๐๒๐๙๕๓ ๏ สานกาย, กลึง..เกี่ยวรั้ง, กันพลั้งหลุด แรงโน้มนุชเพลงหน่วงคืนห้วงหนาว ในคืนมืดจันทร์มอดยังพรอดดาว ยินเสียงผ่าวลมผ่อนกรุ่นร้อนเกิน ๏ หากแต่ฝนร่วงผายจากปลายฟ้า ยังโอบกล่อมผืนนาครอบป่าเขิน ทั่วลุ่มดอนแอ่งที่ทั้งมีเนิน ก็ชุ่มเกินใจฝันที่หวั่นพอ ๏ คืนหนาวนอนฟังฝนที่หล่นพ่วง ในโซ่บ่วงแรงบุกที่คลุกต่อ- เพลงหวานแทรกเพลินรักที่ถักทอ ยังร่ำห่อ, จนหับไม่หลับ..แล้ว ๏ อา..สายกาล เกี่ยวฝากเพื่ออยากฝ่า- วงหรรษาภาพไล้ยังไม่แผ่ว คงแต่ลึก โลมธาตุ ในวาดแนว ลีลาแผ้ว ถางผากให้อยากชม ๏ ไหน..ระฆังเคาะยกให้ถกนับ ไร้ผู้จับสำเนียงและเสียงขรม หากมีแต่สายฝนช่วยหล่นพรม พร้อมการบ่มเสียงอุ่นให้กรุ่นอวล ๏ สานกาย, ซบ..พอซับสำทับทุก- อนู, ต่อ..ตั้งลุก..สนุกสรวล ไร้รูปแบบ..รสพร่ำ..หลากสำนวน ในคืนครวญ..ศัพท์หาย แห่ง..สายกาล ๐๐๒๖ ๐๓๐๙๕๓
6 กันยายน 2553 03:13 น. - comment id 1154573
(ทำเค้านอนไม่หลับ เลยนะตัวเอง โกรธแล้ว)
6 กันยายน 2553 05:52 น. - comment id 1154579
ชะโลมแหล่ง แห่งแยก แตกระแหง ที่เคยแล้ง ฝนพรำ ก็ฉ่ำหนาว คละครืนคล่ำ พร่ำหล่น จนพร่างพราว กายปวดร้าว ขัดยอก ฝนตอกโลม ระฆังกร่าง ทางท่าม ฝนหลามไหล บอกความนัย ไม่แจ้ง แหล่งถาโถม ภาษาฝน ก่นกราด สาดตระโบม เดือนเพ็ญโฉม คล้อยหลัง ระฆังรัว.... มาทักทายบทกลอนไพเราะค่ะ... ขอบคุณอีกครั้งที่แบ่งปันบทกวี.. แซมอ่อนภาษา..ผิดพลั้ง ต้องขออภัยค่ะ... แซม
6 กันยายน 2553 09:02 น. - comment id 1154591
เมื่อระฆังเคาะยกจึงปรกปัด พลิ้วสะบัดเเรงบอกเพื่อหยอกถาม เเว่วกังวนบางสิ่งกับอิงตาม ถึงนิยามหมายเย้าเพียงเอาชัย หากแต่หวนคิดหาคำลาจาก เฝ้าหลงฝากคำเพ้อที่เผลอไผล กับอาวรณ์รูปกายก่อนหายไป คืนนั้นจะเช่นไรขอให้ลืม .............. กลอนไพเราะมากค่ะ..อ่านเเล้ววาบหวาม หวั่นไหวและหวิวหวิว