ฉันรอนายถึงวันนี้,ที่ตรงนั้น ผ่านคืนวันอยู่ตรงนี้ที่นายหาย หวังพานพบอยู่กับท่านถึงวันตาย ตราบวันนี้ไม่เห็นนาย...ฉันยังรอ ....................................... ๑ วันที่เขาเลี้ยงมันไว้ที่ในบ้าน ดังพบพานเพื่อนสนิทแนบชิดหนอ ทุกทุกวันไม่เคยเหงาเคล้าเคลียคลอ ความอบอุ่นสาดแสงทอที่แววตา แม้ไม่อาจพูดออกไปดังใจรัก แต่ความภักดีก็เห็นประหนึ่งว่า พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันตลอดมา ไร้เล่ห์เหลี่ยมไร้มารยาคอยห่วงใย คอยไปส่งชานชาลาเวลาเช้า หิมะพราวหนาวเหน็บแท้สักแค่ไหน ตราบภาพนายเดินหายลับกับรถไฟ ย้อนกลับมาถึงเมื่อไหร่...ยังเฝ้าคอย ๒ เย็นวันหนึ่งนายหายไปไม่กลับบ้าน นั่งรอคอยอยู่เนิ่นนานเศร้าเหงาหงอย ตราบอาทิตย์ลับผ่านวัน พระจันทร์ลอย เจ้าหมาน้อยรอนายอยู่...คู่ชานชาลา ๓ ใครหนอมาเต็มบ้านเมื่อวานนี้ มันคงสงสัยฤดี...ไม่รู้ว่า - พวกเขานำคำข่าวร้ายของนายมา ...ไร้โอกาสพานพบหน้าชั่วกัปกัลป์... ๔ ชานชาลายามเช้านั้นมันแสนหนาว หิมะพราวพรมขนทั่วทั้งตัวนั่น รออยู่จนถึงยามเย็นเช่นทุกวัน ใจคงเศร้าคงหนาวสั่นกว่าร่างกาย ....................................... ฉันรอนายถึงวันนี้,ที่ตรงนั้น ผ่านคืนวันอยู่ตรงนี้ที่นายหาย หวังพานพบอยู่กับท่านถึงวันตาย ตราบวันนี้รอคอยนาย...อยู่ที่เดิม ที่มาของบทกลอน เรื่องของฮาจิโกะ ในปี 1924 ฮาจิโกะถูกซื้อจากโตเกียว โดยศาสตร์ตราจารย์ ฮิเดะซาปุโระ อุเอโนะ (ศาสตราจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว) ระหว่างที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่ ฮาจิโกะจะไปส่งเจ้านาย บริเวณใกล้ๆกับสถานีรถไฟชิบุย่าและรอคอยเจ้านายกลับบ้านที่นั่นทุกๆวันในตอนเย็น จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเดือน พฤษภาคม ปี 1925 ศาสตราจารย์ อุเอโนะ ก็ไม่ได้กลับบ้านมาเหมือนปกติเนื่องจากมีอาการป่วยกำเริบที่มหาลัยในวันนั้น และเขาก็ได้เสียชีวิตลง แต่ละวันฮาจิโกะ จะเฝ้ารอศาสตราจารย์ อุเอโนะกลับมา รอรถไฟขบวนแล้วขบวนเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้านายที่รักของมันจะก้าวออกมาให้เห็นเหมือนเช่นเคย แต่มันก็ยังคงเฝ้ารออย่างตั้งใจอยู่อย่างนั้นทุกวัน พวกคนที่ผ่านไปมารวมทั้งนักข่าวต่างสงสัยกันว่า ทำไมเจ้าหมาตัวนี้ถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้จ้องมองไปที่รถไฟทุกวัน จนได้รู้เรื่องจึงได้ซื้ออาหารเลี้ยงดูเอาใจใส่เจ้าฮะจิในระหว่างที่รอเจ้านายของมันอยู่ 10 ปีผ่านไป นักข่าวคนหนึ่งที่เคยทราบเรื่อง กลับมาที่สถานีรถไฟที่เดิมอีกครั้งและที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดเมื่อเขาพบว่าเจ้า ฮาจิโกะ สุนัขตัวเดิมที่ยังคงนั่งจ้องรถไฟรอเจ้านายของมันอยู่ เหมือนดัง 10 ปีที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลงเลย จนกระทั่ง วันที่ 3 มีนาคม 1935 ฮาจิโกะก็ได้เสียชีวิตลง โดยถูกพบบนถนนย่านชิบุย่า เรื่องราวของฮะจิถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2478 เมื่อหนังสือพิมพ์อาซาฮีได้ตีพิมพ์เรื่องราวดังกล่าว จนภายหลังได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุนัขยอดกตัญญู" (忠犬)และถูกสร้างเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ ซึ่งเป็นจุดที่ฮะจิโกะเคยนั่งรอเจ้านายของมัน ในปัจจุบันฮาจิเป็นสัญลักษณ์ของความสัตย์ซื่อ หนุ่มสาวญี่ปุ่นจะไปสัญญารักต่อกันหน้า รูปหล่อของฮะจิที่สถานีรถไฟแห่งนี้.....
15 กุมภาพันธ์ 2554 19:50 น. - comment id 1185013
เคยได้ยินนานแล้วเหมือนกันค่ะ ตำนานของน้องหมาฮาจิ เศร้าและน่านับถือในความ ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อเจ้าของ ของน้องหมามากเลยค่ะ
15 กุมภาพันธ์ 2554 20:18 น. - comment id 1185027
รักข้ามเผ่าพันธุ์ มั่นคงยิ่งกว่ารักของคนเราบางคนวะอีก ซึ้งๆๆๆๆ
15 กุมภาพันธ์ 2554 23:33 น. - comment id 1185048
สวัสดีเจ้า พี่ใบไม้ : หนูหิ่ง ฯ ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ หนูหิ่ง ฯ เคยมีหมาด้วยนะคะ แม่บอกว่าหมาตัวนั้นเกิดวันเดียวกันกะหนูหิ่ง ฯ เลยค่ะ เป็นหมาสีดำ ขื่อว่า * หมี * ตลกดีนะคะ เป็นหมา แต่ดันชื่อ * หมี * หมีตายตอนอายุ 9 ขวบค่ะ หนูหิ่ง ฯ กอดคอมันร้องให้เวลาที่มันตาย
16 กุมภาพันธ์ 2554 10:38 น. - comment id 1185151
สวัสดีวันพุธค่ะ Sanshiro San..... ชื่นชมในความจงรัก ภักดีของฮาจิโกะนะคะ.. ฮาจิ ก็จากโลกนี้ไปตั้งนานเกือบร้อยปีแล้ว.. แซมสงสัยว่า ฮาจิจะไปเกิดใหม่รึยังนะคะ... ใครจะรู้ อาจจะไปเกิดเป็น Sanshiro San ก็เป็นได้... ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆ ของพี่ใบไม้นะคะ.. จิ๊บ..จิ๊บ.. (เสียงนกแซม..) แซมเอา Dancing Merengue Dog มาฝาก ต้องไปดูให้ได้นะคะ.. มากๆ เลยค่ะ.. http://www.youtube.com/watch?v=Nc9xq-TVyHI&feature=player_embedded#at=11 มะขิ่น DE CA