ฉันเห็นแล้วฤดีกวีผอง อยู่ตามหนองละหานลำธารไหล อยู่ตามดินหินผาวนาลัย อยู่ตามฟากฟ้าไกลจักรวาล อยู่กับลมละล่องท่องอากาศ อยู่กับสายฝนสาดกระเซ็นซ่าน อยู่กับเหล่านาคาใต้บาดาล อยู่บนสรวงสถานพิมานทิพย์ อยู่คอยเฝ้าเย้าหยอกกับดอกหญ้า อยู่ฟังเสียงสกุณาป่าดงดิบ อยู่ใต้ดาวเด่นคืนดื่นระยิบ อยู่สุดขอบไกลลิบฟ้าขลิบทอง อยู่กระทั่งวิถีความลี้ลับ อยู่ซึมซับเศร้าโศกยามโลกหมอง อยู่กับความโหยหาน้ำตานอง อยู่กับการร่ำร้องเวทนา และอยู่กับวารีที่ไหลคลั่ง อยู่กับทั้งฝนลมระดมคร่า อยู่กับความร้อนหนาวหลายคราวครา อยู่กับกาลเวลา..สัจธรรม นั่นก็คืออยู่กับสรรพสิ่ง อยู่กับความเป็นจริง..ที่เวียนย่ำ สุดแต่ใครใส่กรอบ..ไว้ครอบงำ ใส่สีขาวหรือดำ...ด้วยกรรมใด จึงหัวใจกวีอย่างที่คาด อยู่ที่ธรรมชาติ..ก็อาจใช่ สุดแต่รู้..แต่เห็น..แต่เข้าใจ แล้วเก็บใส่อารมณ์คมประพันธ์ ~ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ~
5 พฤษภาคม 2554 20:24 น. - comment id 1193004
อยู่ที่จินตนาจะพาไป ไกลแค่ไหน ไม่อาจทราบได้ค่ะ สักพักก็กลั่นงานออกมาตามใจปรารถนา
6 พฤษภาคม 2554 04:29 น. - comment id 1193096
ลึกซึ้งถึงหัวใจเลยค่ะ
6 พฤษภาคม 2554 08:33 น. - comment id 1193175
อยู่กับทุกๆสิ่งรอบตัว และ อยู่ที่ใจร่างกายเราเอง
6 พฤษภาคม 2554 09:42 น. - comment id 1193200
........ท่านกล่าวไว้..ถูกต้องแล้วทุกประการ..ขอเสริมนิดนึงค่ะ บทกวี....โรมรันเหมือนฟันดาบ บางครั้งอาบยาพิษเกินคิดฝัน บ้างก็เคลือบน้ำผึ้ง..ประหนึ่งจันทร์ ให้ผูกพัน"ติดกับ"...ระดับครวญ บทกวี....ลีลาช่างกล้าปั้น ดำดินดั้นมาดอม..เพราะหอมหวล บ้างหลงใหลอักษรา..พารันจวน ทั้งเย้ายวน-ยั่วยุ-ทั้งทุรัง ......บทกวี...... ชุบชีวี..ขื่นขม..ให้สมหวัง ผู้ทดท้อ..ฮึกเหิม..เสริมภวังค์ พร้อมจะดัง..กังวาน..ณ.ลานใจ ..ด้วยความนับถือค่ะ....
6 พฤษภาคม 2554 20:33 น. - comment id 1193252