ความรักเอ๋ย... เจ้าไม่เคยแบ่งข้างสร้างเงื่อนไข แต่ตัณหาพาเจ้าเปลี่ยนแปรไป เป็นความใคร่หมองมัวกลั้วราคี ความรักเอ๋ย... เจ้าไม่เคยผลักไสใครโศกศรี แต่อัตตาพาเจ้าเคล้าโลกีย์ สร้างแต่ทุกข์ท้นทวีบัดสีความ ความรักเอ๋ย... เจ้าไม่เคยทำร้ายหมายหมิ่นหยาม แต่ทิฐิมานะพยายาม คอยประนามชื่อเจ้าจนเทาหม่น ความรักเอ๋ย... เจ้าไม่เคยลวงล่อหวังรอผล แต่อวิชชาพาเจ้าเข้าวังวน ป้ายเล่ห์กลแก่เจ้ามาเนานาน ความรักเอ๋ย... เจ้าไม่เคยพลาดผิดคิดประหาร แต่ปัญญาพร่าเลือนแห่งคนพาล จ้องประจานโทษเจ้าอย่างเมามัน ความรักเอ๋ย... เจ้าไม่เคยพ่ายแพ้ฤาแปรผัน แม้นโลกลับดับไปไร้ชีวัน เจ้ายังอยู่คงมั่นนิรันดร....
28 พฤศจิกายน 2553 22:58 น. - comment id 1170311
ชอบมากๆเลยครับ?
28 พฤศจิกายน 2553 22:24 น. - comment id 1170314
เพราะคะ...ชอบมาก...
28 พฤศจิกายน 2553 23:32 น. - comment id 1170337
"ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ ยกเว้นความรักของพระเจ้า" กล่าวกันว่าความรักจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงต้องรู้แจ้งว่าสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน..... เราคือเขา เขาคือเรา ไม่แบ่งแยกเรา-เขา ปลดทิ้งความเป็นมายาแห่งตัวตนลงเสีย ก็จะไม่หลือใครให้รักอีกต่อไป การไม่มีใครให้รักนี่เอง(ตัวตน) จึงสามารถรักคนอื่นได้เหมือนการรักตัวเองเป็นธรรมชาติที่สุด เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าไม่มีที่ใดให้ฉันอยู่ ฉันไม่ได้อยู่ที่แห่งใด ดังนั้น ฉันจึงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ฟังงงๆ แต่เป็นเช่นนั้นจริงๆ ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยติชมครับ
28 พฤศจิกายน 2553 23:40 น. - comment id 1170531
ไม่มีที่ใดให้ฉันอยู่ ฉันไม่ได้อยู่ที่แห่งใด ดังนั้น ฉันจึงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ....................เพราะไม่มีตัวฉัน ของฉันใช่ไหมค๊ะ นั่นคือความหมายของ อนัตตา ใช่หรือเปล่าเอ่ย
27 พฤศจิกายน 2553 16:44 น. - comment id 1170815
โอ๊ะ..... มีหลายคนจริงๆนะคะ ที่ give love a bad name เนี่ยะ.. ทั้ง ตัณหา,อัตตา, ทิฐิ และอวิชชา.. คุณ"ความรัก" ต้องระวังตัวให้ดีๆหน่อยแล้วนะคะ....... บทกลอนไพเราะค่ะ... ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ แซม
28 พฤศจิกายน 2553 09:16 น. - comment id 1170845
ดีตรงที่ความรักมันยังอยู่นิรันคร ผิดที่ตัวแปรเน๊าะ อิอิ ให้ข้อคิดดีมากเลยค่ะ ไพเราะด้วย
28 พฤศจิกายน 2553 12:01 น. - comment id 1170863
คงจะมีแต่ความรักความเมตตากระมัง ที่คงพอจะใช้ได้กับสถานะการปัจจุบัน อย่างที่พระเยซูหรือท่านพุทธทาส ว่าไว้ว่า.... " ความรักผู้อื่น คือหัวใจของทุกศาสนา "
28 พฤศจิกายน 2553 23:59 น. - comment id 1170908
สวัสดียามดึกครับ... ไม่ใช่เพียงความหมายของอนัตตาอย่างเดียวครับ ตามความเห็นของผมมันรวมถึง อัตตา อนัตตา รวมทั้งสุญตาด้วยครับ... ธรรมชาติของสิ่งทั้งปวงเป็นสุญตาโดยสภาพอยู่แล้วครับ ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ปราศจากการยึดมั่นถือมั่นในขัณธ์ทั้งปวงก็เป็นสุญตา นั่นคือประตูแห่งความไม่เป็นสภาวะคู่หรือทวิลักษณ์ และตรงนี้เองท่านว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่งครับ.... "ว่างเปล่า จึงเต็มเปี่ยม"
29 พฤศจิกายน 2553 19:25 น. - comment id 1170977
นั่นซินะสภาวะนั้นคงอิสระดี...หรือเรียกสิ่งนั้นว่า เต๋า ใช่ไหมค๊ะ
30 พฤศจิกายน 2553 15:35 น. - comment id 1171184
อันนี้ผมไม่อาจตอบได้ครับขอแนะนำ หนังสือดีแห่งยุคชื่อ "กุญแจสู่การรู้แจ้งในทันที" ของท่านอนุตตราจารย์ชิงไห่ ติดต่อสอบถามได้ที่ สมาคมนานาชาติอนุตราจารย์ชิงไห่ ศูนย์กรุงเทพ 537/191-192 ซอยสาธุประดิษฐ์ 37 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. 10120 โทรศัพท์ 02-682-0015 โทรสาร 02-682-0014 รถเมล์ที่ผ่านหน้าซอย สาย 35, 62, สองแถวแดง สาย 1279 (วัดดอกไม้) "นามที่บัญญัติได้ ไม่ใช่นามอมตะ"