๏ ทะยานโผนโจนฟ้าสู่อากาศ นาคราชเหยียดกายว่ายเวหน หอบวารีโหมเชี่ยวเป็นเกลียววน หมุนขึ้นบนฟากฟ้าสุราลัย ๏ ด้วยความคึกคะนองผยองฤทธิ์ สำแดงอิทธิ์ฤทธาอาการใหญ่ วะเวิ้งว่ายร่ายเล่นยะเย็นใจ วะวนเลื่อนเคลื่อนไหวในนภา ๏ พิรุณโรยโปรยพร่างควะคว้างหล่น พยับฝนครึ้มพรำฉ่ำเวหา ละล่องปลิวพริ้วปรอยเคลื่อนคล้อยมา ประสานรับฤทธานาคนาคี ๏ แสนประหลาดอัศจรรย์บันเทิงจิต คนึงพิศติดตามความเคลื่อนที่ ทั้งละอองฝนรายสายมณี ประหนึ่งทิพย์วารีอันมีมนต์ ๏ ทะยานโผนโจนฟ้าสู่อากาศ นาคราชเหยียดกายว่ายเวหน๚๛
14 สิงหาคม 2553 09:45 น. - comment id 1151135
จะตามมนต์ นาคราช ยังขลาดจิต มิกล้าพิศ ติดตาม ความเคลื่อนไหว เกรงซะว่า ชีวัน จะบรรลัย ขอหลีกหนี ให้ไกล ไม่กล้าพอ
14 สิงหาคม 2553 11:55 น. - comment id 1151144
สุดแสนจะไพเราะ.... จารย์พี่โป้ง หายไปไหนมาคะ แซมเกือบจะลงประกาศคนหายอยู่แล้วเชียว.. นี่ถ้าอาทิตย์หน้าไม่มาก่อนวันเกิด แซมจะประกาศจริงๆนะเนี่ยะ.... จารย์หายไป ลูกศิษย์ เขียนกลอนไม่ได้เรื่องเลย.... ไปตรวจงานของแซมหรือยัง..มีหลายบทที่จารย์ยังไม่ได้อ่านนะคะ... แซมชอบบทนี้มากๆเลยค่ะ แซม
14 สิงหาคม 2553 14:48 น. - comment id 1151157
ขอบคุณครับสำหรับกลอนที่สอนให้ ลิขิตไว้เป็นบทกลกระโจนรี่ งามถ้อยคำเทียบเคียงเสียงนาคี ประดุจทิพย์แห่งกวี...เลือกสรรมา
14 สิงหาคม 2553 20:18 น. - comment id 1151178
** ฤๅสื่อนาคจากฟ้านภาสรวง ประดับดวงดาวใจที่ใฝ่หา ความผูกพันมั่นหมายในสายตา ด้วยรู้ค่ารักแท้มอบแก่กัน จะอยู่ผืนแดนใดในพิภพ มิรู้จบงดงามดุจความฝัน วังวารีเราสองประคองกัน ท่ามหมอกควันรุ้งราวที่พราวพราย ดั่งทิพย์เทพเสพย์สถานวิมานเมฆ รุจิเลขวังวารีคือที่หมาย งามวังแก้วแพรวขวัญพรรณราย ในท่ามสายรุ้งรางดุจกลางวัน ที่นาครู้อยู่เคียงกันเพียงสอง พี่และน้องประคองคู่สู่สวรรค์ สมพงศ์จากฟากสรวงดังดวงจันทร์ คือความฝันวิมานทองของชีวี ตะวันสาดแสงทองลอดช่องเมฆ เหมือนดั่งเสกนาคคู่ดูสดสี งามเกินไหนในหล้าประดามี ดั่งวารีคืนหวัง..ยังสองคน พุ่งทะยานเหนือฟ้าสู่อากาศ นาคราชเหยียดกายว่ายเวหน หอบวารีโหมเชี่ยวเป็นเกลียววน หมุนขึ้นบนฟากฟ้าสุราลัย ** ระลอกคลื่นสู่สรวงดั่งดวงจิต ขออธิษฐานมั่นมิหวั่นไหว นาคราชนาคีพร้อมพลีใจ ภพชาติใหม่บารมีพระศรีอารย์ฯ.... บทกลอนไพเราะมากค่ะ...เกิดแรงบันดาลใจ..เห็นภาพขึ้นมาในนิมิต..จึงขอแจมกลอนด้วยนะคะ...
14 สิงหาคม 2553 21:19 น. - comment id 1151191
ไพราะมากครับพี่
14 สิงหาคม 2553 21:37 น. - comment id 1151196
คารวะตามศิษย์พี่ฝึกฝีมือ โปรดแนะนำฝึกปรืออย่าถือสา เด็กน้อยน้อยแสนซนช่างเจรจา บทกวีมีคุณค่าน่าติดตาม แวะมาสวัสดีค่า
15 สิงหาคม 2553 10:09 น. - comment id 1151245
สุดยอดจินตกานท์ ไพเราะมากค่ะ
15 สิงหาคม 2553 11:08 น. - comment id 1151265
แวะมาชื่นชมผลงาน นะครับ
15 สิงหาคม 2553 15:24 น. - comment id 1151308
พี่ว่าฟังดูน่ากลัวนะครับ คิดถึงครับ
16 สิงหาคม 2553 00:42 น. - comment id 1151378
หวัดดีครับท่านสุริยันต์ เดี๋ยวส่งเมลให้ครับ
16 สิงหาคม 2553 07:11 น. - comment id 1151402
หวัดดีเพือน แวะมาเยี่ยมจ้า เย็นๆ จะกลับมาอ่าน อิอิ
16 สิงหาคม 2553 07:32 น. - comment id 1151411
วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลย
16 สิงหาคม 2553 13:19 น. - comment id 1151455
งดงามครับ คุณสุริยันต์
16 สิงหาคม 2553 19:40 น. - comment id 1151468
ดีครับศิษย์เขย อะไรกันแค่นี้ก็กลัวชีวันจะบรรลัยซะแล้วเหรอ เฮ้อ...ทีความรักคือความร้ายนี่ไม่ยักกะกลัวเนอะ ดีครับคุณลูกศิษย์ แบบว่างานเยอะมากครับ เลยคิดอะไรไม่ออกเลย เพราะทุ่มเททำงานอยู่นะครับ ดีครับจอมยุทธ์กระบี่ ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชม ผลงานของข้าน้อยเพลงดาบสุริยันต์ ดีครับคุณราชิกา ขอบคุณที่นำกลอนผมไปต่อยอดนะครับ เพราะมากเลยนะ ดีครับน้องนิว ผลงานน้องก็ใช่ย่อยนะครับ เพราะมากเช่นกัน ขอบคุณแต๊ ๆ เลยน่อน่องจาย ดีครับหนูสน อย่างนี้ถือว่าผมมีศิษย์เพิ่มอีกฅนแล้วสิเนี่ยเรา ดีครับคุณวลีฯ ขอบคุณมากครับ ช่วงนี้เขียนงานไม่ออกเลยเน่อหมดแรงอ่ะครับ ดีครับพี่อรุโณทัย ขอบคุณมากครับที่ยังไม่ลืมกันครับ ดีครับพี่อินสวน ธรรมชาติน่ะไม่น่ากลัวเท่าความรักหรอกครับพี่ชาย อิอิ...คิดถึงพี่เหมือนกันนะครับ ดีครับพี่ป๋อง ขอบคุณที่ยังจำสัญญาได้ครับ คิดถึงเสมอพี่ชาย ดีครับม่านแก้ว ขอบคุณมากมายที่ไม่เคยลืมกันนะครับ ดีครับคุณครูฯ ที่นี่ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนครับ แต่ฟ้ายังครึ้มอยู่เลย ดีครับปู่กิ่ง คิดถึงปู่จังเลยนิ ขอบคุณมากครับ
17 สิงหาคม 2553 15:58 น. - comment id 1151587
เยี่ยมเลยค่ะ
17 สิงหาคม 2553 18:31 น. - comment id 1151623
แวะมาเยี่ยมครับ กลบท เป็นหนึ่งในร้อยกรอง ที่เป็นของเล่นของนักปราชญ์สมัยก่อนที่เบื่อการ เล่นร้อยกรองต่างๆ และต่างก็พยายามหาสิ่งใหม่ๆ มาเขียนเพื่อชักจูงให้แหวกแนวออกไป ซึ่งมาบรรจุ ในตำราภายหลังครับ ผมเองเคยฝึกเหมือนกัน แต่ทว่าผมเชื่อครูผม เลยไม่ฝึกให้เกิดสามอย่าง ท่านกล่าวไว้ว่า การรู้นั้นไม่จำเป็นต้องมากนัก หากรู้มากไปมักจะเอาตัวไม่รอด ผมมานั่งคิดๆดู เห็นจะจริง อย่างไรเล่าก็ทำให้เราเกิดความ สับสนเป็นคนจับจดไป ท่านบอกว่าอ้าวหากจะ คิดเรียนรู้ไว้เถิดแต่ขอให้เก่งอย่าเกิดสามอย่าง ก็จะเอาตัวรอด ดังนั้นผมก็ตั้งสัจจะตัวเองว่า ศึกษาได้แต่เขียนก็จะไม่ให้เกินสามอย่างครับ นี่มาระบายให้ฟังนะครับ ไม่ใช่ผมไม่ชอบกลบท นะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 สิงหาคม 2553 09:08 น. - comment id 1151765
มาตามมนต์ค่ะ
30 สิงหาคม 2553 17:49 น. - comment id 1153709
กลอนเพราะค่ะ อ่านแล้วเพลินที่สุด ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ