ตำนานรักกำแพงหมื่นลี้
กระบี่ใบไม้
พลิ้วลมพรายสายลมหนาวเจ้าพราวพัด
เหมยสะบัดหิมะต้องกิ่งทองฝัน
สาวเจ้าเอยยืนเดียวดายใต้แสงจันทร์
ใครคนนั้นห่างหายไปไม่หวนมา
สันกำแพงหมื่นลี้ที่ก่อสร้าง
ขีดขั้นกลางแบ่งหัวใจให้ขมปร่า
วันแต่งเราหนึ่งเดียวกันกับวันลา
รินจอกเหล้าเคล้าน้ำตาส่งเธอไป
ฉันรอเธออยู่เนิ่นนานผ่านเช้าค่ำ
ยังจดจำเหมยต้นนี้ที่โตใหญ่
ใหญ่กว่าที่ก่อนเธอเดินถึงถิ่นไกล
ฉันยังทอผ้าผืนใหม่ไว้รอเธอ
............................................
ฉันเดินฝ่าหนาวสะท้านกันดารมาก
สายลมกรากแทบขาดใจ...ไข้เสมอ
ไม่อยากให้เธอหนาวสั่นอย่างฉันเจอ
มองแสงจันทร์ฝันละเมอคล้ายเธอมา
ถึงกำแพงหมื่นลี้ที่เธออยู่
คนนับหมื่นไถ่ถามดูไม่รู้ว่า
เธอนั้นอยู่แห่งหนใดไกลสายตา
ต่อให้เร้นถึงขอบฟ้าตั้งหน้าคอย
แว่วคำบอกข่าวออกมาดังฟ้าฟาด
ความตายเธอคล้ายมีดบาดใจดวงน้อย
ริมกำแพงเมืองด้านนั้นฝันหลุดลอย
หินถล่มถมใจคอยซากซบดิน
ฉันร้องไห้หลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด
หยดน้ำตาลงแห้งเหือดกับซากหิน
โชคชะตาแห่งฟ้าไยไม่ยลยิน
ไหลหยดเลือดนี้หลั่งรินชะตากรรม
............................................
บ้างความตายของบางคนดั่งขนนก
บ้างบางคนดังหินตกฝังถิ่นถ้ำ
ตายของหญิงสาวนางหนึ่งสร้างทรงจำ
ฟ้าผ่าเปรี้ยงเหวี่ยงหินดำสะทกสะเทือน
เหมยยังออกดอกเย้ยหนาวถึงคราวนี้
ใต้กำแพงนับหมื่นลี้กั้นแดนเถื่อน
ฝังตำนานหยาดน้ำตาก่อนพร่าเลือน
เหมยเจ้าเอยรับแสงเดือน...ก่อนร่วงโรย
ความตายของ นางเมิ่งเจียงหนี่ว์ เพื่อบูชาความรักให้กับ ฟ่านสี่เหลียง สามีนางผู้ถูกเกณฑ์มาสร้างกำแพงหมื่นลี้(กำแพงเมืองจีน)เรื่องนี้ ถูกบอกเล่าสืบต่อมาทุกยุคทุกสมัย กลายเป็นหนึ่งในสี่ของนิยายรักอมตะอันล้ำค่าของจีน เคียงคู่กับ ม่านประเพณี(จู้อิงไถ่กับเหลียงซานป๋อ) ตำนานรักนางพญางูขาว และชายเลี้ยงวัวกับหญิงทอผ้า และจะคงถูกเล่าขานต่อไปอีกนานเท่านาน