ดูสิ! ความอ่อนโยนบนโพ้นฟ้า ประโลมปลอบโลกหล้ายามฟ้าหนาว เปล่งประกายระยิบอยู่วิบวาว ระบำดาวเด่นสรวงแต้มดวงตา ขณะลมโบกไหวใบไม้ปลิว เพลงผิวจึงพลิ้วพาดปรารถนา กล่อมคืนเหมือนเช่นเคยเป็นมา หาญกล้าเหมือนเช่นเคยเล่นลม เป็นท่วงทำนองอันล่องลอย ดื่นคล้อยเพลิดเพลินเสียเกินข่ม เถิด...อาบคราบไคลในเศร้าตรม ห้อมห่มความเหงาด้วยเงาฟ้า โล้เลื่อนเหมือนเมฆที่ล่องลอย รายร้อยรำพันกับจันทร์จ้า ขณะสวรรค์พร่ำพรรณนา บอกว่าคืนนี้อีกยาวนัก แด่ฉันและเจ้าผู้เข้าใจ การพรากจากไกลได้ประจักษ์ ความรู้สึกสุดท้ายเข้าทายทัก บอกว่าการมีรักมักปวดร้าว ในแววตาทั้งคู่ฉันรู้ดี หยดน้ำที่ฉ่ำชื้นในคืนหนาว มิแตกต่างกับดื่นค่ำระบำดาว ที่วามวาว ... หลั่งเรื่อ แ ต้ ม เ นื้ อ ต า
1 ธันวาคม 2553 21:43 น. - comment id 1171303
ทุกยามเย็นใจหวนคร่ำครวญหา ถึงบางใครจากน้องไปไกลสุดฝัน ครบปีแล้วจากสัญญาที่ผูกพัน ทิ้งน้องนั้นให้คร่ำครวญหวนอาลัย อ่านกลอนของคุณแล้วทำให้คิดถึงใครคนหนึ่ง คะ (ขอบคุณนะคะ) ถ้าไม่สัมผัส ขออภัยด้วย
1 ธันวาคม 2553 22:34 น. - comment id 1171373
...ทำไมนะคนเราถึงชอบมองไปบนฟ้า..ผมก็เช่นกันครับ !... ...ขอชื่นชมครับ...
4 ธันวาคม 2553 22:08 น. - comment id 1171717
คุณเดียวดาย ยินดีเสมอที่แวะมาค่ะ ความคิดถึงเป็นเรื่องของหัวใจ ห้ามกันไม่ได้เน๊าะ คุณพงษ์ สุนนท์ แห่ะๆ ที่ชอบมองฟ้าเพราะไม่รู้จะมองอะไรที่มันสวยกว่าฟ้าน่ะค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ