วีระบุรุษบันนังสตา

ศรีสมภพ

วีระบุรุษบันนังสตา
       
 สมเพียร  พากเพียรพยายาม
เติบโตตามวิถีที่ขัดสน
จากจ่าเพียร..ไต่เต้าได้เป็นนายคน
สู้ทานทนสร้างผลงานรู้กันดี
สี่สิบปี..พิทักษ์รักษาชาติ
กล้าฉกาจบาดเจ็บกายไม่เคยหนี
ก่อนเกษียณหวังไว้ได้ความดี
พักชีวีที่ตรากตรำนำครอบครัว
ชายแดนใต้ลำเค็ญไร้เส้นสาย
รายชื่อหาย..ใครหนอทำช่างต่ำชั่ว
รับราชการผ่านความตายไม่เคยกลัว
หวังย้ายตัวครอบครัวหนุนอบอุ่นใจ
อนิจจา ! หมดเวลาผู้กล้าแกร่ง
ระเบิดแรงแซงมาพรากจากไฉน ?
เหลือเพียงร่างสร้างความดีที่ลือไกล
ต้องมาตาย..ไร้ความดีที่ตอบแทน
จงไปดี..  วีระบุรุษบันนังสตา 
ขอผู้กล้าอย่าห่วงถิ่นหวงแหน
มากพอแล้วกตัญญูสู้ทดแทน
เพื่อดินแดนแผ่นดินจนสิ้นใจ
 เอกสมญา  สมฉายากล้าฉกาจ
พิทักษ์ชาติพิทักษ์ราษฎร์..จนสุดท้าย
สมญานามแห่งความดีที่ยิ่งใหญ่
จารึกไว้ในแผ่นดิน..สิ้นชั่วกาล !
  รำลึก ๑ ปี พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา
วีระบุรุษบันนังสตา และนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ! ผู้จากไป				
comments powered by Disqus
  • พุด

    8 มีนาคม 2554 12:43 น. - comment id 1186997

    
    แด่..ดวงใจคุณศรีสมภพ
    
    ด้วยรักหวังสนิทเนา..นิรันดร์
    
    ฤทัยทองฤทัยธรรม!
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
    
    วันที่..ฟ้าสีฟ้า
    ฟ้าสีครามงามเข้มกระจ่าง
    เต็มไปด้วยพรายแดดอ่อนๆอุ่นๆ
    หัวใจดวงละมุน
    ของผู้ชายชาติไพรดวงเดิมๆดวงดีๆ
    ดวงที่ติดดิน
    ได้หมุนโลกมาให้หยุดนิ่งตรงหน้า*ฤทัย*
    ด้วยน้ำเสียงสดใสด้วยแรงรักแรงเสน่หา
    ด้วยลีลาแบบเรียบง่ายของคุณ
    
    
    คุณกระซิบบอก
    *ฤทัย*ว่า..วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษ
    เราสองน่าจะขับรถ
    ไปหาอะไรเสพทางจิตวิญญาณ
    ไปนั่งทานข้าวริมบึงบัวนอกเมืองริมทุ่งรวงทอง
    ไปนั่งจ้องพระอาทิตย์ลาลับฟ้า
    ไปฟังเสียงนกการ้องกลับรัง
    
    
    หรือ
    หากยังไม่อิ่มใจพอก็พากันนอนคลอในเรือนริมน้ำ
    ดูดาวนับพันพร่างฟ้า
    รอดูอ้อมนภางดงาม
    ยามฟากฟ้าฝันพลันเปล่งประกาย
    พรายแสงแห่งนวลจันทร์เพ็ญ
    กับหิ่งห้อย
    ที่ค่อยๆกระพริบแสงพร้อยพราวพร่างฝัน
    ออกมา
    แต้มแตะตามกิ่งก้านกอต้นลำพูราวรอคู่กรรม
    
    
    คนดี..
    คุณบอกหากสิ่งสำคัญสุดคือ
    อยากพา*ฤทัย*ไปวัดในดวงใจ
    ไปกราบ
    พระประธานพระพุทธองค์ใหญ่ในโบสถ์คร่ำ
    ที่เราสองเคยไปมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
    หากมิเคยเบื่อ
    เพราะมันคือเลือดเนื้อจิตวิญญาณคุณ
    ที่แฝงฝังจิตนิมิตงามมาตั้งแต่ยามยังเยาว์
    
    ค่าที่คุณเกิดที่นี่ โตที่นี่ 
    เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
    เมืองที่หลอมให้คุณคิดได้คิดให้คิดเป็น
    ให้คุณเห็นโลกในมิติหนึ่ง
    ซึ่ง
    แสนพิเศษพิสุทธิ์
    ผิดแผกแตกต่างจากโลกหอมหวานแบบของใครๆ
    โลกที่คุณเคยบอก
    *ฤทัยว่า*แสนยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ
    โลกที่หวานหอมห่มบ่มพิสุทธิ์ใสกระจ่าง
    สอนให้รู้วางว่างด้วยธรรมะ
    
    
    คุณบอกว่า..
    เมื่อมาพบ*ฤทัย*สงสัยวิบากยังไม่หมด
    เลยต้องมาแบกความวาบหวามงามงดสักระยะ
    และ
    หากว่า*ฤทัย*เข้าใจรักแท้
    มิแพ้กรรม
    พากันสร้างงามรักขึ้นในนิยามใหม่
    ในมิติใหม่แบบเหนือโลกได้แล้ว
    ก็จะชวนกันพาไปสู่อีกแดนดินหนึ่ง
    ที่ซึ่งจะเป็นแดนดินถวิลวางว่าง
    แห่งรักนิรันดร์อันไร้ร่าง
    ไม่ต้องหลงพงกรรมดงกรรมอีกต่อไป
    
    
    คนดี
    หัวใจคุณ
    จึงราวคนโบราณย้อนรอยถอยหลังกลับมา
    คุณยังห่วงโหยหาอาวรณ์
    ฉากตอนเรื่องราวย้อนยุคอันแสนงดงาม
    ที่ตามติดมาให้ระสึกรู้ในสัญญา
    และในภาพนิมิตนั้นกลับน่าแปลกนัก
    ที่คุณ..บอกตั้งแต่พบ*ฤทัย*นาทีแรก
    ทำให้ดวงใจแผกคิดถึงเพลงนี้เลย
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
    
    เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
    ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
    มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
    เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
    หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
    รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
    คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
    คนเดียวสนิท แนบ อุรา
    คนเดียวที่ฉัน บูชา 
    ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
    เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
    ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
    ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
    ในโลกก็ยอม
    
    คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
    คนเดียวสนิท แนบอุรา
    คนเดียวที่ฉัน บูชา 
    ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
    เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
    ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
    ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
    ในโลกก็ยอม...
    
    ..................................
     
    
    คุณบอกทุกสิ่งที่เมืองเก่าบ้านเกิดนี่แหละ
    ที่คือภาพจริงราวภาพฝัน
    ที่รายล้อมหลอมละลายให้คุณคิดคุณเป็น
    คุณเห็นอะไรแบบพิเศษ
    มาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วละกระมัง
    
    
    และ
    ทุกคราคราว..
    ยามที่ใจดวงร้าวของคุณเศร้าหมอง
    เมื่อได้รับแรงกระทบจากผู้คนอลหม่าน
    ในเมืองอันเรืองรุ่งริ่ง
    กับมากเรื่องราวร้าวราน
    กับโลกภายนอก
    ให้หัวใจรวดร้าวบอบช้ำสุดทน
    
    
    คุณก็จะหมุนกมลร่าง
    มาสถิตทอดตาเหว่ว้าดายเดียวริมฝั่งฝัน
    ณ...ที่วัดนี้
    ที่ยังมีลานลั่นทมให้คุณแฝงฝังร่าง
    พลางทอดนัยน์ตาเศร้าเฝ้าดูดวงดอกลั่นทม
    ที่
    ทิ้งทอดตัวระย้าย้อย
    ห้อยเหนือซากปรักหักพัง
    ราวกับจะสั่งลาฝากบางสิ่งทิ้งบางอย่าง
    ให้กับผู้มาทีหลังได้สำนึกฝังฝากใจ
    น้อมนำไปสอนจิตเตือนใจ
    ไปย้ำรอยความรักชาติ
    ฉลาดที่จะใช้ชีวิต
    มิให้ซ้ำรอยเดิม
    มาเติมทุกข์ทนหม่นไหม้ไปทั้งประเทศ
    
    
    คุณบอกชอบมานั่งสเก๊ตภาพฝัน
    ที่มีแบคกราวน์คือ
    ลั่นทมดอกเศร้า
    กับสายน้ำแสนโศกกับโลกอดีตลำพัง
    
    ที่พรายผุดความหลัง
    ที่มีแต่ทรากสลักหักพังทลายไร้ร้าง
    ให้ยิ่งแสนอ้างว้างเปลี่ยวเหงาใจเป็นยิ่งนักแล้ว
    หากไม่มีนางใจนางในฝันพลันมาปรากฎสักที..
    ที่คุณรอคอยมาแสนนาน
    ราวชั่วกาลกัปป์กัลป์นั้นเลยทีเดียว
    
    
    และ
    นะวันนี้...คุณคนดี
    จึงวอนขอ*ฤทัย*ว่า
    ให้ใส่ผ้าซิ่นพันทบผืนสวย...ที่ทอมือ
    รอบเชิงชายปักลายผืเสื้อดอกไม้กรายเกสร
    ให้งามอรชรว่อนว่าย
    เป็นชายเชิงอันงามอ่อนหวาน
    ยามกรายย่างก้าวเดิน
    ให้เพลินมองราวน้องนางหลุดมาจาก
    เมืองงามแห่งอดีต
    อันเคยเรืองรุ่งแสนระยับงามจับใจ
    
    
    เพราะ..
    คุณอยากเก็บภาพ*ฤทัยไว้*
    และเคยหมายตาตั้งแต่เห็น*ฤทัย*
    ในงานวันลอยกระทงของคณะ
    ที่ต้องพากันแต่งตัวด้วยชุดไทยทั้งชุด..
    เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม
    
    
    คืนนั้น
    ที่คุณและเพื่อนๆต่างพากันมาเยี่ยม*ฤทัย*
    ถึงในคณะที่จัดงาน
    และเพื่อนๆต่างพากันล้อคุณทันที
    เมื่อเห็นคุณแอบเด็ดดอกลั่นทมดอกงาม
    ณ ลานฝัน
    ให้ฤทัยทัดแก้มแซมผม
    
    
    ว่าหัวใจคุณคงหลงทางไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
    ก่อนกระทงแก้วกระทงขวัญ
    จะพลันพาถึงเวลา
    ลอยลงบูชาพระแม่คงคาเสียด้วยซ้ำ
    เมื่อคุณแอบสบตาฤทัยแล้วทอดถอนใจ
    ใจลอยล่องไม่เป็นอันทำอะไรได้แต่เขินอาย
    
    
    และ
    คนดี..
    ผู้ชายผิวสีทองแดง
    กับหลายปีต่อมา
    เมื่อคุณตามติดและได้เข้ามาชิดใกล้
    สนิทแนบในดวงใจหฤทัย
    หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว
    
    
    คุณ...ถึงกับสารภาพว่า
    นาทีนั้นราตรีนั้น
    คุณมองเห็นฤทัย
    ราวนางใจนางในฝัน
    หลุดมาจากภาพโบราณภพโบราณ
    ผ่านในมโนนึกของคุณ
    ยามที่เห็นฤทัยย่างเท้า
    แล้วเสียงกำไลข้อเท้ากระทบกันกรุ๋งกริ๋งๆ
    
    
    คุณ..
    ยังกระซิบบอกว่า
    ราวในความคิดได้ยินเสียงมโหรี
    ดีดสีตีเป่าระทึกย้อนรอยคืนหลัง
    ให้คุณงันงงสงสัยว่า
    นั่นคือภาพจริงหรือภาพในนิมิต
    ฤาว่าคุณกำลังฝันไป
    
    
    และ
    นั่นแหละคือคุณคนดี
    คนที่ฤทัยแสนรักเอยแสนรักในกมล
    คุณ..คนที่มีหัวใจดวงดีดวงเดิมดวงงาม
    คนที่เกิดมา
    เกินกว่าจะรับไหวหวั่นทันโลกอารยะ
    ที่บ่าโหม
    มาแปรผันปันทุกข์ในรัก
    
    
    อันมักฉาบฉวยไร้หนักแน่นมั่งคงตรงมั่นจีรัง
    แบบคนโบราณผ่านภพภูมิเก่า..
    ที่โลกเราหมุนเร็วมากเพียงไหน
    คุณก็บอก
    ก็ยิ่งหาผู้หญิง
    ทีมีนวลใจละมุนละเมียดยากยิ่งขึ้นทุกวันทุกที
    ที่มักแพ้กิเลสไปตามแรงเหวี่ยงแห่งกระแสโลกนี้
    ที่เห็นค่าวัตถุความสบายกาย
    สำคัญกว่าเรื่องจิตวิญญาณบ้านภายใน
    
    
    และ
    กี่ปีนะดวงใจ
    ที่คุณกับฤทัย
    ต้องขับรถไปๆมาๆ
    ระหว่างอยุธยากับทะเลฝัน
    อันเป็นบ้านเกิดของฤทัย
    
    
    ที่คุณบอกใหม่ๆทำใจลำบากมาก
    เพราะเกิดมา
    คุณเห็นแต่นาข้าวรวงเรียว
    เหลียวไปก็มีแต่แม่น้ำ
    
    คุณรักวิถีทางแห่งท้องทุ่งมากกว่าทะเลเค็ม
    ที่แสนกว้างใหญ่ยากหยั่งถึง
    
    
    ซึ่งคุณชอบนำมาหยอกล้อเปรียบเปรยไว้ว่า
    *ใจฤทัย*
    ก็คงราวทะเลเหว่ว้า*คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล*
    ที่คงลึกล้นเหลือคณายากนักยากหนา
    จะหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งห้วงใจ
    และ
    คงนานกว่าจะได้เคียงครอง
    สัมผัสร่างใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
    และนับถึงวันนี้นาทีนี้
    ก็ให้คุณรอท่ารับคำรัก
    มาสักเกือบจะสิบปีเข้านี่แล้วสินะ
    
    
    แต่
    ทันทีที่คุณได้สัมผัสแผ่นดิน
    ที่เรียกกันว่า..เกาะสวาทหาดสวรรค์
    หัวใจคุณคนดีก็ราวต้องมนต์มายา
    
    ไปกับม่านทะเลกว้างแสนกว้าง
    แลละลิบตรงหน้า
    กับขอบฟ้าที่ตัดฉับกับน้ำทะเลสีน้ำเงิน
    เขียวมรกต.....
    และโทนสีทะเล
    ที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ..
    แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว.....เป็นระลอกงาม.
    
    
    มีเรือใบล่องไปในอ่าวที่แสนสงบงาม..
    ยามอาทิตย์สนธยา ทั่วทั้งท้องนภาและผืนน้ำ..
    เป็นสีส้มเหลือบชมพูแดง
    รอนรอนอ่อนๆเทาๆทองทอง
    ส่องอาบทาบทาประกายวะวิบระยิบระยับ 
    งามจับตาทั้งเวิ้งฟ้าแลเวิ้งน้ำ
    งามเกินคำพรรณา 
    รำพึงรำพัน..ราวสวรรค์ลอยนิรมิต
    
    
    และ
    มากกว่านั้น
    คุณยังได้สัมผัสความสงบงาม
    ในท่ามกลางหุบเขาไพรพะงัน
    อันคือนาข้าวขั้นบันไดแบบบาหลี
    ทีมีเสียงดนตรีไพรธรรมชาติ
    มีสระน้ำราวสระอโนดาตชื่อสระมโนราห์
    
    
    มีกล้วยไม้ป่าชื่อว่า*มงกุฎไพร*ที่
    มีชนิดเดียวในโลก
    ที่ยังมีมีโตรกผา 
    ดอกไม้ป่าดอกไม้ไพรนานาพรรณงามแผก
    ทีมีเงื้อมเงาง้ำหินแผ่นผาดั่งศิลามณีให้ชมวิว
    ที่
    วันนั้นวันที่*
    ฤทัยอุตส่าห์พาคุณไปป่ายปีนเพื่อพบงาม
    คุณถึงกับกระซิบด้วยใจสั่นเสียงสั่น
    แล้วโอบรับขวัญเคลียเคล้า
    ซุกหน้ากับเรือนผมฤทัย
    พร้อมคำที่หลั่งท้นออกมาจากดวงใจส่วนลึก
    บอกฤทัยว่า
    นี่อย่างไรเล่าสวรรค์มาเยือนหล้ามาทายทักตรงหน้า
    
    
    ที่ทำให้คุณแทบลืมหายใจ
    ไปกับทัศนียภาพรายรอบที่แลเห็น
    จากลานหินกว้าง..
    แลไกลออกไปคือโลกสีครามกว้างไกลสุดตา
    แลลงไปเบื้องล่าง 
    จะมองเห็นทิวมะพร้าวสลับซับซ้อน
    เป็นหมื่นหมื่นต้น
    บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้ เงียบสงบ
    มีก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ
    
    
    บนหน้าผา  ชะโงกง้ำ  
    ลอยเลื่อนราวทายทักเมฆ
    จะมีหอระฆัง และพระพุทธรูป
    ให้กราบไหว้อธิษฐานจิต
    
    มีลั่นทมขาวออกดอกพราว
    ไปทั้งต้นบนชะง่อนผางาม
    ส่งกลิ่นหวานเศร้า 
    อบร่ำให้ใจ นิ่ง เยือกเย็นล้ำลึก
    อวลมากับสายลมเย็น  กับบรรยากาศ 
    เงีบบงาม  ที่รายล้อม
    ราวกับว่าธรรมชาติจำลองฝันสวรรค์ลา
    มาฝากหล้าเยือนโลก
    มาให้คุณเลิกโศกแสนภูมิใจว่า
    ได้หลงรักผู้หญิงดิบดิน
    ที่เกิดมากับไพรพงมีชีวินแสนงามง่ายไร้แสงสี
    
    
    หากทว่า
    มีธรรมชาติงามกว่าดงเมืองเสียเป็นไหนๆ
    ค่าที่มีงามไพรงามทะเลพร้อม
    และได้หลอมละลายให้ดวงดอกจิต
    มีแต่คิดดีคิดได้คิดให้คิดชอบประกอบไป
    ตามความงามงดที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้มา
    
    ให้รู้ค่านวลเนื้อดินนวลเนื้อใจ
    ไม่ฟุ้งเพ้อทะเยอทะยาน
    ไปตามโลกศิวิไลซ์แบบหลงทางห่างธรรม
    ราวคอยย้ำเตือนตนใ
    ห้รู้วางกมลลงบนดินมิถวิลวัตถุใด
    นอกจากเพียงเพียรพาจิตใส
    ลอยเหนือโลกลบโศกครวญ
    มิหวนวนคืนมารับวงกรรม
    ย้ำรอยเดิมเพิ่มทุกข์ทนอีกต่อไป...
    
    
    .........
    คนดี...
    สองเราขับรถไปเรื่อยๆกับดวงใจที่แสนสงบงาม
    ในท่ามกลางบรรยากาศริมนาข้าวขจี
    ที่สองฟากฝั่ง
    ยังมีดวงดอกชมพูพันทิพย์
    กรายฟ้อนอ้อนกลีบม่วงบางเบา
    ยังมีดอกเสลาดอกคูนบานสะพรั่ง
    ยังมีความหลังแห่งเงางาม
    อดีตเมืองเก่ารอเราไปสัมผัส
    
    
    คนดี
    วันนั้น
    ดูคุณเศร้าๆราวดวงใจมีเรื่องสำคัญให้คิดมาก
    เหมือนรอจะพูดอะไรบางอย่าง
    ไม่ช่างเล่นช่างเล่าอย่างเคย
    
    
    พอถึงวัด..
    คุณจูงมือฤทัยเข้าสู่ วิหาร  
    พาฤทัยไปกราบพระประธาน
    ด้วยดอกบัวสีขาวพราวพิสุทธิ์
    และ..
    เราสองก้มลงกราบพร้อมกัน
    นะเบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธ
    ที่ทอดสายตามองเราอย่างเมตตาเอ็นดู 
    
    น้ำมันหอมที่ใช้บูชาพระส่งกลิ่นหอมหวาน 
    คุณอธิษฐานขอประทานอนุญาตจากพระพุทธองค์ 
    ใช้ปลายนิ้วแตะแผ่วเบา ก่อนแต้มลง 
    กึ่งกลางนลาฏของฤทัย
     เป็นเครื่องหมาย  เป็นสัญญลักษณ์ 
    
    แล้ว
    กระซิบบอกฤทัยว่า 
    หากฤทัยไปเกิดภพภูมิใดก็ตาม  
    ขอพุทธบารมี 
    โปรดคุ้มครอง
    และนำความสุขกายสุขใจมาให้นิรันดร 
    
    
    และ
    บอกให้*ฤทัย*อธิษฐานตามคุณจะได้ไหม
    ว่า*หากกายและลมปราณของเราได้แตกดับไปแล้ว 
    ณ ภพนี้   เมื่อวันนั้นมาถึงเราจะไม่เสียใจ 
    
    เพราะความพลัดพราก หรือ มรณา
     เป็นสิ่งที่ สรรพชีวิตไม่อาจฝืนลิขิตได้ 
    หากเราทำใจน้อมรับ 
    ยอมรับธรรมชาตินี้ไว้ ค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ 
    เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึง  ความสะเทือนใจจะไม่มี
    
    
    และสำหรับเราจะจากก็แต่เพียงกาย   
    จิตเราไม่ได้จากไปไหน 
    จิตไม่มีวันแตกดับ หรือ สลาย  
    จิตจะดูแลกันและกัน
    และวันหนึ่งเราจะได้พบกัน 
    เป็นการพบกันครั้งที่สองในอีกภพภูมิหนึ่ง 
    
    
    บุญทุกอย่าง บารมีที่เราบำเพ็ญ 
    ขอฝากกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้กัน
    ให้จดจำรักนิรันดร์แห่งใจสองดวง   ให้ ติดตัว 
    ไปทุกๆชาติ
     และ  คุ้มครองเราสองให้มีความสุข ด้วยเทอญ..
    
    
    และนี่แหละ
    ที่ทำให้ฤทัยยิ่งงงงัน
    ถามคุณว่ามีอะไรในใจ
    เมื่อคุณพามานั่งทอดตา
    ดูดวงดอกลั่นทม
    
    ที่กำลังปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
    แล้วร่วงลงกลางพื้นพรมห่ม
    หอมพร่างระทมทับใจ
    
    คุณบอกว่า..มีเรื่องในใจจะสารภาพ
    ก่อนที่จะ
    ก้มลงเก็บดอกลั่นทมสีขาวทำ*มงกุฎดอกไม้*
    สวมให้กับฤทัยอย่างแสนรักแสนทะนุถนอม
    
    
    และ
    บอกฤทัยว่า
    ให้ขึ้นรถไปดูอะไรกับคุณเสียก่อนจะดีกว่า
    แล้ว
    คุณก็พาฤทัยมาพบภาพตรงหน้า
    ที่ฤทัยยิ่งกว่าฝันไปเสียอีก
    
    คือภาพทุ่งนาร้างไร้
    หากติดชายชลริมฝั่งแม่น้ำอยุธยา
    ที่มีต้นไม้ที่ตายแล้ว
    เหลือเพียงกิ่งก้านแผ่กระจายราวกัลปัลหาสีดำ
    
    หากทว่าเป็นงามแปลกตา
    เมื่อมองเห็นความเหว่ว้า
    ในทะเลนาแห่งนี้
    ที่คงเคยเขียวขจีมีชีวิตชีวามาก่อนหน้า
    
    
    ที่ฤทัย..พยายามใส่ภาพฝันในหนหลัง
    เมื่อเหลียวไปมีกระท่อมไพรเล็กๆน่ารักนัก
    ที่หลังคามุงจากที่ดูราวยังสดใหม่ไม่นาน
    
    ใกล้ๆลานดินติดกับรั้ว
    กั้นด้วยผักตำลึงเลื้อยพันพร่าง
    มีกอโมกและดงดอกพุดซ้อนอ้อนหวาน
    อยู่ริมชายคากระท่อม
    และ
    นั่นมีไก้แจ้ตัวเล็กๆสีสวยมากกำลังแคะไค้ข้าวเปลือก
    
    
    คุณก็ค่อยๆโอบกระชับพาฤทัย
    เข้าไปเยือนนะภายใน
    ที่บัดนี้ทำให้ฤทัยใจเต้นราวตีกลอง
    เมื่อสายตาค่อยๆชิน
    กับทุกสิ่งที่สลัวเลือนรางในม่านแสงสนธยา
    ที่ส่องผ่านผนังไม้ไผ่ทอดแสงเงารำไร
    ลงมาราวแสงทอง
    
    ร่างใครบางคนยืนขึ้น
    ที่ฤทัยเห็นชัดในนาทีนั้น
    ว่าคือร่างเด็กผู้ชายกำยำ
    หากทว่าดวงตาอ่อนโยนใสซื่อ
    เขายกมือไหว้ฤทัยอย่างนอบน้อม
    ก่อนก้าวเลยออกไป
    
    ทิ้งให้ฤทัยในดวงตามีคำถาม
    ฤทัยจำได้คลับคล้ายคลับคลา
    ว่าเคยเห็นหน้าเด็กคนนี้
    
    
    ก่อนที่คุณจะกล่าวย้ำเตือนความจำอีกทีว่า
    จำได้ไหมครับฤทัย..
    เจ้า..คนนี้ที่เพื่อนผมว่าความให้แม่เขา
    ที่เคยเล่าว่า
    ติดคุกเพราะขโมยอาหาร
    ในห้างที่เหลือๆแล้วเก็บกลับบ้าน
    เพราะความยากจนเพื่อจะ
    ให้ลูกๆที่อดอยากได้มีกิน
    
    
    ผม..ไม่ได้เล่าต่อว่าผมตัดสินใจอุปการะเด็กๆไว้
    ไม่อยากให้ฤทัยคนใจดีต้องพลอยมารับภาระทางใจ
    ไปกับการตัดสินใจของผมด้วย
    และ
    ผมเลยมาใช้ที่ตรงนี้
    ที่เคยจะเตรียมไว้
    เป็นเรือนรักยามมาพักผ่อนของสองเรา
    ให้กลายมาเป็นบ้านของเด็กๆแล้วละครับ
    แล้วให้เขาไปกลับสะดวกโรงเรียนวัดแถวนี้
    
    .
    คนดี..
    คุณคงพอคิดออกแล้ว
    ที่ผมหนีคุณมาบ่อยๆไม่บอก
    เพราะเตรียมเอาข้าวปลาอาหารมาให้ครับ
    เขาอยู่กันได้ปกครองกันได้ดีทีเดียว
    แบบเด็กเคยลำบากมาก่อน
    
    
    ฤทัย..งงงันและนาทีต่อมา
    รู้เพียงว่าหยาดน้ำตาแห่งความภาคภูมิกำลังไหลริน
    นี่ไงล่ะคนดีที่ฤทัยเลือกถวิลรักภักดิ์พลี
    และ
    นี่ไงล่ะคนดีที่ฤทัยไม่เคยเสียใจเลย
    กับการที่ได้เกิดมาเพื่อเคียงข้างเป็นนางใจ
    ที่จะได้คอยเคียงไหล่
    ทำความดีพลีเพื่อสังคมแม้นจะน้อยนิด
    
    
    คนดี
    กุมมือฤทัยแนบแน่น
    และพาไปยืนนิ่งริมบึงบัวเคียงชายชล
    ดูความสวยสดหลากสีสัน
    ของบัวพ้นน้ำที่กำลังไสวชูช่อสงบงาม
    ดูความเงียบเยียบเย็นฉ่ำ
    ของสายน้ำที่กำลังไหลล่อง
    เห็นโบสถ์คร่ำเคียงฝั่งฝันตรงหน้า
    ใบระการะยับไหว
    ในท่ามกลางสายลมอ่อนๆอุ่นๆแดดรอนรอนอ้อนอัสดง
    ที่กำลังไล้โลมไปบนผืนน้ำ
    ให้งามอาบไปด้วยสายแสงสีทอง
    
    
    ฤทัยเห็นสายใจเจ้าพระยาราวหมุนวนตรงหน้า
    แต่ทว่าราวโลกหยุดนิ่ง
    เมื่อเขาหันมากอดฤทัยแนบแน่นและกระซิบคำ
    *แต่งงานกับผมเถอะนะ*คนดี
    นี่คือคำขอแต่งงาน
    ที่ฤทัยคิดว่าเป็นช่วงเวลา
    ที่งดงามที่สุดแล้วในชีวิตหนึ่งนี้
    
    
    เพราะฤทัยรู้จักเขาดี
    เขารักผืนดินนาแห่งนี้
    รักลำน้ำเจ้าพระยารักเหว่ว้าโบสถ์คร่ำ
    รักลำนำแห่งความเหงาเงียบงามใจ
    รักชีวิตไพรพงที่เคยพร่ำบอก
    
    อยากมีกระท่อมเรือนหอ
    ในท่ามกลางดินนานะดินเดิม
    แล้วมีฤทัยคอยหุงข้าวใหม่ข้าวหอม
    ใส่บาตรในยามเช้า
    ให้เขาที่ชอบเฝ้าเขียนบทกวี
    ฟังดนตรีน้ำค้าง
    ฟังเสียงดุเหว่าแว่ว
    แล้วลงนาไปหาผักปลามาพอกินยังชีพชอบ
    ประกอบการงานที่รัก
    อาจจะสอนหนังสือเด็กๆที่ยากไร้..
    
    
    คนดี..ดวงใจ
    แล้วจะให้ฤทัยปฎิเสธคำขอของคุณได้อย่างไรเล่า
    แม้นว่าดวงใจฤทัยจะยังไม่ทันคิด..คิดไม่ถึงว่า..
    จะได้พบคำซึ้งซึ้งราวจะตรึงให้จิตใส
    และ
    ราวให้ดวงหฤทัยแสนหวานแทบหยุดเต้น
    ในนาทีที่แสนยิ่งใหญ่อย่างนี้
    
    
    และ
    กับใจดวงที่ยังไม่ทันตั้งตัว
    ฤทัยเลยเหมือนละเมอตอบไป
    ในอ้อมกอดคุณแบบเหมือนฝัน
    ว่าตกลงค่ะ..ตกลงค่ะคนดี..
    
    
    นาทีนั้น
    ราวสวรรค์ลอยลงตรงหน้า
    ฟ้าเล่นแสงสีเปิดเวทีแสนสวยพร่างพรโปรยพร
    ให้คุณอ้อนทั้งโลกและฤทัยพร้อมๆกัน
    
    เราต่างรินร่ำน้ำตาปิติในอ้อมกอดกันและกัน
    ด้วยรอวันนี้มาแสนนาน
    
    
    และ
    หวังจะตราบชั่วกาลได้เป็นคู่ใจคู่ธรรมคู่ทอง
    ได้ปองสร้างสรรมีพลังทำคุณงามความดี
    ได้พลีจิตราวเพื่อนธรรมมากกว่าคำคู่ใจ
    แค่ได้เคียงไหล่ทำสิ่งงดงามได้ดูแลยามแก่เฒ่า
    ได้แบ่งปันยามเห็นฝันเห็นงามนิยามโลกย์
    มิดายเดียวเดียวดาย
    ก่อนจะเข้าไปสู่ร่มธรรมร่มทอง
    พากันลอยล่องสู่ฝั่งฝันพระนิพพาน
    
    
    คนดี
    แต่สิ่งที่ตามมาคือ
    คุณบอกว่าก่อนแต่งงานนั้น
    คุณได้รับคำสั่งย้ายไปประจำที่ปัตตานี
    แดนดินที่ฤทัยรู้ดีว่าแสนจะน่าห่วงใย
    
    
    หากคุณเฝ้าปลอบใจฤทัยว่า
    อย่าคิดมากคนเรา
    เกิดมาชาติหนึ่งตายหนเดียว
    และ
    เมื่อแผ่นดินนี้ที่ร่มเย็นให้ชีวิต
    จงรู้กตัญญูรักผืนดินนี้ที่ให้หยัดยืนมายาวนาน
    อย่างสงบสุขสงบงาม
    อย่างยุติธรรมอย่างมีร่มฉัตรกั้นเกศ
    อย่างพิเศษพิสุทธิ์วิสุทธิ์จิต
    
    
    ที่มีพุทธธรรมส่องกระจ่างนำทางจิต
    ดั่งดวงแก้วนิรมิตในร่มเงาพุทธศาสนา
    ในร่มฟ้า
    ที่มีพระเจ้าแผ่นดิน
    ที่ทรงมีทศพิธราชธรรมทรงมีขันติธรรม
    อันล้ำเลิศแผ่ไพศาล
    เกินคำรำพันรำพึง
    ถึงความงดงามแห่งหยาดน้ำพระราชหฤทัย
    อันแสนยิ่งใหญ่เหนือโลก
    เพื่อดับทุกข์ร้อนผ่อนเย็น
    ที่เน้นน้ำใจให้รู้รักสามัคคีสอนไทยให้เป็นไท
    ให้รู้ค่าคำความพอดีสมถะมานะบากบั่น
    ใช้ชีวีเย็นงาม
    
    
    ในขณะเดียวกันก็ให้ตามโลกให้ทัน
    แบบรู้ทันเท่าแบบเข้าใจ 
    แบบที่ควรจะหันไปรับได้ในความศิวิไลซ์
    แบบไม่จำต้องไปเป็นทาสฟุ้งเฟ้อโลกวัตถุ
    ให้รู้ค่าความพอเพียงเพียงพอ
    และ
    
    
    ด้วยการทรงมีพระราชจริยวัตรอันแสนงามงด
    เสียสละให้เห็นเป็นแบบอย่าง
    ให้ใจไทยทุกดวงได้รับน้ำค้างพร่างริน
    จากน้ำพระราชหฤทัยอันใสเย็น
    ราวหยาดฝนราวรวงเพชร
    
    
    ที่ทรงไม่เคยท้อถอย
    ได้ทรงใช้สมองสองมือเพียรสร้างโลก
    และ
    หวังให้ลูกหลานไทย
    ให้สามัคคีปรองดองอย่างฉันท์พี่น้อง
    ไม่ว่าชาติศาสนาใด
    เมื่อพร้อมใจมารวมกันเราอยู่บนผืนดินเดียวแล้ว
    ให้ก้าวเดินไปด้วยกัน
    ในผืนดินแก้วอันร่มเย็นแห่งขวานทอง
    !
    
    ให้ทุกศาสนาปรองดองกัน
    เพื่อที่จะสอนให้ทุกคนเป็นคนดี
    ที่จะพากันส่องนำทางน้อมนำใจ
    ไปในทิศทางที่ดีเดียวกัน
    ไม่มีชนชั้นมากั้นกีดขวาง
    ที่แสนจะน่าภาคภูมิใจ
    ยามได้หยัดร่างดำรงคงเอกราชไว้
    ให้ยังเงยหน้าได้ว่าเราคือไทยหัวใจทอง.....
    ............................
    
    
    รออ่านตอนต่อไปเกิดอะไรขึ้นกับพระเอกของเรานะคะ
    มาช่วยกันตั้งชื่อพระเอกดีกว่าไหม
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
    เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
    ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
    มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
    เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
    หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
    รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
    คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
    คนเดียวสนิท แนบ อุรา
    คนเดียวที่ฉัน บูชา 
    ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
    เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
    ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
    ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
    ในโลกก็ยอม
    
    คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
    คนเดียวสนิท แนบอุรา
    คนเดียวที่ฉัน บูชา 
    ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
    เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
    ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
    ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
    ในโลกก็ยอม...
    
     
      
    
    16.gif36.gif36.gif
  • ดอกไม้ ใบหญ้า

    8 มีนาคม 2554 20:21 น. - comment id 1187067

    วีระบุรุษ...
    ..ได้เป็นตอนที่..
    ไม่เหลือแม้ลมหายใจ
    
    10.gif10.gif10.gif
    
    เศร้าจริงๆๆค่ะ
  • ดอกไม้ ใบหญ้า

    9 มีนาคม 2554 19:33 น. - comment id 1187084

    รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ.....อยากอ่านจังเลยค่ะ...เพลินเลยค่ะรออยู่นะค่ะ41.gif41.gif41.gif
  • พุด

    9 มีนาคม 2554 21:14 น. - comment id 1187149

    
    ถึง..คุณศรีสมภพ
    พุดพัดชาขอฝากงาน
    ให้น้องดอกไม้ใบหญ้า
    ผ่านทางนี้นะคะ
    
    จะบอกน้องว่า
    เรื่องที่รอติดตามนั้น
    พี่พุดหาไม่เจอค่ะ
    เพราะ
    ผลงานพี่พุดมีเป็นพันเรื่องแล้วมังคะ
    หากน้องชอบ
    ก็ลองตามอ่านในหน้าส่วนตัวพี่พุด
    จะมีกล่องเก็บมากมายรอ
    ให้น้องอภิรมย์ค่ะ
    
    ลืมบอกไปว่าก่อนหน้านี้พี่พุดมีเวลา
    รจนางานยาวๆค่ะ
    และ
    วันนี้ลองอ่านหนึ่งในผลงานของพี่พุดนะคะ
    
    อีกนามปากกกาของพี่พุดที่นี่คือ
    สาวบ้านนาค่ะ
    
    ด้วยรักและซาบซึ้งใจค่ะน้องรัก
    
    
    กระท่อมริมเชิงเขาใกล้เงาลำธารฝัน!
    
    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=161
    (เพ้อ)
    ....................
    
    เช้าที่แดดทอสวย...
    กับ..
    ทางลูกรังเล็กๆ....
    คดโค้งที่ทอดตัวสู่เส้นทางชนบทสายงาม
    
    เส้นทางที่ขึ้นเนินและเลาะเลียบไต่ตามภูผา
    กำลังพาผมเข้าสู่..กระท่อมเชิงเขา
    
    กับพริ้วลมแสนหวานฉ่ำจากสายลมป่าที่ช่ำปอด
    ราวมีละอองฝนปรายปนมา
    ราวกับว่าหัวใจของผมนะนาทีนี้
    กำลังได้รับละอองเย็นจากสายวสันต์อันแสนรื่นร่ำปลอบประโลมใจ
    
    
    
    เป็นเช้าวันหยุดที่แสนสดใส
    ฟ้าสีครามงามเข้มเต็มผืนกระจ่าง
    
    มีเพียงมวลหมอกเมฆ
    บางเบาราวขนนกลอยประปรายประดับให้นวลนภา
    พาให้หัวใจผมแสนสงบสุขเงียบงามอย่างเหลือเกิน
    ..........
    
    
    
    ผมตื่นมาตั้งแต่ยามฟ้าสาง
    ได้ยินเสียงนกดุเหว่าร้องตู้วู้ๆๆๆ
    ปลุกให้รู้ว่าฟ้าเริ่มสว่างรำไรๆแล้ว
    ให้..ทุกผู้คน..ขยันออกหากินแต่เช้าตรู่
    อย่ามัวเอาแต่นอนคุดคู้
    ให้เอาเยี่ยงอย่างนกกาบ้างท่าจะดี...
    
    
    
    
    และ...
    สำหรับ
    ผม..เตรียมจัดข้าวของเครื่องใช้ไม่กี่ชิ้น
    กับของกินไม่กี่อย่าง..ที่จำเป็น
    เพื่อเตรียมตัวเดินทาง
    ไปใช้ชีวิตสักสามสี่วัน
    ใน..กระท่อมเชิงเขาใกล้เงาลำธารฝัน..
    
    
    
    ที่ดินที่ผมแผ้วถางซื้อเตรียมรองรับเอาไว้..
    ยามผมเหนื่อยล้า
    ยามที่ผมเบื่อสังคมเมืองเสียเต็มประดา..
    หากทว่า..
    ยังต้องประกอบหน้าที่การงาน
    ที่ยังรัดรึงตรึงร่างผมไว้ด้วยความจำเป็น
    
    
    
    กระท่อม..เชิงเขา
    ที่ผม..มาใช้ชีวิตลำพัง
    บ่อยครั้งเสียเหลือเกิน
    
    ราวเป็นที่ซุกซ่อนหลบเลียแผล
    จากความเป็นโรคแพ้เมือง และผู้คน
    เพื่อจะหลุดพ้นทางจิต ให้มีอิสระ
    
    
    แม้ใครๆอาจจะคิดว่าช่างน่าเงียบเหงาว้าเหว่
    ที่มาใช้ชีวิตดายเดียวราวฤาษีชีไพร
    ในราวป่าที่ห่างไกลแสงสี
    
    มีเพียง..
    เสียงดนตรีไพร..
    จั๊กจั่นจิ้งหรีดกรีดร้องประลองเสียงเคียงประโลม
    
    
    
    หากคือความคลี่คลาย รู้สึกดี
    กับทุกนาทีที่ได้นอนใต้ร่มไม้
    ริมลำธารสายเล็กๆและเฝ้าดูดอกไม้ป่า
    หลากสีสัน
    พากันปลิดปลิวละลิ่วลอยมากับสายน้ำอย่างช้าช้า
    พร้อมได้ยินเสียงสายน้ำไหลซอนเซาะอย่างแผ่วเบาขับกล่อม
    
    
    ในยามนั้น
    ผมจะ...
    หลับตานิ่งนิ่งเพียงอย่างเดียว
    วางทุกเรื่องราวไว้ภายนอกใจ
    ให้จิตภายในเพียงผสานรับกับทุกสรรพสิ่งเป็นธรรมชาติ
    
    ราวกับว่า...
    ผม..กำลังว่ายวน..
    เป็นผีเสื้อไหวร่างไปตามลำเนาไพร..
    ท่องไปในแดนดินสุดหล้าฟ้าฝัน...
    กับเรียวรุ้งอันแสนตระการหวานนวล..
    
    
    ผม..
    ดีใจที่ตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้ไว้
    ราวกับรู้ว่าโลกเล็กๆที่นี่
    คือที่ที่เหมาะกับชีวีชีวิตผมอย่างที่สุด
    ในทุกโมงยาม ..
    
    
    
    ผมรักผืนดินทองในคลองตายามขับรถผ่านมา
    รักไร่นาเขียวเขินเนินไศล
    ที่กำลังไสวรวงเรียว
    
    
    รักพฤกษ์ไพร
    ที่กำลังห้อมห่มด้วยสไบใบไม้หลากสีสัน
    ทั้งเขียวส้มอมน้ำตาลทอง
    
    ที่พากันผลัดใบไหวระยับ
    ราวถูกสาดสลับสีด้วยฝืมือธรรมชาติให้แสนสวยสงบงาม
    ในท่ามความห่างไกลเมืองศิวิไลซ์
    
    เป็นฉากยิ่งใหญ่
    ที่ผู้สร้างคนใดผู้กำกับมือทองก็ต่างต้องยอมแพ้
    
    
    
    ยิ่งยามตะวันลา
    ยามฟ้าโพล้เพล้เริ่มเปลี่ยนสี
    ให้เวทีฟ้าแสนจรัสเจรือง
    ด้วยสีส้มอมชมพูพรายพร่าง
    
    ที่กำลังสร้างความรู้สึกแสนหวาน
    ออดอ้อนอาลัยอ้อยอิ่ง..อำลาแผ่นดิน
    ที่ราวสะบัดสะบิ้งทิ้งแสงรักเอาไว้นะเบื้องหลัง
    
    
    ผ่านลานดอกไม้สยายกลีบชันชูช่อ..นับล้านดอกดวง
    ผ่านกอบัวล้วนถ้วนหล้าหลากสีหลายพันธุ์
    
    ผ่านดงดอกหญ้าอันไหวเอนโอน
    ราวพากันร้องเพลง
    หยอกล้อพ้อพร่างกับสายลมราวแพรหมอก
    หรือ
    ที่กำลัง..กระซิบบอกลากับท้องทุ่งนาดงตาล
    กับทะเลงาม อาบสายแสงราวทองทาบทา
    
    
    
    และ...
    กับ..
    ทุกธุลีหล้าในผืนดินแผ่นดินธรรมแผ่นดินไทยนี้
    
    ที่คือความงาม..อย่างยิ่งใหญ่
    เหนือจิตรกรใดจิตรกรรมใดจะเทียมเท่าถ่ายทอด
    ได้งามออกมาอย่างหมดจดใจ..
    
    
    
    มีเพียง
    หัวใจดวงใสดวงนวลดวงเนียนเท่านั้น
    ที่จะซึมซับประทับงามไว้ได้ในซอกส่วนลึก
    ผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ
    
    
    ที่คือแค่เราผ่านมาทายทัก 
    ได้พิงพักโอบเอื้อ..รู้ค่ารักรักษ์ธรรม ธรรมชาติ
    อย่างมิหยาบไร้ฉาบฉวย
    มาผลาญพล่าทำลายให้แหลกราญเป็นผุยผง
    ลงในชั่วพริบตา 
    มิทันผ่านตาไปถึงลูกหลานเหลนโหลน..ภายหน้า..
    ช่างน่าแสนเศร้าโศกสะเทือน..เสียเป็นยิ่งนัก..
    
    
    
    ผม..กำลังใกล้จะถึง
    *กระท่อมริมเชิงเขาเหนือเงื้อมเงาลำธารฝัน*เข้าทุกทีแล้วนะครับ
    
    
    ตามผมมาสิ
    ผม...
    จะพาไปพบกับความสุขแบบเรียบง่าย
    หวัง...
    คุณคงอยากชิดใกล้ตามติดมานอนเคียง
    ริมลำธารสายหวานใสราวกระจก
    
    มาฟังเสียงนกไพรเพ้อละเมอหาคู่
    
    มานอนนับดาวพรูพร่างฟ้า
    ราวกับมือนางฟ้ามาหว่านโปรยกำนัลมอบแด่คุณเพียงผู้เดียว
    
    
    
    มาลองนอนเปลี่ยวเหงาฟังสายน้ำระริน
    ดูนกไพรโผผินยามสายัณห์
    ดูฟากฟ้าฝัน
    กับ..
    พรายพระจันทร์แสนหวาน
    ที่รอหยาดสายธารน้ำผึ้งรวงให้หอมรินสู้ห้วงหอมใจ
    
    
    
    มาดูปวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่าร่ายฟ้อน
    อ้อนให้คุณซึ้งค่าความงามเงียบ...เงียบงาม..อย่างดายเดียว..ลำพัง
    
    ว่า..งามนั้นจะตราตรึงจิต....
    
    ให้...ชีวิตคุณ.แสนสุขซึ้งสักปานใด..
    มาตรแม้นหัวใจจะไม่มี..คนรัก..เคลียคลอ..คลอเคียง..แม้สักคน!
    ......................
    
    
    
    
    ติดตามตอนต่อไปค่ะ..
    ในวิถีชีวิตพระเอกกับ
    แสงตะเกียง ..เคียงหัวนอน
    กับการเฝ้าดูไก่ฟูมฟักออกไข่เหลืองนวล....
    .....
    .......
    
    ตามไปใช้ชีวิตงามเงียบเรียบง่าย
    ในกระท่อมเชิงเขาในเงาลำธารฝันกันค่ะ
    
    *********************
    
    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=161
    เพ้อ...   
    
    เห็นลมละเมอเพ้อหวาดผวา
    เห็น ฟ้า พะวงหลงโทษโกรธดิน
    เห็นสายน้ำหลาก สาดเซาะ แก่ง หิน
    เห็น พื้น ดิน แยก แตกเพราะถูกรอยไถ
    เห็นใบไม้ครวญหวนอยู่ริมธาร
    เห็น ศาล เพียงตาแล้วข้าปวดใจ
    เห็นแสงเดือนส่อง ยิ่งมอง ใจหาย
    เห็น เธอร้อง ไห้ ช้ำใจเพราะใครเขาทำ
    เธอ ช้ำใจเพราะถูกใครลวง
    บอกกับฉันอย่ามาหวง ใครลวงให้เธอชอกช้ำ
    บอกฉันสักหน่อย อย่าปล่อยให้ใจระกำ
    เธอร้องไห้เพราะใครเขาทำ
    เธอช้ำเพราะใครหรือเธอ
    เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
    แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
    ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
    หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน
    
    เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
    แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
    ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
    หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน...
    ........
    16.gif36.gif
  • ศรีสมภพ

    10 มีนาคม 2554 01:08 น. - comment id 1187162

    โอ..มหากาพย์ จินตกวีที่หลายหลาก
    ริ้วม่านฉากกวักไกว งามใหญ่ยิ่ง
    ร่ายเพลงฝันบรรเลงนำ สู่ความจริง
    กล่อมสรรพสิ่งนิ่งนิจ..สถิตนิรันดร์
  • ฤกษ์ไม่ได้ล๊อกอิน)

    17 มีนาคม 2554 18:03 น. - comment id 1188145

    กัมปนาทแผดเปรี้ยงควันตลบ
    ร่างจ่าเพียรซวนซบอยู่กับที่
    หลั่งโลหิตนองพื้นปฐพี
    โดนมาแล้วกี่ทีไม่คำนึง
    
    จ่าสมเพียรตายแล้วเป็นนายพล
    ชาวประชาทุกคนต่างซาบซึ้ง
    ท่านร่มเกล้าได้รับอย่างคล้ายคลึง
    ทำความดีสักครึ่งได้ไหมนี่
    
    บันนังสตาเดือดร้อนขั้นวิกฤต
    แล้วจ่าเพียรถวายชีวิตเพื่อน้องพี่
    ก่อการร้ายตัวจริงนั้นมากมี
    ใช่ปลุกผีกลางตลาดราชดำเนิน
    
    อ้างเอาชื่อก่อการร้ายมาตีข่าว
    เพื่อร่มเกล้าปูนบำเหน็จไม่ขัดเขิน
    ต่างฟ้าดินจ่าเพียรต้องเผชิญ
    ให้จำเริญเถิดหนาประชาชน
    
    ทั้งลูกเมียช่วยเหลือเสียมิได้
    เมียร่มเกล้ายิ่งใหญ่ก็รับผล
    ที่ปรึกษานายกงกเหลือทน
    เหมือนกับการเล่นกลดันดารา..
    
    ของเก่ามาอ่านใหม่

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน