิ้งร้องบอกว่าล้มแล้ว หน่วยเก็บกวาดขนร่างไประยอง รีบกลบฝังตามทำนองยิ้มผ่องแผ้ว ปฎิเสธไม่รู้เห็นเป็นตามแนว ฆ่ากันเองตายเป็นแถวต้องสอบสวน ลูกผู้ชายฝึกมาอย่างเข้มข้น ต้องสับปลับทุกคนงานถี่ถ้วน พวกของข้ามากมีต้องดีล้วน ถ้ารพวกอื่นเป็นขบวนก่อการร้าย เจ้าไม่ใช่ลูกป๊ะต้องยอมรับ อยู่ดงดารตกอับนอนตามค่าย ถ้าลูกข้าก้นขาวนอนสบาย ทั้งชั้นยศขึ้นง่าย..เดี๋ยวก็นายพล อิอิ